🪙 พฤติกรรม และ ราคา ทองคำ เมษายน 2565
เดือน เมษายน นี้ คนที่เทรด ทองคำ ในเดือน มีนาคม ถึง เมษายน 2565 จะค่อนข้างอึดอัดหน่อย เพราะตลาดเคลื่อนตัวเป็น Sideway Up ที่ยังไม่หลุดแนว $1,890 ทำให้เป็นจุดสะสมที่ค่อนข้างสวยสำหรับเทรดเดอร์สาย Trend Follower แต่เราจะวางแผนกลยุทธ์ยังไงให้มีประสิทธิภาพ และวางแผนดัก Short ลงมาบริเวณไหนได้บ้างถึงจะเรียกว่าได้จุดที่ “สวยงาม” หรือ “ปลายไส้” วันนี้ผมทำการบ้านมาแชร์ให้กับเพื่อนๆ เทรดเดอร์สายเทรดทองมาให้ดูกันครับ
⚠️คำเตือน⚠️
เนื้อหาในเว็บไซท์นี้ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุนหรือชักชวนลงทุน เป็นเพียงการแชร์ประสบการณ์ที่เคยอยู่ในตลาดทุนมาก่อนที่มีทั้งถูกและผิด การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูล ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง
➡️ วางแผนเทรดยังไงดี ?
ผมทำข้อมูลมาที่ได้จากการระบบเทรดมา เพื่อให้ทีมงานของผม และเพื่อนๆ ที่สนใจ สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้ประกอบในการวางแผนเทรด ทองคำ ในเดือน เมษายน 2565 นี้ได้ งั้นเรามาดูกันที่ข้อมูลส่วนแรกกันก่อนเลย
➡️ ข้อมูลกำไร/ขาดทุน
ระบบเทรดที่ผมใช้คือ การเข้าสะสมทองคำ (XAUUSD) เมื่อราคาทะลุแนวต้าน แล้วนำผลกำไร/ขาดทุนที่ได้มาทำการวิเคราะห์ให้อยู่ในรูปแบบของการกระจายตัว ทำให้ทราบว่า ตั้งแต่วันที่ ม.ค. – เม.ษ. 2565 นี้ หากคุณเข้าสะสมเมื่อราคาทะลุแนวต้านสำคัญ จะสามารถทำกำไรเฉลี่ยได้ประมาณ 1,162 pts (หากเปิดออเดอร์ 0.01lot ก็จะสามารถเก็บกำไรได้เฉลี่ย $11.62 นั่นเอง)
ดังนั้นช่วงนี้ ถ้าราคาทองคำ ทะลุกรอบแนวรับ/ต้านสำคัญ จากข้อมูลที่ผมเก็บมา ทำให้เรารู้ว่าสามารถเก็บกำไรเฉลี่ย 1,160pts ได้สบายๆ ในช่วงนี้
แต่หากต้องการรีดกำไรต่อออเดอร์ให้ได้มากกว่านี้ อาจมีโอกาสได้ยากหน่อย เพราะโอกาสที่ XAUUSD จะวิ่งไปถึงจุดกำไรสูงสุดของคุณในช่วง 1,162-2404 pts ตลอด 4 เดือนมานี้จะทำได้เพียงแค่ 6 ครั้งเท่านั้นเอง
➡️ ฉันควรเทรดวันไหนดี ?
เอ … แล้ววันไหน แล้วข้อมูลมันบอกเราได้มั้ยนะ ว่าถ้าเราเทรดแบบนี้ไปตลอด เจอแนวต้านไหนก็เข้า Buy เจอแนวรับไหนก็เข้า Sell แบบนี้ไปเรื่อยๆ ควรเริ่มต้นทำวันไหนดี และวันไหนบ้างล่ะที่ไม่ควรทำแบบนี้บ้าง ข้อมูลนี้มีคำตอบครับ
ระบบที่ผมทำไว้แจ้งข้อมูลมาว่า หากคุณเทรดด้วยวิธีนี้ และเริ่มเข้าออเดอร์ในวันจันทร์ กับวันพฤหัส จะมีโอกาสที่ทำให้เราปั้นพอร์ตสวยๆ ได้ โดยในวันจันทร์ คุณสามารถเก็บได้ 410pts และวันพฤหัสบดี สามารถเก็บได้ 967pts เลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ข้อมูลก็ได้บอกเราว่า แม้ในวันจันทร์จะทำให้คุณทำกำไรได้ แต่ก็มีโอกาสโดนลากออเดอร์ไปไกลเฉลี่ย 858pts และในวันพฤหัสบดีเฉลี่ย 1,122pts เลยทีเดียว
ดังนั้นในการวางกลยุทธ์ หากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่เทรดเหมือนผม (ผมอธิบายเอาไว้ในบทความนี้ ว่าผมเทรดยังไง ถ้าคุณอยากใช้ข้อมูลนี้เพื่อเทรดให้เห็นผลมากขึ้น ลองเข้าไปอ่านเพิ่มเติมดูนะ)
คุณจะเข้าใจว่าผมจะรอให้ราคา Throwback/Pullback กลับมาก่อน นั่นหมายความว่าในวันจันทร์เมื่อราคาทะลุแนวต้านขึ้นไปแล้ว เรารอให้ราคาย่อลงมาประมาณ 850pts โดยประมาณ แล้วจึงค่อยหาจังหวะเข้าไปทยอยสะสม เช่นเดียวกับวันพฤหัสบดี สามารถรอให้มันย่อลงมา 1,120pts ก็สามารถดักเข้าออเดอร์ในลักษณะเดียวกัน
และในวันอังคาร พุธ ศุกร์ ดูแล้วช่วงนี้หากราคาทะลุแนวสำคัญ ก็แนะนำว่าการเทรดตามอาจไม่สวยซักเท่าไหร่ เพราะข้อมูลแสดงให้เห็นว่าวันอังคาร มีโอกาสที่ราคาจะทะลุแนวสำคัญไปได้แค่ 49pts และวกตัวกลับเข้าสู่โซนเดิมทันที (False break)
และลักษณะเดียวกันกับวันพุธ และวันศุกร์ ที่จะเกิดการเบรกหลอกแล้วราคาวกตัวกลับ ทำให้เรามีโอกาสเสียมากกว่าได้
➡️ หาเป้ายังไงดี ?
ส่วนนี้แหละคือส่วนที่สนุกที่สุด นั่นคือการหา “จุดย่อตัว” และ “ราคาเป้าหมาย” จากกราฟข้อมูลที่ได้ แนวนอนแสดงให้เห็นถึง “จุดย่อ” และแนวตั้งคือ “ราคาเป้าหมาย” ค่าทั้งหมดแสดงออกมาอยู่ในรูปแบบของเปอร์เซ็นต์
ข้อมูลนี้คุณจะต้องใช้ร่วมกับ Fibonacci Retracement นะครับ โดยให้คุณสังเกตที่จุดสีฟ้าเป็นหลัก จะเห็นว่าจุดสีฟ้าๆ มันไปกองอยู่บริเวณด้านขวามือค่อนช้างเยอะใช่มั้ยล่ะ
ผมจะอธิบายให้คุณเห็นภาพนะว่าข้อมูลนี้มันใช้ยังไง
ลองนึกภาพก่อนว่า ตอนนี้ราคาทองคำ กำลังพุ่งทะยาน และทะลุแนวต้านขึ้นไปเรียบร้อยแล้ว แต่ดันเกิด False break ทำให้ราคาร่วงตกลงมาอยู่ต่ำกว่าแนวสำคัญเมื่อครู่ลงมา ทีนี้เมื่อคุณวัดระยะโดยใช้เครื่องมือที่ชื่อว่า Fibonacci Retractment โดยวัดจากแนวรับไปจนถึงแนวต้านเมื่อครู่ (ให้แนว 100% Fibo อยู่ที่แนวต้าน และ 0% อยู่ที่แนวรับ)
ตัวเลข Fibonacci Retractment ที่อยู่ระหว่าง 0-100% คือแนวการย่อที่เราสนใจนั่นเอง ยกตัวอย่างในกราฟ จะเห็นว่า ถ้าราคาทองคำ(XAUUSD) มันย่อลงมาจนถึงแนวย่อที่ประมาณ 87.5% แล้วมีการรีบาวด์กลับตัวขึ้นไป มันมีโอกาสที่จะไปพักตัวอีกทีที่บริเวณ 138% นั่นเอง
แต่เอาล่ะ ถ้าคุณไม่เข้าใจกราฟด้านบนก็ไม่เป็นไร เพราะจากกราฟดังกล่าว ผมได้เอาสมการที่ได้ นำเอามาเทียบกับ Fibonacci Retracement ที่มันแสดงอยู่ในเครื่องมือที่คุณใช้ประจำอยู่แล้ว คุณเพียงแค่ใช้ตารางที่ผมให้ด้านล่างนี้ เพื่อหาเป้าหมายราคาทองคำช่วงนี้ได้เลย
จากตารางนี้ มันบอกให้เรารู้ว่า ถ้าทองคำมันย่อมาถึงแนว Fibo ที่ 14.6% ถ้าเราอยากดัก Buy ก็สามารถตั้งจุดทำกำไรเมื่อราคามาถึง 119.51% ได้เลย ทำนองเดียวกัน ถ้าอยากหาโอกาสดัก Sell และทองคำมันย่อมาที่แนว 14.6% ก็หาโอกาส Sell แล้วตั้งจุดทำกำไรเอาไว้ที่ 136.96% ได้เลย
เอาอีกซักตัวอย่าง
ปกติคุณชอบใช้ Fibonacci Level ที่ 61.8% ใช่ไหมล่ะ
สำหรับขา Buy ถ้าราคาย่อมาที่แนว Fibo 61.8% แล้วล่ะก็ สามารถตั้ง TP เอาไว้ที่บริเวณ 227% ได้เลย ขา Sell ก็เช่นกัน หากราคาย่อที่แนว Fibo 61.8 ก็ตั้ง TP ไว้ที่ 171.8% ได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลตัวเลขในความเป็นจริงมันอาจไม่ได้เป๊ะขนาดนั้น แนะนำให้ทำกำไรก่อนถึงแนวพวกนั้นจะปลอดภัยกว่า และอย่าลืมตั้งจุด SL ในกรณีที่ราคาไปผิดทางด้วยนะครับ
และเช่นเดียวกับ Fibo ตัวเลขอื่นๆ สามารถใช้ตัวเลขเหล่านี้ในการกำหนดหาเป้าหมาย เพื่อทำการวางแผนกลยุทธ์เทรดได้เลย เท่านี้คุณก็สามารถเทรดและทำกำไรอย่างมีหลักการได้แล้ว หากคุณยังงงๆ กับข้อมูลเหล่านี้ และยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าจะเริ่มเทรดได้ยังไง คลิกที่ลิงค์นี้เพื่อศึกษาเพิ่มเติมได้นะครับ
➡️ สรุป
หวังว่าข้อมูลที่ผมแชร์ให้จะเป็นประโยชน์ในการกำหนดกลยุทธ์เทรดทองคำของคุณในช่วงเดือนเมษายน 2565 นี้ได้นะครับ และในเดือนถัดๆ ไปผมจะพยายามทำข้อมูลสรุปที่ดูเข้าใจง่ายกว่านี้มาให้คุณได้ใช้งานไปด้วยกัน หากเห็นว่าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ก็สามารถแชร์ข้อมูลนี้ให้กับเพื่อนๆ เทรดเดอร์ของคุณได้นะครับ
และถ้าคุณอยากรู้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ก็พิมพ์บอกผมในช่อง Chat หรือใน Line ได้นะครับ เราจะได้มาร่วมวางแผนเทรด เพื่อไปโกยเงินเข้าประเทศไปด้วยกันครับผม
💡💡 อ้างอิง
บทความนี้ถูกเผยแพร่ครั้งแรกที่
#XAUUSD #ทองคำ #ราคาทองคำ
💡💡 ติดต่อเพิ่มเติมได้ที่
💡💡 สมัครต่อ IB เพื่อเป็นกำลังใจและรับ Service พิเศษ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
5 ถูกใจ
9 แชร์
15K รับชม
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
  • 5
    โฆษณา