2 พ.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ เมื่ออยากเห็น ผมจะเป็นให้ ]
ข้อมูลจากเว็บไซต์ salarysport ที่รวบรวมค่าจ้างของนักกีฬาอาชีพในสโมสรชั้นนำ เปิดเผยของผู้เล่นเรอัล มาดริดไว้อย่างสนใจ
คนที่รับมากสุดคือ แกเร็ธ เบล อยู่ที่ 27.5 ล้านปอนด์ต่อปีหรือประมาณ 528,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ คิดเป็นเงินบาทก็วีกละ 22.7 ล้าน มหาศาลบานตะเกียงเลยทีเดียว
1
อันดับสองคือ เอแด็น อาซาร์ 19.8 ล้านปอนด์ต่อปี 381,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เป็นเงินบาทคือ 16.3 ล้าน
แน่นอนว่าใครเห็นตัวเลขนี้ต่างก็อยากเอามือทาบอกทั้งสิ้น บางคนบอกเลยว่าเล่นบอลแค่สัปดาห์เดียว พวกเขาทำมาหากินทั้งชาติยังได้ไม่ถึงด้วยซ้ำ
แต่ที่น่าตกใจกว่าเห็นจะเป็นจำนวนนัดที่ เบล ลงสนามช่วยมาดริด
ฤดูกาลนี้ใกล้ปิดฉากลงเต็มทีแล้ว ดาวเตะเวลช์เพิ่งเล่นไปแค่ 7 เกมเท่านั้นเอง รวมทั้งหมด 290 นาที ซึ่งถือว่าน้อยมากๆ ยิงไป 1 ประตู ไม่มีแอสซิสต์เลย
1
ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาอาการบาดเจ็บที่ตามรังควานต่อเนื่อง แทบทุกชิ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็นหัวเข่า , น่อง , หลังและเอ็นกล้ามเนื้อ รักษากันไปไม่เคยหายขาดเลย
ด้าน เอแด็น อาซาร์ จนถึงเวลานี้ลงไปทั้งสิ้น 22 เกมทุกรายการ เป็นสำรองเกือบครึ่ง รวมทั้งสิ้น 877 นาที ทำได้ 1 ประตู 2 แอสซิสต์
ภาพรวมของตัวเลขดีกว่า เบล อยู่บ้าง แต่หากว่ากันตามตรงแล้วแทบไม่ต่างกันเลย ทั้งคู่ไม่ได้เข้ามาเป็นแกนหลักผลักดันทีม กลายเป็นภาระซะมากกว่า
พวกสื่อต่างแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน นี่คือสองดีลอันล้มเหลวมากสุดในประวัติศาสตร์เรอัล มาดริด
แม้ เบล จะเคยทำผลงานน่าประทับใจ มีส่วนร่วมกับความสำเร็จหลายครั้ง โดยเฉพาะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาล 2917/18 ที่ลุกมาจากม้าสำรอง ก่อนซัลโวคนเดียว 2 ประตูสำคัญ ช่วยให้ทีมคว้าชัยเหนือลิเวอร์พูล 3-1
แต่หลังจากนั้นเขาเหมือนถูกผลักให้กลายเป็นตัวปัญหาของทีม เริ่มจากโดนตราหน้าว่าคือชนวนทำ ซีเนดีน ซีดาน ตัดสินใจอำลาทีม ทั้งที่เพิ่งครองเจ้ายุโรปได้แค่ 5 วัน
ในขณะเดียวกันสื่อฝั่งมาดริด ดูเหมือนตั้งตนเป็นศัตรูของ เบล มีการเล่นประเด็นที่ชวนสร้างความไม่ไว้วางใจให้กับพวกแฟนบอล
อย่างเช่นสนใจออกรอบกอล์ฟ มากกว่าเกมในสนาม ไม่ได้แคร์มาดริดแบบจริงจัง ทั้งที่รับค่าจ้างสูงสุดในสโมสร
มีเวลาว่างไม่ได้ ต้องบินกลับอังกฤษเสมอ เพื่อมาซ้อมสกิลการพัตต์ เพราะที่สวนหลังบ้านลงทุนทำกรีนอย่างดีไว้พร้อมอยู่แล้ว
นอกจากนี้สื่อยังเสี้ยมให้แฟนมาดริดฉุนเฉียวยิ่งขึ้น จากเหตุการณ์บนรถบัสของทีม แทนที่จะใส่ใจเปิดคลิปคู่แข่งเป็นการศึกษาก่อนโม่แข้ง แต่กลับดูถ่ายทอดสดกอล์ฟรายการหนึ่งซะอย่างนั้น
จริงเท็จอย่างไรไม่รู้ ไม่มีใครออกมายืนยันเป็นพยาน แต่เมื่อสื่อนำเสนอออกไป ก็เหมือนสาดเชื้อไฟให้แรงกว่าเดิม ความโกรธเกลียดชิงชังทวีหนักอีก
ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีความพยายามนำผลงานในสีเสื้อสโมสรกับทีมชาติเปรียบเทียบกันด้วย
ยามรับใช้เวลาทีไร เบล ดูเป็นคนละคนกับตอนอยู่มาดริด กระตือรือร้น แพสชั่นมาเต็มและมักมีส่วนร่วมกับการได้ประตูอยู่เสมอ
เมื่อเรื่องเหล่านี้ถูกสะสมนานวันเข้า มันเหมือนยัดเยียดให้แฟนมาดริดเองจงเกลียดจงชัง เบล มากขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งไปสุดถึงคำพูดที่ว่า ไม่มีทางย้อนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว
แน่นอนว่า เบล ตกเป็นเหยื่ออันโอชะ พวกสื่อสามารถหยิบชื่อมาสร้างประเด็นได้เสมอ เพราะรู้อยู่แล้วว่าขายได้ เรียกความสนใจจากแฟนๆที่พร้อมจะก่นด่าสาปแช่งอย่างดี
เหตุการณ์ที่ดูรุนแรงล้ำเส้นจนไม่ให้เกียรติกัน เกิดขึ้นเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลายคนยังน่าจำได้
มานูเอล จูเลีย โดราโด้ นักข่าวและคอลัมนิสต์ของมาร์ก้า เขียนคอลัมน์จัดหนักไม่เกรงใจ ระบุว่านี่คือปรสิตที่มาจากเกาะอังกฤษ สูบเลือดกินเนื้อมาดริดจนอิ่มหนำ แล้วเล่นละครหลอกลวง ก่อนจะเตรียมบินจากไป
การที่ เบล ถูกกล่าวหาว่าเป็นพาราไซต์หรือปรสิต อันหมายถึงพวกไร้คุณค่า จึงกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาโต้กลับมากมาย
1
แฟนบอลไม่น้อยเห็นดีเห็นงามด้วย แต่มันควรทบทวนไล่เรียงเหตุการณ์ให้ดีซะก่อน ไม่ใช่จู่ๆจะไปประทับตราที่หน้าผากประจานกันอย่างนั้น
เข้าใจว่าสาวกราชันชุดขาวหลายต่อหลายคนรับไม่ได้ เบล เพิ่งยิง 2 ประตูช่วยเวลส์ฝ่าด่านผ่านเข้าสู่ฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายสำเร็จ แต่พอมาเล่นให้มาดริดทีไร เหมือนเป็นตัวละครอีกคน
ซังกะตาย ไร้แพสชั่น เหมือนอยู่ไปวันๆ รอกระทั่งหมดสัญญาแล้วค่อยจากไปอย่างเงียบๆ
เมื่อไม่อาจเปลี่ยนความเชื่อแฟนบอลได้อีกแล้ว เบล เลยปล่อยเลยตามเลย อยากให้ชิลด์ อยากเห็นว่าเป็นคนไม่ทุ่มเท ก็แสดงมันออกมาเลยดีกว่า
ทั้งที่บางครั้งเขาถูกปฏิบัติไม่เหมาะสม แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไรนัก โดยเฉพาะช่วงที่ยังมี ซีดาน กุมบังเหียน ไม่ได้มีสถานะเป็นตัวหลัก แถมยังเจอความพยายามบางอย่างบีบให้ย้ายออก
เราได้เห็นภาพต่างๆนานา อย่างเช่นนั่งเป็นสำรองอยู่ข้างสนาม แล้วเอาหน้ากากปิดหน้าไม่สนใจดูเพื่อนๆระหว่างวิ่งในเกม
ร่วมฉลองความสำเร็จกับคนอื่นๆ ราวกับเป็นหุ่นยนต์ ถูกสถานการณ์บังคับให้ทำอย่างนั้น แต่มันกลับไม่เนียน จนถูกจับได้
หรือกระทั่งบรรยากาศในห้องแต่งตัว หลังเกมมาดริดชนะ แล้วมีการถ่ายคลิปเอาไว้ เบล เลือกที่จะปลีกตัวออกห่าง แทบไม่ได้เข้าเฟรมเลย แต่ก็ยังถูกจับภาพได้อยู่ดี
ล่าสุดเลยก็คือเมื่อคืนวันเสาร์ หลังจากมาดริดเปิดบ้านทุบเอสปันญ่อล 4-0 คว้าแชมป์ลาลีกาสมัย 35 มาครองสำเร็จ งานปาร์ตี้เรียกน้ำย่อยจึงเริ่มขึ้น
นอกจากพวกแข้งตัวจริงในเกมดังกล่าว กลุ่มสำรอง พวกบาดเจ็บหรือโดนพักแข้ง มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกันทั้งหมด แม้กระทั่ง เอแด็น อาซาร์ ก็มาด้วย
แต่กลับไม่ปรากฏเงาของ เบล สื่อคาดว่าเขาน่าจะบอกปัดเอง ไม่มีความจำเป็นจะต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำอีกต่อไป
แน่นอนแฟนบอลพออ่านข่าวหรือเห็นทวีตข้อความว่า เบล ไม่ได้อยู่ร่วมฉลอง ก็เข้าไปแสดงความคิดเห็นทางโซเชี่ยล ตำหนิติเตียน ด่าทอต่อว่ากันตามสไตล์
สำหรับ เบล ไม่น่าจะหาทางออกไม่ติดตามเรื่องหรือข่าวประเภทนี้ รวมทั้งสตอรี่ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเล่นงานเขาโดยตรงอีก ปล่อยให้มันเงียบหายไปเอง
ไม่ผิดนักหากจะบอกว่า เบล เองโดนสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ทำให้เขาต้องจำยอมรับสภาพดังกล่าว นั่นคือเป็นพวกเห็นแก่เงิน ไม่ทุ่มเทคุ้มค่าจ้างที่มากกว่าใคร ไร้สปิริตและถึงขั้นเป็นปรสิต
เบล อาจไม่ถูกทั้งหมดในบางเคส แต่จะโยนความผิดให้เขาคนเดียวคงไม่ได้เช่นกัน จะว่าไปก็น่าเห็นใจ
อาจเพราะเป็นนักเตะต่างชาติ รับค่าจ้างแพงสุด แล้วมักถูกโฟกัส เล่นไม่ดีเหยาะแหยะขึ้นมาเมื่อไร จะโดนจัดหนักทันที ซ้ำร้ายมีข้อเปรียบเทียบกับแข้งอย่าง ลูก้า โมดริช , โทนี่ โครส หรือ กาเซมีโร่ ที่ได้เงินน้อยกว่า แต่แอ็กชั่นต่างกันลิบลับอีก
เขาไม่มีแรงจูงใจหลงเหลืออีกแล้ว มันอันตรธานไปเกลี้ยง ดังนั้นทางเลือกดีสุดคือเป็นอย่างที่ทุกคนอยากเห็นเลยแล้วกัน
ฉากจบของเขากับมาดริดแทบไม่มีความทรงจำ ทั้งที่เมื่อ 4 ปีก่อน ยังเป็นฮีโร่ของทีมอยู่เลย
แต่บางที เบล อาจหลุดพ้นจากคำว่าแคร์มาแล้วก็ได้
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา