27 เม.ย. 2022 เวลา 01:02 • หุ้น & เศรษฐกิจ
BYD จากผู้ผลิตชิปรายเล็กๆ ที่มีพนักงานแค่ 20 คน สู่บริษัทผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ที่อาจแซงหน้าเทสลา
เราอาจจะคุ้นเคยกับคำกล่าวของบุคคลมีชื่อเสียงหลายคนที่บอกว่าชาติจีนจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจโลกแทนชาติตะวันตกในอีกไม่กี่สิบปีข้างหน้า
ด้วยแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจมากมาย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมของจีนที่ก้าวหน้ารุดไปไกลอย่างรวดเร็ว
ในบทความนี้ ทฮร. อยากจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับหนึ่งในบริษัทอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีน ซึ่งบริษัทที่ว่านี้ก็คือ BYD
รู้ไหมว่า แรกเริ่มเดิมที BYD ไม่ได้ผลิตรถยนต์ขาย แต่พวกเขาผลิตชิ้นส่วนแบตเตอรี่โทรศัพท์ ซึ่งมีพนักงานแค่ 20 คน แต่ปัจจุบันกลับพลิกผันมาเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก
แล้ว BYD จะมีความน่าสนใจมากกว่านี้อย่างไร ไปหาคำตอบพร้อมกัน..
เริ่มต้นในปี 1955 Wang Chuanfu (หวัง ชวนฟู่) ก่อตั้งบริษัท BYD ขึ้นมาในเมืองเซินเจิ้น เพื่อผลิตแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือวางขายสู่ตลาดโลก
สำหรับคำว่า BYD นั้นมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่ ซึ่งมันย่อมาจาก “Build Your Dream” ที่แปลว่าสร้างความฝันหรือสานฝันอะไรทำนองนั้น
และเมื่อสืบสาวไปถึงประวัติของผู้ก่อตั้งอย่างคุณ Wang Chuanfu พบว่าประวัติของ Founder ผู้นี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะเขาเกิดมาในเขตหวูเว่ย มณฑลอานฮุย ในครอบครัวที่แสนจะยากจน มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน เขาเป็นคนกลาง ชีวิตที่ลำบากอยู่แล้วยิ่งได้รับการซ้ำเติมอีกในช่วงที่เรียนมัธยม เพราะพ่อแม่ของเขาดันมาเสียชีวิตทั้งคู่ ทำให้ความรับผิดชอบในการเลี้ยงดูตกเป็นของพี่ชายทั้งหมด
อย่างไรก็ดี Wang Chuanfu ได้รับการจัดสรรการศึกษาที่ดี เขาได้ศึกษาในคณะเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เคมีที่มหาวิทยาลัยเซนทรัลเซาท์ และจบปริญญาโทจากจากปักกิ่งในปี 1990
Wang Chuanfu เริ่มต้นประกอบอาชีพในฐานะนักวิจัยของรัฐบาล แต่ในปี 1995 เขาได้ก่อตั้งบริษัทของตนเองในชื่อ BYD ในเซินเจิ้น เหมือนอย่างที่กล่าวไปข้างต้น
สิ่งที่น่าสนใจคือทำไมต้องเป็นเซินเจิ้น เพราะถ้าเป็นสมัยก่อนเมื่อพูดถึงเซินเจิ้นทีไร ผู้คนมักจะนึกถึงของปลอมของก๊อปซะเป็นส่วนใหญ่ แต่ปัจจุบันไม่ใช่อย่างนั้น เซินเจิ้นผลิกโฉมมาเป็นหนึ่งในเมืองอุตสาหกรรมยิ่งใหญ่แห่งประเทศจีน
กลับมาที่ BYD ในช่วงเริ่มต้นที่มีพนักงานเพียงแค่ 20 คน แต่ด้วยวิสัยทัศน์ก้าวไกล ผลิตไปผลิตมา BYD ก็กลายเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่มือถือรายใหญ่ทีมีชื่อเสียงในระดับโลก เพราะมีคุณภาพงานที่ทำลายคำว่าสินค้าเสิ่นเจิ้น แถมยังมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับสินค้าจากฝั่งตะวันตก
ว่ากันว่าช่วง 10 ปีแรก BYD เขยิบเข้ามาครองส่วนแบ่งในตลาดแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือมากกว่า ร้อยละ 50 ในตลาดโลก ก่อนจะกลายเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่เบอร์ 2 ของโลก
ด้วยความเชี่ยวชาญเรื่องแบตเตอรี่ พวกเขาก็ขยายรากแก้วด้วยการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ครอบคลุมอุตสาหกรรม จนไปสู่การผลิตโซลาร์เซลล์ ทำให้เวลาต่อมามีรากฐานใหญ่พอสมควรในการเข้าสู่วงการรถยนต์
BYD เข้าสู่วงการรถยนต์ในปี 2002 ด้วยการควบรวมกิจการกับ Qinchuan Automobile Company ผู้ผลิตรถยนต์ในจีนแผ่นดินใหญ่ ก่อนจะรีแบรนด์ใหม่เป็น BYD Automobile ในเวลาต่อมา พร้อมกับการจดทะเบียนระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศจีน
BYD เริ่มต้นจากการผลิตรถบัส รถกระบะ และรถบรรทุก ซึ่งยังไม่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า แต่เป็นน้ำมัน ซึ่งยอดขายของพวกเขาก็ดีจนเกินคาด ในปี 2003 BYD ขายเฉพาะรถบัสประเภทเดียวไปกว่า 50,000 คัน
ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 2008 รัฐบาลจีนมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง BYD เองที่มีรากแก้วเรื่องแบตเตอรี่อยู่แล้วก็คว้าโอกาสมาผลิตรถยนต์ประเภทปลั๊กอินไฮบริด (ชาร์จไฟฟ้าได้และใช้น้ำมันได้)
รู้ไหมว่า BYD คือเจ้าแรกของโลกที่ผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ซึ่งมันน่าสนใจมาก แม้แต่วอเรนต์ บัฟเฟตต์ ก็มองเห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของ BYD จึงได้เข้าถือหุ้นเป็นจำนวน 232 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผ่านบริษัท Sino-American Energy Holdings ในเดือนกันยายนปี 2008
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ข้อมูลปี 2021 BYD ครองส่วนแบ่งในตลาด BEV (รถยนต์ไฟฟ้า) 9.1% ของโลก และครองส่วนแบ่งในตลาด BEV (รถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด ใช้งานร่วมกับเครื่องยนต์สันดาป) 7% ของโลก
และปิดท้ายกันด้วยข้อมูลที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ในเดือนมีนาคม 2565 ที่ผ่านมา BYD มียอดขายทะลุ 100,000 คันต่อเดือน และคาดว่าจะมียอดขาย 1.5-2 ล้านคันในปีนี้ ซึ่งจำนวนดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนการตลาดถึง ¾ ของปริมาณยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2564 หมายความว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง BYD อาจมีลุ้นขึ้นมาแซงหน้าเทสลาจากสหรัฐได้นั่นเอง..
ไม่พลาดทุกคอนเทนท์ของเทคฮีไร
Line Official: https://lin.ee/cB2Muk0
ติดตามเทคฮีโร เพิ่มเติมได้ที่..
โฆษณา