3 เม.ย. 2022 เวลา 05:00 • ธุรกิจ
ในยุคที่คนใส่หน้ากาก แบรนด์เครื่องสำอาง ของ KARMART ปรับตัวอย่างไร ?
4
ยุคที่หน้ากากอนามัย กลายเป็นของต้องมี ที่ทุกคนขาดไม่ได้
และต้องใส่แทบทุกวัน ทุกโอกาส
ในอีกมุม ก็คงเป็นวิกฤติของคนทำธุรกิจเครื่องสำอางหลายราย
เพราะเมื่อผู้คนต้องใส่หน้ากากครึ่งหน้า
ก็อาจจะทำให้เครื่องสำอาง มีความจำเป็นน้อยลง
1
แต่สำหรับ KARMART กลับมองว่าในวิกฤติมีโอกาส
KARMART จึงพร้อมปรับกลยุทธ์ เพื่อคว้าโอกาสที่อยู่ในวิกฤตินั้น
เพื่อให้ยังครองตำแหน่งเครื่องสำอางที่อยู่อันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
1
แล้ว KARMART ใช้กลยุทธ์อะไร ในการก้าวผ่านวิกฤติในครั้งนี้ ?
KARMART เริ่มจากมองหาว่า ในตอนนี้ลูกค้าต้องการอะไร
แล้วเราจะตอบโจทย์สิ่งที่ลูกค้าต้องการอย่างไรได้บ้าง ?
4
เพราะบริษัทดำเนินธุรกิจด้วยสโลแกนที่ว่า “Unique Beauty Solution”
นั่นก็คือ เราต้องช่วยแก้ไขทุกปัญหาความงามของผู้บริโภค
ในเมื่อการใส่หน้ากากอนามัยเป็นเรื่องที่จำเป็น
แต่ผู้หญิง ลิปสติก ที่เขียนคิ้ว ก็ยังเป็นของคู่กัน
ทำให้ KARMART ต้องวางจำหน่ายลิปสติกที่ไม่เลอะหน้ากากอนามัย
เพื่อตอบโจทย์คนรักการแต่งหน้าในทุกสถานการณ์
2
และถึงแม้ว่าจะใส่หน้ากากอนามัย แต่หลายคนก็ยังให้ความสำคัญกับความงามรอบดวงตา
ทำให้ KARMART จัดจำหน่ายสินค้าที่เสริมความงามรอบดวงตา
แบบโดดเด่น ติดทนนาน ด้วยราคาที่เข้าถึงได้
1
อีกทั้ง KARMART ยังมีสินค้าที่ครอบคลุม เกือบทุกประเภทของหมวดความงาม
ตั้งแต่ปลายผม จรดปลายเท้า
เช่น เมื่อลูกค้าเริ่มมีปัญหากลิ่นปาก จากการใส่หน้ากากอนามัยทั้งวัน
KARMART ก็ได้เข้ามาแก้ไขปัญหาในจุดนี้
ด้วยการผลิตสินค้าดูแลช่องปากแบบครอบคลุมทุกการใช้งาน
และผลักดันการทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคให้มากที่สุด
2
และในสถานการณ์ที่เจลแอลกอฮอล์ และหน้ากากอนามัยขาดตลาด
KARMART ก็ปรับตัวด้วยการผลิตและจำหน่ายเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัยคุณภาพ
ในราคาย่อมเยา เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด
มาถึงตรงนี้เราก็คงเห็นแล้วว่า KARMART ปรับตัว
ทั้งการเน้นสินค้าเดิม แต่ยกระดับคุณภาพ
และพัฒนาสินค้าใหม่ออกมาให้เข้ากับสถานการณ์
เพื่อให้ยังเป็นแบรนด์เครื่องสำอางที่ลูกค้ายังนึกถึง ไม่ว่าในสถานการณ์ไหน
1
และนี่เองจึงทำให้วันนี้ KARMART
เป็นบริษัทที่จำหน่ายเครื่องสำอางที่อยู่ในอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย
2
นอกจากนั้น บริษัทก็ยังวางเป้าหมายที่จะเติบโตมากยิ่งขึ้นในตลาดต่างประเทศ
แม้ว่าจะเผชิญกับวิกฤติโรคระบาดอยู่ก็ตาม
2
เพราะ KARMART เชื่อว่า คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกเรื่องความคิดสร้างสรรค์
ซึ่งความคิดสร้างสรรค์จะเป็นจุดแข็งที่ทำให้เครื่องสำอางไทยขับเคลื่อนไปได้
1
โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย และตะวันออกกลาง
เพราะสินค้า Made in Thailand เริ่มเป็นที่ต้องการมากขึ้นแล้วในตลาด
และ KARMART ก็ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเติบโตให้ได้ถึง 150% จากปี 2564 ที่ผ่านมา
6
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า KARMART มีแบรนด์ลูกอีก 6 แบรนด์ คือ
- Cathy Doll เครื่องสำอางที่เจาะกลุ่มวัยรุ่น
- Baby Bright ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เจาะกลุ่มสาวที่รักความธรรมชาติ
- Reunrom เครื่องหอมและสกินแคร์ ที่เน้นความเป็นไทย
- Skynlab สินค้าอุปโภค เช่น น้ำยาบ้วนปาก แปรงสีฟัน หน้ากากอนามัย
- Boya สินค้าดูแลเส้นผมและผิวกาย
- Browit แบรนด์เครื่องสำอางที่จับมือกับน้องฉัตร ช่างแต่งหน้าชื่อดังของเมืองไทย
3
โฆษณา