3 พ.ค. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เราเล่นคริปโตฯ เพราะอยากลงทุนจริงๆ
หรือแค่กลัวตกกระแส?
คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า “คริปโตฯ” คือสินทรัพย์ที่มาแรงสุดๆ ในยุคนี้ บางประเทศสามารถใช้คริปโตฯ แทนเงินสดได้ หรืออย่างในไทยก็เริ่มเป็นที่นิยมในวงกว้าง มีแพลตฟอร์มสำหรับซื้อขาย ธุรกิจหลายภาคส่วนก็เริ่มตอบรับ ทำให้คริปโตฯ ดูเป็นสินทรัพย์ที่น่าจะเติบโตได้ดีในอนาคต
นั่นจึงทำให้หลายๆ คนสนใจที่จะลงทุนคริปโตฯ ซึ่งการศึกษาข้อมูลก็ไม่ยากเกินความสามารถ เพราะมีแหล่งเรียนรู้มากมายทั้งในและนอกอินเทอร์เน็ต แต่บางครั้งเราก็เห็นคำถามในโซเชียลมีเดีย เช่น “ตอนนี้เปิดพอร์ตคริปโตฯ 100,000 บาทแล้ว แต่ไม่รู้ว่าควรจะซื้อเหรียญอะไรดี?”
บางคนจึงตั้งคำถามว่า ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนคริปโตฯ ไม่ได้ศึกษาข้อมูล หรือวางแผนก่อนเลยหรือว่าจะซื้อเหรียญอะไร? (ประมาณว่ามาถึงก็เปิดพอร์ตเลย)
ประเด็นนี้ถือว่าน่าสนใจทีเดียวครับ “เราเล่นคริปโตฯ เพราะอยากลงทุนจริงๆ หรือแค่เพราะกลัวตกกระแสกันแน่?”
มีปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาอย่างหนึ่ง ที่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า “Fear of Missing Out”
Fear of Missing Out (FOMO) หรือ “โฟโม” คืออาการของคนที่กลัวตกกระแส กลัวตกข่าว กลัวไม่ได้รับการยอมรับ จึงมักจะคอยเช็กข่าวสารตลอดเวลา เพื่อให้ตัวเองได้รู้ก่อนใคร หากพลาดเรื่องอะไรไปก็จะรู้สึกวิตกกังวล เครียดที่ตัวเองพลาดสิ่งสำคัญไป (ไม่ว่าสิ่งนั้นจะสำคัญจริงๆ หรือไม่ก็ตาม) อาการ FOMO เกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะไม่รู้ตัว
[ลักษณะ FOMO ในการลงทุน เป็นอย่างไร?]
มีใครเป็นแบบนี้ไหมครับ? เริ่มลงทุน เทรดคริปโตฯ โดยที่ยังไม่มีความรู้ เหรียญไหนใครว่าดี ต้องรีบซื้อเพราะกลัวตกรถ มีข่าวอะไรก็รีบขายทิ้งเพราะกังวล หรือลงทุนด้วยความเสี่ยงมากเกินไป เพราะต้องการผลตอบแทนเร็วๆ ไม่สามารถอดทนรอได้
พฤติกรรมเหล่านี้ล่ะครับคืออาการ FOMO หรือความกลัวที่จะพลาดโอกาส ถือเป็นศัตรูที่น่ากลัวสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักลงทุนระยะสั้น เน้นเก็งกำไร เพราะมันทำให้เราซื้อขายด้วยอารมณ์ความรู้สึก ปราศจากเหตุผลและข้อมูล
[คุณเป็นนักลงทุน FOMO หรือไม่? เช็กเลย!]
1.ใจร้อน ขาดความอดทน
เมื่อจะเข้าสู่การลงทุน คุณจะไม่สามารถรอขั้นตอนหรือกระบวนการต่างๆ ได้ แต่อยากจะรีบเข้าไปเทรดเร็วๆ เพราะกลัวว่าราคาที่ดีที่สุดจะวิ่งหนีไป
2.ไม่มีมุมมองระยะยาว
นักลงทุนมือสมัครเล่นจำนวนมาก ให้ความสำคัญกับการซื้อขายตรงหน้าเพียงอย่างเดียว และมุ่งมั่นที่จะเอาชนะให้ได้ โดยที่ไม่ได้คิดว่ายังมีการซื้อขายอีกนับร้อย นับพัน รออยู่ข้างหน้า
1
3.ความคาดหวังสูง
คุณอยากเพิ่มบัญชีเทรดเป็น 2 เท่าภายในเดือนหน้า เพราะคิดว่าจะต้องทำกำไรเยอะๆ ให้ได้เร็วที่สุด ไม่อย่างนั้นจะพลาดมากๆ แต่ลืมคิดไปว่านั่นทำให้คุณเสี่ยงมากขึ้น
4.ไม่มีวินัยการลงทุน
ถ้าคุณไม่มีระบบหรือตั้งกฎในการลงทุนให้ตัวเอง คุณก็จะลงทุนด้วยอาการ FOMO เสมอ กระโดดเข้าออกตลาดซื้อขาย โดยที่ไม่มีเป้าหมาย ไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
5.ขาดความมั่นใจ
หลังจากที่ขาดทุนไปบ้าง นักลงทุนจำนวนมากจะพยายาม “เอาคืน” ด้วยการเข้าซื้อขายแบบสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะหวังว่าจะได้กำไรคืนมาบ้าง
6.มั่นใจมากเกินไป
เมื่อคุณเริ่มทำกำไรได้ ก็จะคิดว่าคงไม่มีวันขาดทุน จึงเริ่มลงทุนแบบเดาสุ่ม หรือทุ่มซื้อเกินตัว เพราะคิดว่าตัวเองรู้ทันตลาดแล้ว
[เทคนิคลงทุนให้ชนะ FOMO]
-ตั้งเป้าหมายในการลงทุนให้ชัดเจน ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
-มีวินัยในการลงทุน ตั้งกฎการซื้อขายให้ตัวเองและทำตามอย่างเคร่งครัด
-รู้จักบริหารความเสี่ยง ตัดขาดทุน (cut loss) เมื่อจำเป็น
-ฝึกการอดทนรอคอย เพราะการลงทุนไม่มีทางลัด
บางคนคิดว่าอาการ FOMO จะทำให้นักลงทุนตื่นตัวอยู่เสมอ และอาจคว้าโอกาสได้มากกว่าคนอื่นๆ แต่จริงๆ แล้ว FOMO ก็ส่งผลเสียด้วยเช่นกัน คือทำให้ตัดสินใจด้วยอารมณ์ความรู้สึก มากกว่าข้อเท็จจริง ดังนั้นโอกาสที่คว้าทันอาจขาดการไตร่ตรอง เพียงเพราะ “กลัวตกรถ” ซึ่งอาจทำให้เราล้มเหลวในการลงทุนได้ ดังนั้น aomMONEY คิดว่า #เดินทางสายกลาง เอาไว้ดีที่สุดครับ
#aomMONEY #วางแผนการเงิน #ออมเงิน #ลงทุน
#คริปโต #บิตคอยน์ #ติดดอย #ตกรถ
#Cryptocurrency #Bitcoin #FOMO
◤ = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = =
aomMONEY ก้าวแรกสู่ความสำเร็จทาง "การเงิน"
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = = ◢
👍 ชอบกด Like โดนใจ กด Share
และอย่าลืม ✅ See First
เพื่อที่จะได้ไม่พลาดข่าวสารใหม่ ๆ ก่อนใคร
ติดตามความรู้ทางการเงินในช่องทางอื่นๆ ได้ที่
📌 กลุ่มกองทุนไหนดี https://bit.ly/3aOjgMl
สนใจโฆษณาติดต่อ :
👉 Tel: 089-223-6996 (คุณต้นรัก)
โฆษณา