23 เม.ย. 2022 เวลา 04:14 • ไลฟ์สไตล์
ความยุติธรรมมีจริง?
ในโรงเรียนมัธยมชายล้วนแห่งหนึ่ง เลยเวลาเที่ยงมาไม่นาน เสียงร้อง กรี๊ด กรี๊ด ดังมาจากทวีศักดิ์ ที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนในท่านอนหงาย เพราะถูกสมชาย นพดล อาวุธ และสุเมธ เพื่อนนักเรียนชั้นเดียวกันจับแขนและจับขาของทวีศักดิ์ยึดไว้คนละข้าง ยิ่งทวีศักดิ์ดิ้นรนมากขึ้นเท่าไร คนทั้งสี่ยิ่งออกแรงกดแขนและขาของทวีศักดิ์ให้แนบอยู่กับพื้นห้องเรียนมากขึ้น
1
“ไอ้สมชาย เร็วซีวะ” นพดลเอ่ย “ถอดกางเกงมันเลย กูจับจะไม่อยู่แล้ว” ว่าแล้ว
นพดลโน้มตัวออกแรงกดขาทวีศักดิ์หนักขึ้น
“เออ กูอยากเห็นแล้ว ของกะเทยเป็นยังไง” อาวุธเสริม “กูด้วย” สุเมธขานรับ
เมื่อได้ยินดังนั้น สมชายไม่รอช้าใช้เข่าขวาและมือขวากดทับแขนซ้ายแล้วของทวีศักดิ์ ก่อนที่ใช้มือซ้ายเอื้อมไปปลดเข็มขัดของทวีศักดิ์ แต่สัญชาตญาณป้องกันตัวทำให้ทวีศักดิ์ดิ้นสุดแรงพร้อมกับกรี๊ดร้องออกมา
“อย่าดิ้นนักซีวะ พวกกูขอดูหน่อย ไม่ดิ้นจะได้ไม่เจ็บตัว” สมชายคำราม
 
“ไอ้พวกเวร กู จะฟ้องครู ปล่อย...ปล่อยนะ” ทวีศักด์ ตะโกนเสียงแสบหู
ระหว่างนั้น มีเพื่อนนักเรียนในห้องอีกเจ็ดแปดคน ยืนรายล้อมอยู่ ต่างส่งเสียงเชียร์อื้ออึง “ถอดเลย....ถอดเลย....” เป็นจังหวะซ้ำๆ เหมือนยั่วยุให้สมชายฮึกเหิมยิ่งขึ้น
เสียงเชียร์ผสมกับเสียงร้อง กรี๊ด กรี๊ด ของทวีศักดิ์ แต่เป็นคนละอารมณ์
เสียงกองเชียร์เป็นอารมณ์มุทะลุดุดันที่ต้องการสนองความใคร่ แต่เสียงกรี๊ดของ
ทวีศักดิ์ เหมือนมีใครเอาเขาไปทรมานหรือเอาไปฆ่าเสียให้ตาย
“ถอดได้แล้ว พวกมึงมาดู” สมชายหัวเราะร่า ทุกคนชะโงกหัวเข้ามาดูพลางหัวเราะกันคิกคัก
เมื่อนาทีแห่งความอัปยศที่ยาวนานผ่านไป เสียงกรี๊ด และเสียงเชียร์เงียบลง คนทั้งกลุ่มกำลังเดินจากไป ใครคนหนึ่งพูดว่า “กู นึกว่าจะมีอะไร ของกะเทย แค่เนี้ย...? ” ทุกคนหัวเราะดังลั่น พลางเดินจากไปอย่างครื้นเครง
ร่างอันบอบช้ำของทวีศักดิ์เหนื่อยล้า เขานั่งบนพื้นเหม่อลอยน้ำตาไหล เสื้อนักเรียนสกปรกมอมแมม กระเป๋าเสื้อขาดวิ่นห้อยร่องแร่ง เขาค่อยๆ ดึงกางเกงใน กางเกงนักเรียนขึ้นปกปิดร่างกายแล้วคาดเข็มขัด
ที่แขนและขาทั้งสองข้างเป็นรอยห้อเลือดเป็นจ้ำแดงเพราะถูกจับกด ทวีศักดิ์เอามือเกาะโต๊ะพยุงตัวเองลุกขึ้น ขาสองข้างที่ช้ำพาร่างกายเดินกะปลกกะเปลี้ยไปทางห้องครูฝ่ายปกครอง
แต่ที่ไหนได้ ทวีศักดิ์คิดผิดถนัด ความยุติธรรมไม่ได้พานพบกันง่ายๆ เพราะสมชาย เป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่น ที่พรรคของมันบริจาคเงินให้โรงเรียนปีละหลายแสน
วันรุ่งขึ้น ครูฝ่ายปกครองจึงตั้งใจเรียกเฉพาะสมชายกับเพื่อนอีกสามคนมาพบเท่านั้น แต่ไม่เชิญผู้ปกครองกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ มีคำพูดห้ามปรามออกมาจากปากครูไม่กี่คำ เพื่อให้พอดูดีและทำเหมือนกับว่าได้มีการเรียกมาตักเตือนคาดโทษและทั้งสี่คนสำนึกผิดแล้ว ทั้งที่ความจริงไม่มีคำพูดแบบนั้นออกจากปากครู
ระหว่างที่ครูพูด ทั้งสี่คนพยักหน้าเหมือนจะรับรู้เข้าใจ แต่พอก้มหน้าลงเพื่อแสดงออกว่าสำนึกผิด ทุกคนกลับแอบยิ้มเล็กๆ เหมือนเห็นเป็นเรื่องขำขัน
อา...นี่แหละสังคมที่ต่ำทรามไร้ขื่อแป มีอิทธิพลอำนาจบาตรใหญ่ คนอ่อนแอจึงถูกรังแกไม่มีวันหมดไปได้
ผ่านมาอีกไม่นาน ยังคงไม่มีการลงโทษอย่างจริงจังจากโรงเรียนเหมือนเคย เมื่อเด็กเกเรทั้งสี่กระทำกับทวีศักดิ์อย่างเดิมราวกับเป็นของเล่นอีก 2 หน
พอทวีศักดิ์ไปฟ้อง ครูฝ่ายปกครองถึงกับพูดกับทวีศักดิ์ว่า “ครู เตือนพวกนั้นแล้วนะ “ พร้อมสอนว่า”แต่ครูว่าเธอก็ควรจะหลบเลี่ยงพวกนี้เองด้วย จะได้ไม่เกิดเรื่อง”
ทวีศักดิ์ฟังครูด้วยหัวใจที่รันทด พูดกับตัวเองว่า ‘นี่หรือครู? นี่นะหรือความยุติธรรม!’ แต่ไม่คิดจะตอบโต้อะไร ทวีศักดิ์คิดจะลาออกเสีย แต่ไม่กี่เดือนใกล้จะจบ ม.6 แล้วจึงต้องเลิกล้มเพราะไม่อยากทำให้ให้ป้าแต๋มเสียใจ
พ่อแม่ของทวีศักดิ์ตายจากอุบัติเหตุที่คนเมาขับรถชนขณะที่ทั้งคู่ข้ามทางม้าลาย ป้าแต๋มพี่สาวของพ่อ จึงเป็นเหมือน”แม่”เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่อายุได้ 9 ขวบ วันที่ป้าแต๋มรับทวีศักดิ์มาอยู่ด้วย ทวีศักดิ์ร้องไห้งอแงไม่อยากจากบ้านเดิม ป้าต้องปลอบอยู่นาน ป้าแต๋มที่ทวีศักดิ์ไม่เคยรู้จักมาก่อนเพราะพ่อไม่เคยเอ่ยถึง บัดนี้กลายมาเป็น “แม่” ที่เลี้ยงดูเขาแล้ว
ป้าแต๋มอายุ 68 ปีแล้ว เป็นความดันและเบาหวานมาหลายปี ต้องหาหมอกินยาเป็นประจำ รายได้ของป้าแต๋มมาจากการเป็นแม่ค้าขายผักในตลาด แต่ละวันป้าต้องฝืนสังขารตื่นตั้งแต่ตีสี่ออกไปขายผักกว่าจะกลับมาบ้านก็โพล้เพล้
บางวันป้าแต๋มและทวีศักดิ์ต้องกินข้าวสวยกับผักต้มที่เหลือจากขาย เพียงเพราะต้องเก็บเงินเป็นค่าเทอมให้ทวีศักดิ์ได้ร่ำเรียน หวังว่าเขาจะมีอนาคตโดยที่ป้าแต๋มไม่เคยห่วงตัวเอง -ซึ่งทวีศักดิ์ก็ไม่ทำให้ป้าแต๋มผิดหวัง เขาเรียนดี สอบได้ไม่เกินที่สอง มาตลอดตั้งแต่ชั้น ม.1
ด้วยความที่ป้าแต๋มมีความทุกข์จากภาระที่ต้องส่งเสียทวีศักดิ์มากพออยู่แล้ว ทวีศักดิ์จึงไม่เคยปริปากเล่าให้ป้าแต๋มฟังเลยว่าถูกรังแกที่โรงเรียน บางคืนเขาจะนอนร้องไห้ เพราะคิดถึงพ่อแม่ นึกน้อยใจชะตาชีวิตตัวเอง รวมถึงความอัปยศเส็งเคร็งที่เขาเจอที่โรงเรียน จนเมื่อเขาร้องไห้จนพอนั่นแหละจึงผล็อยหลับไป
ทวีศักดิ์ไม่เคยคิดว่าความยุติธรรมมีจริง เพราะสิ่งที่เขาเจอ เขาประสบล้วนชัดเจนในตัวว่ามันเป็นอย่างนั้น
วันหนึ่ง บอร์ดหน้าห้องฝ่ายปกครองมีนักเรียนกลุ่มหนึ่งมุงดู ทวีศักดิ์อยากรู้เข้าไปดูด้วย
“เฮ้ย ไอ้สมชาย นพดล อาวุธ สุเมธ ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเพราะมีความผิดร้ายแรง” นักเรียนคนหนึ่งพูดขึ้น “มีผลวันนี้ เป็นไปได้ไงว่ะ พ่อไอ้สมชายมันใหญ่นี่นา” นักเรียนอีกคนเสริม
“กูว่า คงเรื่องที่พวกมันไปแก้ผ้าไอ้ทวีศักดิ์ เห็นเอามาคุยเป็นคุ้งเป็นแควไปทั่ว” คราวนี้คนพูดคือ ปราโมทย์เพื่อนห้องเดียวกับทวีศักดิ์ พอหันมาเห็นทวีศักดิ์ทุกคนที่มุงอยู่หน้าเจื่อนไม่มีใครพูดอะไรอีก
เย็นนั้น ทวีศักดิ์กลับถึงบ้าน เห็นป้าแต๋มกลับมาแล้ว แกนั่งอยู่ที่แคร่ใต้บันได
ทวีศักดิ์สวัสดีป้าแต๋มใบหน้ายิ้มแย้มกว่าทุกวัน “สวัสดีครับป้า วันนี้ทำไมกลับเร็ว”
“ขายดีจนผักหมดนะซิ” ป้าตอบ “วันนี้ดูแกอารมณ์ดี มีอะไรเรอะ?”
“อ้อ…ครับ” ทวีศักดิ์ทำหน้าไม่ถูก “ไม่มีอะไรครับป้า ไม่มี… ผมขึ้นห้องก่อนนะ”ก่อนจะผลุนผลันรีบเดินขึ้นบันได
ในห้องชั้นบน ทวีศักดิ์นั่งลงบนเตียง จิตใจเขาโล่งสบายเหมือนได้ชำระล้างสิ่งคาใจออกได้หมด
เขาคิด’เออ ความยุติธรรมท่าจะมีจริงต่างจากที่เขาคิดก่อนนี้ ครูและโรงเรียนคงทบทวนจึงเห็นใจเขาที่ถูกรังแกจากพวกคนถ่อย ทั้งที่เมื่อคราวที่เขาแจ้งว่าถูกรังแก ครูกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน แถมยังตักเตือนให้เขาหลบเลี่ยงเสียเอง มาตอนนี้เหตุ
กลับตาลปัตรอย่างเหลือเชื่อ สมชายกับพวกถูกไล่ออกจากโรงเรียนเท่ากับได้รับความยุติธรรมคืนมา หัวใจของเขาได้รับการชโลมและเยียวยาแล้ว พรุ่งนี้จึงตั้งใจไปขอบคุณครูใหญ่และครูฝ่ายปกครอง’
ที่ชั้นล่าง ป้าแต๋ม นั่งอยู่ที่เดิม แกดีใจที่เห็นทวีศักดิ์ยิ้มแย้มเสียได้หลังจากที่ไม่เห็นมานาน แกนึกถึงเมื่อสองอาทิตย์ก่อนครูปอที่แกเคยช่วยมาพบที่แผงผักบอกว่าทวีศักดิ์ถูกรังแกยังไงที่โรงเรียน แกฟังจบแล้วน้ำตาซึมสงสารหลาน “มันไม่ยอมบอกฉันครู มันคงกลัวฉันกังวลไม่สบายใจ” ป้าแต๋มพูด “ฉันคงต้องทำอะไรสักอย่าง”
ถัดมาอีกวันแกไปหาคุณบรรหารหัวหน้าพรรคประชาทวี ที่เคยเป็นลูกน้องเก่าสามี เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง คุณบรรหารรับปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะช่วยเต็มที่
“พรุ่งนี้ผมจะไปคุยกับโรงเรียนเลย” คุณบรรหารบอก “ต่อจากนั้นผมจะไปคุยกับสมสินพ่อของเด็กที่รังแกหลานทวีศักดิ์ พวกนี้ขี้ข้าทั้งนั้น มาขอเงินผมอ้างว่าไปหาเสียงหลายครั้ง แต่ผมเคยจับได้ว่าโกหก เห็นทีต้องปรามให้หลาบจำทั้งพ่อทั้งลูก”
ป้าแต๋มนึกถึงเรื่องราว ใบหน้ามีรอยยิ้ม ก่อนที่จะยกน้ำชาขึ้นซดลงคอ
โฆษณา