13 มี.ค. 2022 เวลา 09:04 • ปรัชญา
โลกจะเจริญไปด้วยวัตถุสิ่งของที่จะมาบำรุงบำเรอกายมนุษย์ ที่จิตแต่ละดวงก็มาอาศัยกายมนุษย์ มากินมานอน มาสนุกสนาน สร้างสิ่งนั้นสิ่งนี้ สร้างแล้วก็มาเอามาทำลายมนุษย์ด้วยกันเองบ้าง ไม่นึกสงสารเห็นอกเห็นใจกัน สร้างสิ่งต่างๆมากมาย เสาะแสวงหาหาอะไรมากมากมาย ทั้งที่มีเวลาอยู่ในโลกนี้ แค่แปดสิบปีร้อยปี บางคนก็อยู่ไม่ถึงเสียอีก เป็นเด็กก็ตาย หนุ่มสาวก็ตาย แก่เฒ่าก็เจ็บป่วย ไปไหนไม่ไหว ก็รอความตาย
ตอนนอนรอความตายก็มีความเจริญวิทยา.มาช่วย หายใจเองไม่ได้ก็มีเครื่องช่วยหายใจ มียาตรงนั้นตรงนี้ ดูไอ้สิ่งที่มันผิดปรกติในร่างกาย มันอยู่ตรงไหนน่ะ จะเอามีดไปเฉือนมันทิ้งไปเสีย ของมันเสียอยู่ในกาย บ้างก็มีมีอุปกรณ์ เฉือนตรงนั้นตรงนี้ ผ่าเสริมแต่งให่มันงดงาม ให้มันอยู่ไปจนครบอายุขัย จนกว่ามันจะบำรุงเสริมแต่งอะไรไม่ได้ มันมีดีให้ใช้ ไม่เกินแปดสิบปีร้อยปี แล้วก็หลัยปุ๋ยไม่ลุกขึ้นมาอีก ถึงตอนนั้นก็ได้อาศัยเตาไฟฟ้าบ้าง เตาแก๊สบ้าง เผาทำลายมันไป เมื่อมีความเจริญ มีวัตถุอุปกรณ์ มีการบริหารจัดการมีระเบียบ มีความเสี่ยง ก็เกิดธุรกิจเสาะแสวงหาหากำไร ใครจะมาใช้บริการ ก็ต้องสำรวจ เงินทองในกระเป๋าเสียก่อน เพราะมันเป็นธุรกิจแสวงหากำไร ทุกคนก็มีภาระ มีค่าใช้จ่าย มีต้นทุน ไม่มีเงินก็ดูแลตัวเอง ก็ต้องเป็นไปตามยถากรรม แต่ว่าเมื่อถึงคราวจะตาย ถึงที่ตาย ตรงไหนมันก็ตายไม่เลือกที่ ตายได้ทุกที่ในโลกนี้
1
พอมาพูดถึงคำว่า ศีลธรรม เลยไม่รู้ว่าจะเอามันไว้ตรงไหนดีในโลกนี้ เอามันมาไว้ที่ใจเราก็แล้วกัน ให้มันคิดดีทำดี ทำด้วยกายวาจาใจของเรา ที่มันไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์อะไรเลย เพราะจิตเราอาศัยกายนี้ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็ต้องจากลา วิทยาศาสตร์ติดตามจิตเราไปไม่ได้ มีแต่คำว่าบุญกุศลบารมีที่กระทำขึ้นด้วยกายวาจาใจของตนเอง กายก็เป็นของโลก ความรู้ในโลกก็เป็นของโลก ทรัพย์สมบัติก็ของโลก ออกจากกายมนุษย์ก็ไปเพียงจิตดวงเดียว ไม่มีใครติดตามไปด้วยเลย
1
โฆษณา