21 มี.ค. 2022 เวลา 05:30 • บันเทิง
ในปัจจุบัน คงแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครไม่รู้จักนักแสดงหุ่นล่ำบึกและน่าเกรงขามอย่าง “ดเวย์น จอห์นสัน” หรือ เดอะร็อค ที่หลายปีมานี้เรามักจะเห็นหน้าของเขาปรากฏอยู่บนจอภาพยนตร์เสมอ
.
วันนี้ Career Fact จะพามารู้จักกับนักแสดงสุดล่ำคนนี้ว่ากว่าจะมาเป็นนักแสดงแถวหน้าของโลกนั้น จุดเริ่มต้นของเขาไม่ง่ายเลย
.
⌈อ่านในรูปแบบเว็บไซต์ได้ที่ https://blog.cariber.co/care.../post/the-rock-dwayne-johnson⌋
#ทายาทนักมวยปล้ำ
.
ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) เกิดเมื่อปี 1972 ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย เขาเป็นลูกชายของร็อคกี้ จอห์นสัน (Rocky Johnson) นักมวยปล้ำแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกที่คว้าแชมป์แบบแท็กทีม และยังเป็นหลานชายของปีเตอร์ มายเวีย (Peter Maivia) นักมวยปล้ำเชื้อสายซามัวอีกด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ดเวย์นจะเติบโตมากับธรรมชาติของการเป็นนักมวย
.
1
ในช่วงวัยเด็ก ดเวย์นอาศัยอยู่กับคุณแม่ของเขาที่นิวซีแลนด์ก่อนที่เขาจะย้ายกลับมาอยู่ที่อเมริกากับคุณพ่อ แต่ด้วยความที่กีฬามวยปล้ำที่ยังไม่เป็นที่นิยมนักทำให้รายได้ของครอบครัวค่อนข้างฝืดเคือง ดเวย์นในวัย 14 ปี จึงเลือกที่จะออกตระเวนฉกชิงวิ่งราวกับกลุ่มเพื่อนแล้วนำไปขายและหัดปลอมเช็คไปแลกเงินสดอีกด้วย
.
.
2
#นักกีฬาอเมริกันฟุตบอล
.
เมื่ออายุได้ 16 ปี ดเวย์นที่กำลังใช้ชีวิตโลดโผนอยู่นั้นก็มีโอกาสได้เริ่มเล่นกีฬาอเมริกันฟุตบอลตามคำแนะนำของครูประจำโรงเรียนเนื่องจากเขามีร่างกายที่ใหญ่โตและแข็งแกร่งบวกกับที่นิสัยก้าวร้าวดุดัน นั่นจึงทำให้เขาเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองอย่างมากในเวลานั้น
.
ดเวย์นจึงได้รับโควต้าจากมหาวิทยาลัยชื่อดังมากมายเพราะใครๆ ก็อยากได้ตัวเขาไปร่วมทีม ท้ายที่สุดเขาตัดสินใจเข้าร่วมทีม Miami Hurricanes ของมหาวิทยาลัยไมอามีโดยลงเล่นในตำแหน่ง Defensive Lineman ซึ่งเขาก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจากการทำสถิติแท็กเกิลสำเร็จ 77 ครั้งในการลงสนาม 39 เกม และสามารถพาทีมคว้าแชมป์ระดับประเทศในปี 1991 ได้สำเร็จ
.
.
1
#อนาคตสุดริบหรี่กับเงิน7ดอลล่าร์
.
อนาคตช่างดูสดใส อย่างไรก็ตามดเวย์นต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บที่ไหล่อย่างหนักซึ่งทำให้ระยะเวลาในการลงเล่นของเขาลดลงไปด้วย ดเวย์นจึงดีไม่พอที่ถูกดราฟต์ไปเล่น NFL ท้ายที่สุดเขาตัดสินใจไปเล่นให้ทีม Calgary Stampede ที่ประเทศแคนาดา แต่อยู่ไปได้ 2 เดือน เขาก็ถูกตัดออกจากทีม
.
1
หลังถูกตัดออกจากทีม ดเวย์นก็เดินทางกลับไมอามี่พร้อมกับเรียกพ่อของเขาให้มารับที่สนามบิน เขานั่งรถกลับพร้อมกับคิดว่าอนาคตในวงการอเมริกันฟุตบอลช่างริบหรี่เหลือเกิน เขาหยิบกระเป๋าตังของเขาออกดูและพบว่าเขามีเงินติดตัวเพียงแค่ 7 ดอลลาร์เท่านั้น ทันใดนั้นเขาก็บอกตัวเองว่าจะต้องทำทุกวิถีทางให้มีเงินมากกว่านี้
.
.
#ผันตัวเข้าสู่วงการมวยปล้ำ
.
ไม่นานหลังจากนั้น ดเวย์นก็ขอร้องให้พ่อบังเกิดเกล้าของเขาอย่าง ร็อกกี้ จอห์นสัน ถ่ายทอดศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดให้และช่วยให้เขาเข้าสู่วงการมวยปล้ำให้ได้ แม้ร็อกกี้จะไม่เต็มใจช่วยในตอนแรก แต่ในที่สุด ดเวย์นก็ได้ขึ้นสังเวียนอาชีพครั้งแรกในศึก WWE ปี 1996 กับ Brooklyn Brawler ด้วยฉายา ‘ร็อกกี้ มายเวีย’ (Rocky Maivia) ที่ได้จากการเอาชื่อของคุณพ่อและคุณตาของเขามารวมกัน
.
2
หลังจากขึ้นสังเวียนไปได้สักพัก ดเวย์นก็สามารถคว้าแชมป์ USWA แบบแท็กทีมร่วมกับ Bart Sawyer มาได้สำเร็จ นั่นจึงทำให้ WWE จัดการเซ็นสัญญากับดเวย์นพร้อมกับฉายาใหม่อย่าง Flex Kavana หนึ่งปีต่อมา ดเวย์นก็เข้ามาเป็นผู้นำของทีม The Nation of Domination พร้อมกับเปลี่ยนฉายาของตัวเองอีกครั้งเป็น ‘เดอะร็อค’ (The Rock)
.
เดอะร็อคใช้เวลาไม่นานก็สามารถคว้าแชมป์ WWE มาครองได้สำเร็จ เขากลายเป็นแชมป์โลกที่อายุน้อยที่สุดในขณะนั้นด้วยวัย 26 ปี ด้วยทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง บุคลิกที่น่าจดจำ มีท่าไม้ตายเฉพาะตัวอย่าง Rock Bottom และ People’s Elbow รวมทั้งทักษะการเอ็นเตอร์เทนคนดูที่เร้าใจ ทำให้เขาได้รับฉายา The People’s Champ มาครองได้อย่างรวดเร็ว
.
2
ตลอดระยะเวลา 9 ปี เดอะร็อคสามารถกวาดแชมป์มาได้ทั้งหมด 17 รายการ เขาเป็นแชมป์โลก 9 สมัย โดยคว้าแชมป์โลกของ WWE มาได้ 7 สมัย และคว้าแชมป์โลก WCW มาได้ 2 สมัย รวมไปถึงแชมป์อื่นๆ ได้แก่ แชมป์อินเตอร์คอนติเนนทัล 2 สมัย แชมป์โลกแท็กทีมของ WWE 5 สมัย และเป็นผู้ชนะใน The Royal Rumble ในปี 2000
.
.
#โอกาสสู่นักแสดง
.
ในขณะที่กำลังรุ่งโรจน์กับมวยปล้ำ เดอะร็อคก็ได้มีโอกาสก้าวเท้าเข้าสู่วงการมายาเช่นกัน เขาได้รับเลือกให้มารับบท Scorpion King ในภาพยนตร์เรื่อง The Mummy Returns แต่มีแอร์ไทม์เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น แต่นี่ก็ถือว่าเป็นก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของการเป็นนักแสดงภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์อย่างแท้จริง เพราะหลังจากนั้นเดอะร็อคได้กลับมารับบทนี้อีกครั้งในเรื่อง The Scorpion King ซึ่งเป็นภาคแยกของภาพยนตร์เรื่องก่อนตามคำเรียกร้องของแฟนๆ ซึ่งเขาได้รับค่าตัวไปเต็มๆ ถึง 5.5 ล้านเหรียญ
.
หลังจากนั้นเขาก็รับงานแสดงสลับกับมวยปล้ำมาตลอด จนกระทั่งเขาได้เล่นหนังเรื่อง Walking Tall ซึ่งทำให้คนดูเริ่มจดจำเขาในฐานะนักแสดงมากขึ้น เดอะร็อคจึงตัดสินใจยุติบทบาทนักมวยปล้ำอย่างเป็นทางการในปี 2004 ซึ่งเป็นช่วงที่สัญญาของเขากับ WWE หมดลงเช่นกัน
.
พอประกาศลงจากเวทีมวยปล้ำ งานแสดงก็เข้ามาหาเดอะร็อคไม่หยุดหย่อนทั้งในบทหลักและบทรอง อย่างเช่นภาพยนตร์เรื่อง Be Cool (2005), Doom (2005), The Game Plan (2007), Get Smart (2008) หรือ Faster (2010)
.
.
#นักแสดงพันล้าน
.
อย่างไรก็ตามภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเรื่องแรกของเขาก็คือการรับบท ลุค ฮ็อบส์ ใน Fast Five (2011) ที่กวาดรายได้ทั่วโลกไปถึง 626.1 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเดอะร็อคได้ค่าตัว 32.6 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่านักแสดงหลักอย่าง วิน ดีเซลล์ หรือ พอล วอล์คเกอร์เสียอีก ซึ่งความสำเร็จนี้ยังต่อยอดไปถึงแฟรนไชส์ภาพยนตร์เร็วแรงทะลุนรกในภาคต่อๆ ไปอีกด้วย
.
เดอะร็อคกลายมาเป็นนักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวู้ดอย่างเต็มตัว ในปี 2016 เขาเป็นนักแสดงนำชายที่มีรายได้มากที่สุดในโลกกับจำนวนเงิน 64.5 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราวๆ 2.1 พันล้านบาท จากการแสดงเรื่อง San Andreas, Central Intelligence, Baywatch และ The Fate of the Furious
.
.
#นักแสดงแถวหน้าของฮอลลีวู้ด
.
ในช่วงหลังๆ เดอะร็อคก็ยังมีภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ออกมาให้รับชมอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเกมส์อย่าง Jumanji ทั้ง 2 ภาค และ Rampage ที่กวาดรายได้รวมกันเกิน 2 พันล้านเหรียญ หรือภาพยนตร์แอ็คชั่นอย่าง Skyscraper และ Hobb & Shaws ก็ทำรายได้รวมกันสูงเกินพันล้านเหรียญเช่นกัน
.
ปัจจุบันเดอะร็อคก็ยังคงโลดแล่นอยู่ในฮอลลีวู้ดส์ เขาได้ร่วมงานกับนักแสดงมากฝีมืออย่าง ไรอัน เรย์โนลด์ส (Ryan Reynolds) และ กัล กาด็อต (Gal Gadot) ในเรื่อง Red Notice ซึ่งมีกำหนดฉายทาง Netflix ในวันที่ 5 พ.ย. ที่กำลังจะถึง นอกจากนั้นเขามีโปรเจกต์ก้าวเข้าสู่จักรวาล DC เป็นครั้งแรกกับบทบาท Black Adam ซึ่งมีกำหนดการฉายในเดือนเมษายนปี 2022
.
.
เดอะร็อคถูกประเมินทรัพย์สินไว้อยู่ที่ 400 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราวๆ 1.3 หมื่นล้านบาท เขาถูกประเมินให้เป็นนักแสดงที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก นับเป็นการเดินทางที่แสนจะยาวไกลเหลือเกิน จากนักกีฬาที่ดูหมดอนาคตสู่การเป็นนักแสดงอันดับต้นๆ ของโลก แต่ทั้งหมดนี้ใช่ว่าโชคชะตาจะเป็นสิ่งที่กำหนดเขาอย่างเดียว เพราะเขาก็เป็นคนที่กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเองเช่นกัน ดังคำพูดของเดอะร็อคที่ว่า
.
“ความสำเร็จไม่ได้เกี่ยวกับความยิ่งใหญ่เสมอไป แต่มันเกี่ยวกับความสม่ำเสมอ ความขยันหมั่นเพียรนำมาซึ่งความสำเร็จ แล้วความยิ่งใหญ่จะตามมาเอง”
.
.
1
#careerfact #cariber
………………
Career Fact เพราะทุกอาชีพ... มีเรื่องราว
ติดตาม Career Fact ทุกช่องทางได้ที่ https://linktr.ee/careerfact
.
โฆษณา