บทวิเคราะห์ : นับถอยหลัง สงครามโลกครั้งที่ 3 หลัง "สหรัฐฯ"หงายไพ่ใบสุดท้าย เพื่อกำจัด"รัสเซีย"
ล่าสุด!! สหรัฐฯเพิ่มการสนับสนุนอาวุธให้ยูเครน โดยไม่ปิดบังความต้องการที่จะช่วยยูเครนให้ "เอาชนะ" แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการจัดการกับรัสเซีย
ในขณะที่ความขัดแย้งในยูเครนกลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อ ความพยายามในการเจรจาสันติภาพล้มเหลว
สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรกำลังมุ่งสู่เป้าหมายใหม่ระยะยาว
นั่นคือ การช่วยให้ยูเครนได้รับชัยชนะในสงคราม เพื่อป้องกัน ปฏิบัติการทางทหารที่คล้ายคลึงกันในอนาคต
ข้อความดังกล่าว
แสดงออกมาอย่างชัดเจนที่สุดเมื่อวันที่ 25 เมษายน เมื่อรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ลอยด์ ออสติน ประกาศหลังจากการเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนว่า
"เราต้องการเห็นรัสเซียอ่อนแอลงจนทำไม่ได้"
โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า ความเห็นของออสตินสอดคล้องกับสิ่งที่สหรัฐฯ พยายามทำมาเป็นเวลาหลายเดือน "เปลี่ยนการปฏิบัติการทางทหารในยูเครนให้กลายเป็นความล้มเหลวทางยุทธศาสตร์" ของรัสเซีย"
"เราต้องการให้ยูเครนชนะ”
"หนึ่งในเป้าหมายของเราคือ
จำกัดความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะทำสิ่งเดิม
อีกครั้ง
นั่นคือเหตุผลที่เราเตรียมอาวุธและอุปกรณ์
ให้ยูเครนเพื่อป้องกันตนเองจาก
การโจมตีของรัสเซีย
นั่นเป็นเหตุผลที่เราใช้มาตรการคว่ำบาตร
และการควบคุมการส่งออกเพื่อกำหนดเป้าหมายไปยังอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ
ของรัสเซียโดยตรง
เพื่อทำให้อำนาจทางเศรษฐกิจและ
การทหารของมอสโก
อ่อนแอลง"
สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในกลยุทธ์ของสหรัฐฯ ในการจัดการกับรัสเซียในยูเครนได้รับการแสดงออกอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
เนื่องจากตะวันตกไม่ให้สนใจ และเริ่มเปลี่ยนท่าที เรื่องความกังวลความเสี่ยงของการปะทะ
กับรัสเซีย ในการถ่ายโอนอาวุธหนักไปยังยูเครน
นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อของสหรัฐฯ และพันธมิตรที่กล่าวว่า
รัสเซียจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของการรณรงค์ทางทหารในยูเครน
รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ ออสติน กล่าวระหว่างการเยือนยูเครนว่า
"รัสเซียได้รับความเสียหายทางทหารอย่างหนัก สหรัฐฯต้องการเห็นพวกเขาไม่สามารถชดเชยความสูญเสียเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว"
ฝ่ายบริหารของ Biden มองโลกในแง่ดีว่า..
นี่เป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องในการสนับสนุนยูเครนด้วยอาวุธหนัก
ที่อาจทำให้ความสามารถทางการทหารของรัสเซียเสื่อมโทรมในระยะยาว นำผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์มาสู่สหรัฐฯ
สหรัฐฯ ได้เริ่มส่งยูเครนให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและทันสมัยมากขึ้น ซึ่งในอดีตเคยมีการจัดหาอย่างจำกัด ซึ่งรวมถึงปืนครกขนาด 72 155 มม. และโดรนติดอาวุธ Phoenix Ghost
ในขณะที่วอชิงตันเคยกังวลว่า..
การส่งอาวุธหนักไปยังยูเครนอาจถูกมองว่าเป็นการยั่วยุรัสเซียอย่างรุนแรง
📷 NYTimes
ฝ่ายบริหารของ Biden ได้ประกาศมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ของรถถัง ขีปนาวุธ และกระสุนไปยังยูเครน USD ในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นสัญญาณที่เริ่มกังวลว่า
ความเสี่ยงที่ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียจะทวีความรุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ระบุว่า.. "วอชิงตันและพันธมิตรต้องระมัดระวังอย่างยิ่งในการพิจารณามาตรการตอบโต้และคว่ำบาตรรัสเซีย ทั้งจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก เนื่องจากความเสี่ยงที่รัสเซีย
จะตอบโต้อย่างรุนแรงเมื่อ "ถูกต้อนจนมุม"
ด้านมอสโกแสดงปฎิกริยาตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการเคลื่อนไหวใหม่ของวอชิงตัน เมื่อวันที่ 25 เมษายน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ Anatoly Antonov เตือนว่า
"แพคเกจความช่วยเหลือด้านอาวุธของสหรัฐฯ ไปยังยูเครน "ไม่เป็นที่ยอมรับ"
และจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
ความเสี่ยงที่จะเกิดความขัดแย้งเพิ่มขึ้น
รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย Sergei Lavrov ยังวิพากษ์วิจารณ์ NATO ที่ยังคงสูบฉีดอาวุธไปยังยูเครนและ "มีส่วนร่วมในสงครามกับรัสเซียผ่านกองกำลังตัวแทน"
และเตือนว่า..
"อันตรายจากสงครามโลกครั้งที่สาม
และสงครามนิวเคลียร์
"เป็นเรื่องจริงและร้ายแรงมาก"
Sergei Lavrov 📷 catch news
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสหรัฐฯ และพันธมิตร
"ต้องพิจารณาดำเนินการอย่างสมดุล"
ในการคว่ำบาตรรัสเซีย
และเสริมว่า
"สหรัฐฯ ยังคงต้องประเมินเส้นสีแดงของประธานาธิบดีปูตินเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์
ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า
"คำแถลงต่อสาธารณะเกี่ยวกับความทะเยอทะยานของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ออสติน ในการ "บ่อนทำลาย" รัสเซียนั้นไม่เป็นประโยชน์
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ พยายามอธิบายว่า..
จุดประสงค์ของคำแถลงนี้
ไม่ใช่เพื่อบอกรัสเซียว่า "ไม่ว่าในกรณีใดๆ สหรัฐฯ และ NATO จะทำให้คุณอ่อนแอ"
แต่เพื่อบอกว่า สำหรับฝ่ายตะวันตกจะยังคงลงโทษรัสเซียต่อไปจนกว่ามอสโกจะยุติการทำสงครามในยูเครน
ไบเดนเองได้แสดงให้เห็นว่า
เขาได้เปลี่ยนกลยุทธ์ ในขณะที่เขาได้เพิ่มการโจมตีประธานาธิบดีปูตินอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความกังวลอยู้บ้างว่า
"จะทำให้มอสโกตอบโต้รุนแรงขึ้น"
Sergey Lavrov รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย (ขวา) ให้การต้อนรับ Antonio Guterres เลขาธิการสหประชาชาติที่กรุงมอสโก วันที่ 26 เมษายน 2022📷 AP News
คำถามคือ?
การเปลี่ยนแปลงของสหรัฐฯ ในกลยุทธ์การตอบสนองของรัสเซียจะได้ผลหรือไม่
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทุกคนนับตั้งแต่แฮร์รี ทรูแมน พยายามกดดันเกาหลีเหนือด้วยการคว่ำบาตร แต่จนถึงขณะนี้ พวกเขาล้มเหลวเนื่องจากยังไม่สามารถหยุดเปียงยางจากการขยายคลังอาวุธและการทดลองนิวเคลียร์ได้
อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เคยกล่าวไว้ว่า..
การคว่ำบาตรมากกว่า 1,500 ครั้งที่สหรัฐเคยบังคับใช้กับอิหร่าน ด้วยเป้าหมายที่จะบังคับให้พวกเขามาที่โต๊ะเจรจา
แต่นั่นไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ
ผู้ช่วยประธานาธิบดีไบเดน ยอมรับว่า..
"พวกเขาเข้าใจดีว่า
การคว่ำบาตรเพียงอย่างเดียว
ไม่สามารถช่วยให้สหรัฐฯ บรรลุเป้าหมายได้
แต่ต้องใช้ร่วมกันระหว่างแรงกดดันทางการทูตและการทหาร
ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประสบปัญหามากมาย
ในการนำกลยุทธ์การคว่ำบาตรและการกดดันทั้งการทูตและการทหารกับประเทศเล็กๆ เช่น อิหร่านหรือเกาหลีเหนือ
และสำหรับรัสเซีย ซึ่งมีแสนยานุภาพทางการทหาร มีเทคโนโลยีทางทหารที่ล้ำหน้าสหรัฐ และตะวันตกไปไกล มีคลังอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ความเสี่ยงย่อมยิ่งใหญ่กว่าอย่างเทียบกันไม่ได้
และเมื่อสหรัฐฯ เดินเข้าสู่สงครามในยูเครน
อย่างไม่ต้องปิดบังอะไรกันแล้ว
สะท้อนให้เห็นว่า สหรัฐฯมีการวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น เพื่อหาจังหวะโค่นล้มรัสเซีย นับตั้งแต่การแสดงความไม่ชัดเจนในการรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต
และการส่งอาวุธสนับสนุนยูเครน ตั้งแต่ก่อนรัสเซียเข้าแทรกแซงทางการทหารในยูเครน รวมถึงมาตรการคว่ำบาตรที่กำหนดไว้เป็นการล่วงหน้า
ไม่แปลก
ถ้าสงครามจะขยายตัวขึ้น
ไม่แปลก
ถ้ารัสเซียจะใช้อาวุธนิวเคลียร์
ไม่แปลก
ถ้าจะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3
สหรัฐฯ ได้หงายไพ่ใบสุดท้าย ออกมาแล้ว
สุดท้าย..
ทุกอย่างอยู่ที่.. "ปูติน"
References
แหล่งข้อมูล Tass/Xinhua/RT/Al Jazeera/BBC/CNN/Reuters
เรียบเรียงโดย
สาระอัปเดต
26 เมษายน 2565
- 32
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
