20 มี.ค. 2022 เวลา 22:58 • หุ้น & เศรษฐกิจ
📌 ลงทุนหุ้น ‘ กลุ่มโรงพยาบาล ‘ มีปัจจัยใดที่ต้องจับตา 🏥
✅ แบ่งตามบริการ
- รพ. ที่รับประกันสังคม มีสัดส่วนของรายได้จากประกันสังคม 30%ขึ้นไป เช่น BCH, CHG, RJH, LPH
- รพ. ที่ไม่รับประกันสังคม เช่น BH, BDMS, PR9, THG, EKH,
✅ แบ่งตามจำนวนโรงพยาบาล
- รพ.เดี่ยว มี location อยู่ทีเดียว เช่น BH, PR9, EKH, RJH, RPH, LPH
- รพ.เครือข่าย เช่น BDMS, BCH, CHG, THG
✅ แบ่งตามประเภทคนไข้
- รพ.Local เน้นคนไทย เช่น RJH, RPH, LPH, CHG
- รพ.Inter มีสัดส่วนคนไข้ต่างชาติเยอะ เช่น BH, BDMS, PR9, BCH
- รพ.Inter (เฉพาะทาง) เช่น THG, EKH
โดยmarket capitalของกลุ่มโรงพยาบาลเทียบกับตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้นจาก10ปีที่เเล้ว จาก1%กว่าๆ เป็น4% ซึ่งก็ถือว่าไม่ได้เป็นsectorใหญ่
ส่วนแบ่งตลาดรายได้โรงพยาบาล
1. BDMS ส่วนแบ่งรายได้ กำไร สูงสุดมาตลอดตั้งแต่ปี 2014
2. BH สัดส่วนรายได้มาเป็นอันดับ2 แต่ช่วงปี2020 ที่เกิดโควิด รายได้ลดลงไปเกือบครึ่ง เนื่องจากไม่มีรายได้จากคนไข้ต่างชาติเข้ามา
3. BCH ส่วนแบ่งกำไรขายเพิ่มขึ้นในปี2020 เป็นเพราะฐานรายได้จากสิทธิประกันสังคมที่มีการปรับเรทและมีกำไรเพิ่มขึ้น รวมถึงมีรายได้จากการตรวจโควิดเพิ่มเข้ามา
จะเห็นว่ารพ.ประกันสังคมรายได้จะเพิ่มขึ้นแทบทุกรพ.ในปี2020
 
ประเภทกลุ่มลูกค้า
- จ่ายเงินสด
- สิทธิประกันสุขภาพ
- สิทธิประกันสังคม
- สิทธิหลักประกันสุขภาพ
- สิทธิข้าราชการ
2
ปัจจัยที่ต้องจับตาในการลงทุนกลุ่มโรงพยาบาล
▶️ ผู้ป่วยชาวไทย
- GDP
- การแข่งขัน
- รายงานการเฝ้าระวังโรค
- นโยบายภาครัฐ
▶️ ผู้ป่วยชาวต่างชาติ
- จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
- ราคาน้ำมัน
- การเมือง
- GDP ประเทศนั้นๆ
- ค่าเงินบาท
- นโยบายด้านสาธารณสุขของไทยและประเทศนั้น
▶️ ผู้ป่วยประกันสังคม
- นโยบายสำนักงานประกันสังคม
- จำนวนโรงงาน/การจัดตั้งบริษัท
📌 อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP growth)
GDP growth = ค่าเฉลี่ย 3.3 x ของการเติบโตGDP
🌟รายได้การเติบโตของรพ.จะโตกว่าGDP
▶️ การแข่งขัน
ต้องดูว่ารอบบริเวณรพ. มีคู่แข่งเดิมหรือไม่ รวมทั้ง คลินิก ร้านขายยาต่างๆด้วย
▶️ กฎระเบียบ - ในและนอกประเทศ
- กฎระเบียบในประเทศแต่เดิมมีแค่กระทรวงสาธารณสุขเข้ามาดูแล ปัจจุบันมีทั้ง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศ
- กฎระเบียบนอกประเทศ บางประเทศออกนโยบายห้ามประชาชนของตัวเองเข้าประเทศอื่น
🌟ต่างประเทศที่เข้ามาใช้บริการมากที่สุด ได้แก่ UAE และ คูเวต ส่วนซาอุดิอาระเบียกำลังกลับเข้ามา หลังจากมีปัญหาทางการเมือง
▶️ โรคระบาด - ในและนอกประเทศ
ส่วนมากอิงตามseasonal เคสผู้ป่วยในไทยจะเยอะในช่วงหน้าฝน คือเดือนก.ค-ต.ค.
แต่ที่ผ่านมาในปี2021 ที่เกิดโควิด คนใส่หน้ากากกันมากขึ้นทำให้มีคนป่วยน้อยลง ส่งผลให้caseลดลงมากแทบไม่ได้อิงตามseasonalเลย
📌โครงสร้างงบกำไร-ขาดทุน
▶️ + รายได้ค่าบริการโรงพยาบาล - ต้นทุนบริการ - ค่าเสื่อมราคา = กำไรขั้นต้น
▶️ กำไรขั้นต้น - ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร - ค่าเสื่อมราคา = กำไรจากการดำเนินงาน
▶️ กำไรจากการดำเนินงาน + รายได้อื่น - ค่าใช้จ่ายอื่น = กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย
▶️ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย - ดอกเบี้ยจ่าย = กำไรก่อนภาษี
▶️ กำไรก่อนภาษี - ภาษีจ่าย = กำไรหลังหักภาษี
▶️ กำไรหลังหักภาษี - ส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย + ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม = กำไรปกติ
▶️ กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย + ค่าเสื่อมราคา = EBITDA
✅ รายได้คนไข้ประกันสังคม = จำนวนผู้ประกันตนเฉลี่ย x รายได้ต่อหัวผู้ประกันตน
- OPD > เหมาจ่าย > ตกคนละ 1,640 บาท/คน/ปี
- IPD > ประกันจ่ายไม่เกิน 12,000/RW
📌 สัดส่วนรายได้
- รายได้เงินสด (OPD, IPD)
ส่วนมากรพ.ที่มีสัดส่วนรายได้ IPD เยอะๆ จะเป็นรพ.ที่รักษาโรคที่มีความซับซ้อน
และ รพ.ที่มีสัดส่วนรายได้OPDเยอะๆ จะเป็นรายได้จากการที่มีการรักษาโรคที่โดดเด่น เช่น LPH มีรายได้จากศูนย์เลสิก ส่วนEKH มีรายได้จากการทำเด็กหลอดแก้ว
🌟 รายได้จากIPDเยอะๆจะดีกว่า เพราะมีสัดส่วนmarginที่สูงกว่า
- รายได้รวม (เงินสด/ประกันสังคม/สปสช)
รพ.ที่ไม่มีประกันสังคม จะมีรายได้จาก IPD สูง
- รายได้จาก คนไข้ไทย/คนไข้ต่างประเทศ สัดส่วนรายได้คนไข้ต่างประเทศสูง BH EKH BDMS PR9 ซึ่ง BH มีสัดส่วนสูงสุดถึง 65%
- รายได้จากคนไข้ต่างประเทศ แยกประเทศ EKH พึ่งพาคนไข้ชาวจีนเยอะที่สุด
📌 การเติบโตของรายได้
- ปี 2020 ที่เกิดโควิด รพ.ที่รับประกันสังคมอย่างเช่น BCH, CHG, RJH, LPH มีรายได้เป็นบวกและเติบโตอย่างชัดเจน เนื่องจากประกันสังคมมีการปรับราคาขึ้น
📌 ต้นทุน และ ค่าใช้จ่าย
- ค่าแพทย์ ค่าพนักงาน เกือบ 50%
- ค่ายาและอุปกรณ์ ประมาณ 16%
เพราะฉะนั้น เวลาเกิดปัญหาต้ิงลดค่าแพทย์ ค่าพนักงาน ค่าOT
▶️ Break even point รพ.เดี่ยวประมาณ 3-4ปี ส่วนรพ.เครือข่าย อาจจะเห็นผลกระทบอยู่ 1-2ปี
📌 อัตรากำไร การเปลี่ยนแปลงของ EBITDA margin ในปี2019-2020
- กลุ่ม BH EKH PR9 THG จะพึ่งพาคนไข้ต่างประเทศเยอะ เมื่อรายได้หด marginก็เลยหดเยอะ ปกติ BDMS จะอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย แต่เนื่องจากสามารถประหยัดต้นทุนได้เยอะ marginเลยไม่ลงเยอะ
- กลุ่ม BCH LPH CHG ที่มีประกันสังคม และมีรายได้พิเศษจากการปรับเรท จึงทำให้marginขึ้น ส่วนRJH ที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มเนื่องจาก ไปbookรายได้ต่ำเกินไป ทำให้marginไม่ขึ้น
📌 D/E ratio -2020
รพ.ไม่ค่อยมีความเสี่ยงในเรื่องของการเงินเท่าไหร่ ส่วนใหญ่D/E ratio น้อยกว่า1
แต่มี THG BCH ที่จะมากกว่า 1 เนื่องจากมีการลงทุนเยอะ
📌 Net debt to EBIDA -2020
- THG debtมากสุด เพราะว่าลงทุนมากสุด มีการเปิดรพ.ติดๆกันโดยไม่ได้มีการเว้นช่วง ทำให้รายได้เข้ามาไม่ทันกับรายจ่าย จึงมีการกู้เงินค่อนข้างเยอะ
- BDMS EKH BH PR9 รายได้รันอยู่บน cash ทำให้แข็งแกร่ง
🌟Concept การประเมินมูลค่าหุ้นโรงพยาบาล 🌟
ส่วนใหญ่ใช้ Discounted cash Flow หรือ DCF เพราะ
1️⃣ รพ.ใช้เงินลงทุนสินทรัพย์ถาวรช่วงแรกสูง เช่น การสร้างตึก ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งมีอายุการใช้งาน 10-40ปี
2️⃣ การใช้PER อาจจะบิดเบือน หากมีการเปิดรพ.ใหม่ที่ทำให้รายได้และต้นทุนไม่สอดคล้องกัน
✅ รพ.เดี่ยว (BH THG RJH PR9 EKH RPH LPH) มีแนวโน้มเทรด PER ต่ำกว่า รพ.เครือข่าย (BDMS BCH CHG)
3️⃣ เงินปันผลต่ำ 1-3%
📌 อัตราตอบแทนเงินปันผล
สำหรับกลุ่มรพ.ปันผลอาจจะไม่น่าจูงใจเท่าไหร่
▶️ กลุ่ม EKH RJH LPH RPH ให้ปันผลสูง
📌 สรุปลักษณะหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล
- รายได้โตได้ดีกว่า GDP
- รายได้รายไตรมาสมีผลกระทบจากฤดูกาลโรคระบาด รายได้จะสูงสุดในช่วงฤดูฝน
- หากมีการเปิดรพ.ใหม่ อัตรากำไรและกำไรมีแนวโน้มลดลง
- ให้ปันผล 1-3% โดยเฉลี่ย
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดบัญชี ค่าคอมหุ้น 0.05%
TFEX สัญญาละ 18-20
กับโบรคเกอร์
แนะนำหุ้นโดยที่ผู้แนะนำการลงทุนที่มีใบอนุญาต
แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรทาง INBOX ได้เลยครับ
โฆษณา