8 พ.ค. 2022 เวลา 10:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
อะไรเกิดขึ้นกับ Crypto และตลาดทุน อย่าเพิ่งปวดหัวกลุ้มมากถ้าหุ้นหรือ bitcoin ตก มีสตืมันก็ไม่มีอะไรหรอก.. ช่วงที่ผ่านมาผมเห็นหลาย Content ที่เกี่ยวกับการเงินและการลงทุนไล่โพสต์ออกมา มักเขียนข้อความพร้อมใส่อารมณ์ร่วมตกใจสีแดง เต็มไปหมด
อย่างเช่นว่า Fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยปรับ 0.5 เปอร์เซ็นต์วันที่ปรับตัวลง 0.5 เปอร์เซ็นต์ แล้ว ผลออกมาว่าดาวโจนส์พุ่งทะยาน ก็จะก็เขียน Content ประมาณว่า Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.5 เปอร์เซ็นต์ พอดาวโจนส์ไม่ตก ก็บอกว่านักลงทุนมองเป็นแง่ดีทำให้ดาวโจรขึ้น ทำให้ทุกอย่าง ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้แล้วก็อวยให้ไปรับของ
พอวันถัดมาดาวโจนส์ติดลบ 2- 3% Nasdaq ร่วง 3% คริปโตร่วงต่ำกว่า 35,000 แล้ว แล้วก็มากลับคำพูดเมื่อวานที่เขียนไปว่านักลงทุนมองในแง่ดีหุ้นเลยขึ้นดาวโจนส์เลยขึ้น พอวันถัดมาก็มาเขียนกลับในสิ่งที่ตัวเองเขียนไว้ว่านักลงทุนตอบสนองไม่ดี มองว่า แนวโน้มของจริงอาจแย่กว่าที่คาด จริงๆแล้ว Fed ควรขึ้นดอกเบี้ยมากกว่านี้ ถ้าเป็นแบบนี้อาจจะแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ไม่ทันเพราะขึ้นดอกเบี้ยแค่ 0.5 เปอร์เซ็นต์....
คุณว่าบทความที่เขียน 2 วันแล้วมันแย้งกันจากเหตุผลเดียวกันนี่ มันปัญญาอ่อนหรือเปล่า
ที่ผ่านมาคนรู้จักกันมักจะบ่นให้ผมบ่อยๆ ว่าทำไมคนที่เขียนข้อมูลเรื่องลงทุนในเฟสในสื่อ Social มักชอบเขียนอะไรแบบนี้และมันมีเต็มไปหมด เฟสทางการก็มีแต่เป็นแนวด้านเศรษฐศาสตร์ไปเสียหมดเลย บางทีอยากได้สาระในการเป็นแนวคิดละเอียดกว่าเศรษฐสาสตร์นิดนึง คือย่อยให้อีกนิดนึง เพื่อเป็นแนวการลงทุนบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยเห็นมีใครทำ ฟังน้องเค้าพูดเลยคิดว่า ก็เลยเอานะ เขียนลงดูเผื่อมีคนอ่านแล้วอาจจะรู้สึกว่าได้อะไรบ้าง
สำหรับผมเอง Content ในลักษณะ data หรือ information ที่เกี่ยวกับการลงทุน หรือการตัดสินใจที่จะลงทุน พักหลังๆ มักจะสร้างอารมณ์ให้ตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น ถ้าเป็นไปได้ไม่อยากให้ มีเยอะมากไป มีบ้างเอาแค่พอสนุกๆตื่นเต้นก็ได้แต่ตอนเขียนวิเคราะห์ให้ใส่สาระในการจัดการเพิ่มเติม ไม่ใช่นำเอาเรื่องที่เกิดในปัจจุบันมาเล่ากล่าวเฉยๆและให้คำลงท้ายสักสองสามประโยคก่อนปิด content ให้มันตื่นเต้นและน่าตกใจ
ในกรณีหากคุณมีประสบการณ์ในการลงทุนมากพอ คุณก็ควรจะเข้าใจเรื่องโดยรวมและเสนอแนะจิตวิทยาการลงทุนบ้าง ให้ผู้คนรับทราบและใช้ความคิดละเอียดรอบคอบขึ้นก่อนตัดสินใจ ให้ทราบว่าบทวิเคราห์ทาง Fact กับจิตวิทยาการลงทุน บางทีถ้าเวลามันไม่พ้องกัน ผลลัพธ์แม้มันอาจจะเกิดขึ้นตามนั้น แต่อาจจะต้องรอนานกว่าปกติ แล้วพวกคุณต้องตัดสินใจว่าจะรอหรือทิ้งมันไป
วันนี้เรามาคุยเรื่องหุ้นที่มันตกๆ หรือ Bitcoin ที่ตกๆ กัน.... เรามาคุยกันแบบสติๆ มาพูดกันถึงพฤติกรรมปกติของนักลงทุน ปกติข่าวร้ายในตลาดการลงทุนจะมีอยู่ 3 ประเภทใหญ่ๆ
ประเภทแรกคือ ข่าวร้ายที่นักลงทุนรู้ล่วงหน้าแล้ว แล้วผลลัพธ์ออกมาเหมือนกับที่คาดไว้
1
ประเภทที่ 2 ข่าวร้ายที่นักลงทุนรู้ล่วงหน้าแล้วแต่ว่ามันออกมาแย่กว่าที่คาดไว้
1
ประเภทที่ 3 คือไม่รู้ตัวมาแบบทันทีข้ามคืนแล้วก็ไม่รู้ว่ามันจะหนักแค่ไหน
1
ดังนั้นนักลงทุนถ้าคุณจะเล่นในตลาดทุนควรรู้ว่าปัญหาที่มันเกิดขึ้นมันคือปัญหาประเภทไหนสำหรับประเภทที่ 1 ความเสียหายที่รู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น โดยที่ตลาดมองความเสียหายเหมือนกับข่าวที่ออก แบบ Fed จะขึ้นดอกเบี้ย เรื่องแบบนี้มันรู้กันอยู่แล้วล่วงหน้า และมันออกมาตามคาด
1
โดยปกติแล้วตลาดทุนที่เจ้ามือจะตอบสนองคือกดลงมาก่อนที่ข่าวจะออกเพื่อให้รายย่อยตกใจ และตัวเองก็ย่อมาเพื่อตั้งรับสถานการณ์ ดูว่าข่าวตรงใจหรือเปล่าและก็ขายทิ้ง
แล้วพอออกมาตามคาด กลุ่มนักลงทุนสายเจ้ามือจะปั้นข่าวทันทีว่าออกมาตามที่คาด แล้วก็ดันขึ้นไปให้รายย่อยมารับรายย่อยก็งงนิดนึงว่ามันก็เป็นข่าวร้ายนะแต่ทำไมถึงขึ้น กองทุนกับกองข่าวก็จะออกข่าวดีๆมาว่าเนื่องจากว่าตลาดมองแล้วว่าตรงตามที่คาดไม่มีปัญหา รายย่อย ก็เข้าไปรับเต็มไปหมดเพราะคิดว่าควรจะรีบาวขึ้น สุดท้ายวันถัดมาเจ้ามือก็จะทิ้ง ก่อนที่รายย่อยจะคืนขอให้กับเจ้ามืออีกรอบนึงในราคาที่ต่ำกว่า
1
ความหมายของมันก็คือหากเกิดเรื่องแย่ๆในตลาดทุนและทางกองทุนหรือเจ้ามือรู้ก่อนก็จะปรับฐานลงมา เพื่อตั้งรับในส่วนของการลงทุน แต่ พอมีวันประกาศข่าวออกมาว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นตรงกับที่ตลาดคาดไว้ ก็แปลว่าเออดีเหมือนที่คิดไว้ตามแผน
1
ทำให้มีเวลาเอาของออก ก็จะปล่อยของเพื่อรับกำไรอีก 1 รอบเพื่อให้รายย่อยมารับต่อแล้วจึงค่อยปรับฐานลงในการลงทุนในวันต่อมา และถามว่าทำไมถึงไม่ดันขึ้นละ ทำไมให้มันลง อ้าว... ก็เพราะว่ามันมีความเสียหายมันเกิดขึ้นจริงๆ และก็หลอกให้คนไปรับของแล้วก็เลยต้องลง
การที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยก็แปลว่า มันต้องมีคนถอนเงินออกจากตลาดเพื่อต้องไปคืนเงินกู้ เพราะยืมมาด้วยดอกต่ำดังนั้น fund flow มันก็ควรต้องออกสิ และสถานการณ์ตลาดมันแย่อยู่ เมื่อแย่อยู่ก็ต้องลงจริงๆ และเงินเฟ้อเกิดขึ้นจริงๆเฟดถึงต้องขึ้นดอกเบี้ย แล้วหลังจาก กองปล่อยของในวันที่ 2 แล้วนั้นก็จะเริ่มเล่นบนฐานใหม่ในรอบหลังๆนี้โดยปกติมี ceiling ของรอบใหม่นี้คือ ฐานเล่นของรอบเก่า ไม่ใช่ยอดของรอบเก่านะ
1
ดังนั้นถ้าเกิดเข้าไปรอบนี้ พอใกล้ๆถึงฐานของรอบเดิมก็ต้องปล่อยแล้ว ยกเว้นว่าอยู่ๆจะเกิดเรื่องดีขึ้นมาทันทีอันนี้ช่วยไม่ได้มันเกินคาด มันก็จะพุ่งทะลุ ฐานเดิมขึ้นไปอาจจะไปแตะยอดเดิม ของรอบที่แล้วได้
ความเสียหายประเภทที่ 2 ที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าจะพอออกมาจริงๆ ดันแย่กว่าที่คิด หรือตลาดมั่นใจว่าแย่แน่ๆ แต่ผลออกมาดีกว่าคาด แต่ตลาดไม่เชื่อ!! มีความเคลือบแคลงแบบดีปลอมๆ การเตรียมการของพวกนี้ปกติก็จะลงมาระดับหนึ่งในวันก่อนประกาศอยู่แล้วเพื่อเตรียมรับมือ
1
แต่ถ้าข่าวมันออกมาร้ายกว่าที่คิดที่ผ่านมาโดยปกติกองทุนสายเจ้ามือจะทิ้งเลยในวันแรกเพราะไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้ทิ้งวันที่ 2 เหมือนกับประเภทที่ 1 นะ เพราะถึงจะทิ้งล่วงหน้ารอรับข่าวอยู่แล้ว แต่หากแย่กว่าคิดก็จะลงต่ออีกวันหรือสองวัน รวมเป็นลงติดกัน 2-3วัน
หลังจากรับข่าว1 วัน วันนั้นเพราะการปล่อยของแบบนี้จะกดลงไปเฉลี่ย 10-15 % total รวมที่ลงรวมของวันก่อนรับข่าวด้วย ที่เกิดขึ้นเพราะกองใหญ่ๆ ก็ยังไม่ทราบว่าความเสียหายที่แท้จริง แล้วต้องใช้เวลาซักวันหรือสองวันในการเช็คดูว่า เรื่องที่เกิด สมารถดูแลรับมือกันได้นะ และที่มันมากกว่าคาดมีประเด็นอะไรบ้างนั่นก็ทำให้เจ้ามือสามารถ อ่านเกมแล้วก็ดูเรื่องราวก่อนในวันแรกที่ทิ้งแล้วหลังจากนั้นในวันที่ 2
2
การทิ้งก็อาจจะมีแต่ไม่เยอะ ส่วนใหญ่แล้วต่ำสุดของวันที่ 2 ก็รีบาวน์ และก็ถึงสุดของรอบๆนั้น ที่มักจะเกิดขึ้นในวันที่ 2 หรือวันที่ 3 ขึ้นอยู่กับขนาดของข่าวร้ายว่าแย่กว่าที่คิดเยอะหรือเปล่า จากการมีข่าวไม่ดีที่เกินคาดออกมาแต่ต้องเเป็นข่าวไม่ดีที่รู้ล่วงหน้า และพอมีการเตรียมการบ้างนะ
พอเจอเรื่องแบบนี้ ปกติรายย่อยจะเข้าไปรับทันทีในวันที่ 2 ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ยังเป็นวันที่สายกองจะทิ้งต่ออีก 1 วัน เพื่อให้รายย่อยที่รับวันที่ 2 เห็นว่าไม่ชัวร์แล้วก็ทิ้งของออกมาถ้าหากวันที่ 2 แล้วไม่มีรายย่อยมารับ เนื่องจากวันแรกอาจจะทิ้งเยอะ วันที่ 2 ก็จะเป็นวันสุดของรอบล่างในรอบนั้น และก็วนเวียนอยู่ในรอบๆนั้น แต่ยอดของรอบใหม่นั้นก็จะมักไม่เกิน 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์จากจุดต่ำสุดของรอบ
1
แล้วก็ความเสียหายประเภทที่ 3 อย่างเช่นพวกความเสียหายที่เกิดจากสงครามที่มันเกิดขึ้นทันทีหรือ covid โรคระบาดอย่างครั้งที่แล้วความเสียหายแบบนี้ กลุ่มนักลงทุนใหญ่ๆ ก็ไม่รู้เรื่องมาก่อนก็ต้องทิ้งของทำกำไรก่อนเลย และจะเก็บเนื้อเก็บตัวสักวันสองวันหรืออาจนานกว่านั้น นั่นหมายความว่าส่วนใหญ่แล้วจะทิ้งเลย เพราะเขารู้ว่าทิ้งรอบได้กำไรไปบ้างแล้วเขาสามารถไปรับต่อได้ในราคาที่ถูกกว่า
1
ส่วนรายย่อยก็เหมือนกัน บางคนก็ทิ้งตามบางคนก็ติดดอย ส่วนใหญ่ Day Trade ก็จะทิ้งตามดังนั้นเหตุการณ์แบบนี้การทิ้งจะทิ้งลึกมากปกติแล้วจะเกิน 30 เปอร์เซ็นต์ของราคาเก่าหรือจนกระทั่งภาพชัดเจนว่าสงครามมีขอบเขตแค่ไหนหรือโรคระบาดทำความเสียหายได้แค่ไหนและหลังจากนั้นก็จะสร้างข่าวเพื่อให้มันอิ่มตัวก่อนที่จะมารับของในตลาดอีกทีนึง
และสำหรับคริปโต ที่วันสองวันนี้ ยังอยู่เหนือ 35,000 ได้แป๊บๆ แล้วก็ DJ ที่ตอนนี้มันอยู่เหนือ 33,000 จุด สายนักวิเคราะห์เขาก็รู้กันหมดแหละว่าที่ผ่านมามันขึ้นมาขึ้นเพราะอะไร ทั้งเงิน qe ที่ พวกขาใหญ่ขาน้อยเอามาทำ margin มันเป็นเงินที่ไม่ควรมีแต่แรกแล้ว ดังนั้นพอดอกขึ้น พวกนี้ก็แค่คืนเงิน
ดังนั้นตัวเงินที่ดันหุ้นกับมูลค่าของคริปโตทั้งนั้น ปัจจัยหลักอื่นๆ อื่นแทบจะไม่มีเลยที่ทะลุมาในปี 2020 เรื่องข่าวเฉพาะตัวของแต่ละหุ้นและกระแสของหุ้นแต่ละตัว ที่ดันตัวเองสูงเกินมูลค่าของที่มันควรจะเป็นก็เกิดจากการปั้นของเจ้ามือทั้งนั้น
หากคุณเข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นทุนเดิม คุณจะไม่รู้สึกไปหรือว่าอะไร ทำไม เกิดอะไรขึ้นทำไมตอนนี้ Dow Jones จนถึงหล่นมาขนาดนี้ทำไมคริปโตถึงหล่นต่ำกว่า 35,000 US คนเล่นคริปโตควรรู้ไว้หน่อยว่า ที่คริปโตถูกดันไป 60,000 USได้ ช่วงปีที่แล้วนั้น มันเกิดจากเงินทุนที่ไหลเข้ามาจาก qe แทบทั้งนั้นบวกกับรายย่อยที่เพิ่งรู้เรื่องก็เข้าแจม ตรงนั้นหากคุณทราบว่าทำไม คริปโตถึงขึ้นนั่นก็แปลว่าคุณควรรู้ว่าทำไมคริปโตถึงลง
2
ดังนั้นคุณจะแปลกใจอะไรว่าถ้าเกิดคนที่เล่นคริปโตช่วง 2020 เขาเอาเงินที่กู้มาช่วงดอกต่ำ และเงินพวกนั้นเขาจะต้องเอาเงินไปคืน เพราะดอกเบี้ยมันขึ้น เขาก็แค่ถอนเงินออกมาจากที่เขากำไร เอาไปคืนไง
แล้วมันจะลงไปถึง 10000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะถูกดันจาก qe หรือเปล่า ก็คิดว่าคงไม่นะ เพราะว่า ถึงแม้ว่ามันจะถูกกดันขึ้นไปจากเจ้ามือไปที่ 60,000 US ต่อ 1 bitcoin
1
แต่ช่วงที่ผ่านมาก็มีมือใหม่และเงินกู้ของพวกกองทุนส่วนตัวของขาใหญ่ๆก็ยัดเงินเข้าไป ในคริปโตเยอะพอควร นั่นแปลว่าฐานของคริปโตมันควรจะขึ้นจากผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่ใช่กองทุนอยู่พอสมควร แล้วก็มีพวกตัวใหญ่แต่ไม่ใช่ถึงขนาดเจ้ามือเอาเงินยัดลงไปเยอะเหมือนกัน แต่ตอนนี้จะเหลืออยู่เท่าไหร่อันนี้ไม่รู้ ฐานน่าจะอยู่ที่ 20,000 US Dollar ต่อ bitcoin หรือ 25,000 US Dollar ต่อ bitcoin
2
อันนี้ไม่มีใครรู้ ว่าเงินที่ปะปนอยู่ในกองคริปโตตัวนี้มีของรายย่อยเท่าไหร่แล้วก็ของกองทุนเมื่อเท่าไหร่ แต่ถ้ามี Margin call จากพวกเจ้ามือใหญ่ๆนี่ อันนี้ก็น่าจะลงไปอีก
คราวนี้มันจะไม่ใช่รอบ แต่มันจะเป็นการตื่นตระหนก แล้วมันเป็นการตื่นตระหนกในรอบล่างๆ ไม่ใช่ตื่นตระหนกอยู่ในช่วงบนของราคาในขณะที่มันยังมีความแข็งแรงอยู่ แล้วถ้าเกิดมันมีการตื่นตระหนกจากการมี bitcoin หรือคริปโตตัวไหนมีปัญหา มันจะลามเป็นไฟไหม้ฟางเลยเพราะความเชื่อมั่นหายไป คราวนี้ถ้าทุกคนเริ่มทิ้งมันก็จะไม่มีเบรคให้เหยียบ
2
แล้วมันก็จะเป็น crisis ของ เงินคริปโตขึ้นมาทันที เพราะมือใหญ่ๆเขารู้ว่าตัวคริปโตมันไม่ใช่มีมูลค่าของตัวมันเองนอกจากการเก็งกำไร ดังนั้นหากความเชื่อมั่นหายไปโดยที่ไม่มีมูลค่ามารับรองมันก็จะแห่ทิ้ง ซึ่งเรื่องแบบนี้อาจจะเกิดกับดอลลาร์ก็ได้ในอนาคต เพราะดอลลาร์เองขณะนี้ก็ไม่มีทองคำมาเป็น สินทรัพย์รับรองความเชื่อมั่นนอกจากเครดิตของตัวดอลลาร์
2
จนกว่าจะมีเจ้ามือหรือใครกล้าเสี่ยงกู้กำเงินแน่นๆ เข้าไปรับช่วง รายย่อยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็มักจะโดนหลอกโดยเล่าความหวังอะไรต่อมิอะไรให้เก็บอยู่บนดอยอยู่นั่นแหละ
แต่ที่แน่ๆช่วงนี้ยังมีตัวใหญ่ๆค้างอยู่ในคริปโตอยู่พอสมควร อาจจะพยายามทำรอบเล็กๆ 10% เพื่อหากำไรต่อ ได้สักสองรอบต่อเดือน สิ่งที่คุณจะเห็นก็คือถ้าเกิด fed ประกาศขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้าแล้วคริปโตไม่ลง หรือครั้งไหนก็ได้ที่คริปโตไม่ลงต่อ นั่นแหละคุณก็จะเริ่มเห็นฐาน ที่แท้จริงของคริปโต
1
แต่ถ้าพวกกู้มาเล่นหายไปหมดแล้ว ถอนออกมาหมดแล้ว ก็แปลว่ามันก็ควรจะขยับแถวๆนั้น แบบวิ่งขึ้นไม่ลงวิ่งลงไม่เกิน 10% อีกนานพอสมควรจนกว่าพวกเขาจะมีเงิน ชุดใหญ่มาดันขึ้นไปอีก
จนกว่าจะมีธนาคารกลางของประเทศไหนหรือเหตุการณ์ไหนเอาเงินมาบริจาคให้นักลงทุน ได้ Leverage แบยที่ Fed เคยทำแล้วเอามากู้เล่นกันใน bitcoin อีกรอบ แต่อาจจะยากในปีสองปีนี้เพราะ Fed ต้องขึ้นดอกเบี้ยกับ QT อีกนาน จนกระทั่งเลิกขึ้นดอกเบี้ย หรือหยุด QT นั่นก็อาจจะทำให้ Bitcoin กลับหัวขึ้นอีกรอบ แต่ถ้าระหว่างนั้น มี product ใหม่ๆที่น่าสนใจกว่า bitcoin ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนไปอีก
1
ก่อนที่เฟดจะประกาศ ขึ้นดอกเบี้ยในคราวหน้า bitcoin ก็จะขึ้นไปอาจจะเล่นอยู่ไม่น่าเกินระหว่าง 3 หมื่น3 ถึง 3หมื่น7 กว่าๆ ในกรณีที่ความเชื่อมั่นยังไม่มีปัญหา แต่ถ้าเจ้าอยากไล่แขกมากๆ หรือมีข่าวร้ายมาช่วยหนุน อาจไล่ให้หลุด 3 หมื่นแล้วอาจเด้ง ถ้าข่าวร้ายมาเป็นแค่ข่าวไม่ใช่การตื่นตระหนกระดมทิ้ง แต่รอบที่จะเล่นไม่น่าเกิน3 หมื่น 3 ถึง 3 หมื่น 7 ยกเว้นจู่ๆมีข่าวดีมาแบบตูมตามก็อาจไปที่ 3 หมื่น9 ได้อีกแว๊บๆ
5
ยังไงก็ดีถ้าหวังจะถัวอาจจะได้อีกสักสองถึงสามรอบ รอบละไม่เกิน 10% ก่อนถึงวันที่ Fed จะประกาศอัตราดอกเบี้ยรอบต่อไป แต่สุดท้ายถ้า Fed มีขึ้นดอกอีกหรือ เริ่ม QT คนที่กู้มาเล่นก็จะเริ่มเสียวแล้วเอาเงินออกอีก มันจะเป็นแบบนี้ทุกรอบของ Fed ประกาศ ถ้าแย่กว่าคาดอันนี้จะหนาวกว่าเดิม ถ้าตลาดมองไปทางเดียวกันกับ Fed ว่าเศรษฐกิจแย่ bitcoin ก็จะลด 25,000 ไปยาวๆ
โดยปกติ สาย bitcoin มันจะเล่นอยู่ระหว่าง 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ของรอบแต่ละรอบ แต่รอบจะถี่กว่าหุ้น จะขึ้นเร็วลงเร็วให้ตื่นเต้นแล้วกราฟจะใช้ได้กับเรื่องพวกนี้ กราฟจะใช้ได้ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบ แต่ละรอบแต่ไม่สามารถใช้กับการเปลี่ยนรอบได้
จริงๆ พูดถึงเรื่องที่พูดตอนต้นเรื่อง Content ใครจะทำ content อะไรก็ได้ทั้งนั้นแหระ แต่ก็หวังว่า Content แบบไฟไหม้ฟางที่ใส่คำดุดันให้คนกลัวแบบไม่มีสติ เอาแค่พอกล้อมแกล้มสนุกๆ และใส่สาระจริงๆ บ้าง เพราะว่ามันมีเอาไว้ให้ตื่นตระหนกและการเขียนวิเคราะห์เอามัน
อย่างน้อยถ้ารู้เรื่องดีก็เขียนอะไรเพิ่มเติม ว่าอะไรอาจจะเกิดขึ้นระยะกลางระยะยาวระยะระยะสั้นลงไปใน Content เดียวกัน เพื่อที่จะเป็นข้อมูลที่ให้คนอ่านประกอบการตัดสินใจ เพราะบางทีข้อมุลที่เขียนแค่ชั่วคราวบางทีมันทำให้คน ไม่รู้เรื่องก็คิดว่าเผื่อจะติดดอย แล้วก็ขายหมูไปให้เจ้ามือ การวิเคราะห์ประเภทเมื่อวานเขียนอย่างวันนี้ไปด่าตัวเองเมื่อวาน โดยที่ไม่มีสาเหตุหลักๆมาเปลี่ยนแปลง อันนี้ไม่น่าทำ
1
แต่ถ้าเมื่อวานเขียนอย่างและคืนถัดไปมันเกิดเรื่องขึ้นมาอีกอย่างแล้วคุณไปแก้ข้อความ Content ของเมื่อวาน ด้วยสถานการณ์ที่มันเปลี่ยนไปอันนี้ควรจะทำ ที่เขียนมานี่คนอ่านจะเอามาเป็นสาระหรือจะลืมๆ ไม่สนใจเลยก็ได้เพราะแค่เจตนาอยากจะแบ่งปันมุมมองในเรื่องๆหนึ่งเท่านั้นเอง คนอ่านอาจจะคิดว่าผมผิดก็ได้ นั่นคือสิ่งที่คุณคิด ทุกคนมีสิทธิคิดและแชร์ความคิดกัน แต่หวังว่ามันจะช่วยอะไรๆได้บ้างไม่มากก็น้อย
1
สำหรับนักลงทุนเอง ไม่ว่าคุณจะเป็นสายนักลงทุน vi หรือว่าเป็นสาย ลงทุน Day Trade สิ่งที่ควรรู้ก็คือพื้นฐานว่าเงินมันมาจากไหนแล้วมันทำอะไรกับตลาดบ้าง ทำไม Fund flow มันถึงสามารถยกตลาดขึ้น แล้วทุบตลาดลง ความรู้พื้นฐานพวกนี้คุณควรจะรู้คร่าวๆไว้ก่อนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดทุน มีติดไว้ เอาไว้อ่านตลาดล่วงหน้า
1
ถ้าคุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับการขึ้นลงของตลาดทุนโดยรวมแบบ Online คุณแค่หา App investing.com คุณก็จะเห็นอะไรที่มันขยับจริงๆ แล้วไม่ต้องมาตื่ยตระหนกสนใจในเรื่อง ที่เขาเอาเรื่องพวกนี้มันลง เขียนให้มันตื่นเต้นแบบเวอร์ๆ
โฆษณา