9 พ.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ไม่มีใครรักก็รักตัวเองซะ ! ]
หลังจบเกมที่ซานติอาโก้ เบร์นาบิวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แสดงอาการที่น่าผิดหวังอย่างถึงขีดสุด
เพราะการตกรอบยูฟ่า แชมเปี้ยส์ ลีก แบบไม่สมควรอีกครั้ง เหมือนตอกย้ำซ้ำรอยแผลให้เจ็บแสบมากกว่าเก่า ราวกับโดนทิงเจอร์สาดไม่มีผิด
สีหน้าของ เป๊ป มันฟ้องชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อต้องมาเสียสองประตูในนาทีสุดท้ายกับช่วงทดเวลา แถมด้วยโดนจุดโทษในนาทีที่ 3 ของการต่อเวลาพิเศษ ลองนึกสถานการณ์ดูเอา หากเป็นเราคงตกอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน
พอเกมจบลง เป๊ป ให้สัมภาษณ์ในลักษณะตัดพ้อท้อแท้ใจ หากคิดว่าไม่ดีพอก็พร้อมจะอำลาได้เลยเหมือนกัน ไม่ใช่ว่านิ่งเฉย ที่ผ่านมาพยายามทุกอย่างแล้วเพื่อเป็นหมายเลขหนึ่งของยุโรป
มีแฟนบอลบางราย คอนเมนต์ในเชิงอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมบ้าง ที่ผ่านมา เป๊ป ประสบความสำเร็จเฉพาะในประเทศ แต่พอขึ้นเวทีใหญ่ทีไร เป็นอันต้องกระเด็นตกรอบก่อนกำหนดตลอดเลย
หากคุณเป็น เป๊ป แล้วได้ยินเสียงแฟนบอลตัวเองในลักษณะนี้ มันเป็นธรรมดาที่ต้องผิดหวังและรู้สึกน้อยใจ เพราะจะว่าไปแล้วเขานี่แหล่ะที่เข้ามาพร้อมยกระดับทีมให้แข็งแกร่งมั่นคงในพรีเมียร์ลีก แม้จะมีทั้ง โรแบร์โต้ มันชินี่ กับ มานูเอล เปเลกรินี่ ช่วยวางรากฐานไว้ส่วนหนึ่งก็ตาม
อย่างไรก็ตามความพ่ายแพ้ต่อเรอัล มาดริด ไม่ได้หมายถึงซีซั่นจะยุติลงเท่านั้น มันยังทอดยาวออกไปอีก แมนฯซิตี้ยังมีลุ้นสำหรับป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก ซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายแล้ว
พวกเขาเหลือ 4 เกม ที่ต้องกวาดชัยชนะให้หมด หากจะการันตีแชมป์ในฤดูกาลนี้ หากสะดุดขึ้นมา มีโอกาสจะโดนลิเวอร์พูล ซึ่งตามหลังอยู่แค่แต้มเดียว ปาดหน้าเอาได้
ประเด็นที่หลายคนสนใจและพูดถึงกันมากก็คือ การตกรอบยูซีแอลอย่างไม่น่าเชื่อ ชนิดนักเตะทุกคนยังแทบช็อก จะส่งผลกระทบรุนแรงมากน้อยแค่ไหนกัน ในช่วงที่ยังต้องสู้เพื่อป้องกันแชมป์ลีก
เพราะไม่ว่าอย่างไร มันย่อมส่งผลต่อสภาพจิตใจอยู่แล้ว มีเวลาไม่นานนักสำหรับการทำใจ เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงที่เลวร้ายสุดในตอนนี้
จากสถานการณ์ที่เผชิญอยู่ คนเป็นบอสหรือผู้จัดการทีมเท่านั้นแหล่ะ ที่จะต้องนำนาวาฝ่าคลื่นมรสุมครั้งนี้ให้ได้ ซึ่งเป็นหน้าที่ของ เป๊ป โดยตรงอยู่แล้ว
หากตัวเขายอมแพ้ แสดงท่าทีท้อแท้ไม่อยากสู้ต่อ แล้วลูกทีมล่ะจะเอาอย่างไร ฉะนั้นยังก็ต้องรีบลุกขึ้นมาสู้
จุดแข็งของ เป๊ป คือเขาแทบไม่ให้สัมภาษณ์ในแง่ลบ พาดพิงนักเตะเลยแบบตัวบุคคลเลย แจกแจงแค่ภาพรวมเท่านั้นเอง คำว่า "พลาด" หมายถึงทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน
1
ส่วนหลังฉากจะเฉ่งแบบรายตัวหรือเปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ต่อหน้าสาธารณะการให้เกียรติกัน มันสำคัญอย่างยิ่ง
1
อีกทั้ง เป๊ป พยายามแสดงถึงความแข็งแกร่งของจิตใจ เพื่อต้องการผ่านความผิดหวังในครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุดก็สำหรับเป็นตัวอย่างให้นักเตะฮึดกลับมาสู้อีกครั้งด้วย
แน่นอนว่าโมเมนตัมเหวี่ยงมาทางลิเวอร์พูล ซึ่งกำลังคั่ว 4 แชมป์ประวัติศาสตร์อย่างเต็มๆ แม้จะมีโปรแกรมในสุดสัปดาห์ที่ดูหนักกว่า เมื่อต้องเปิดบ้านดวลท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
1
ในขณะที่แมนฯซิตี้มีคิวเล่นในรังเหมือนกัน ซึ่งผู้มาเยือนอย่างนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ร้อนแรงมาก นับตั้งแต่ปฏิทินเปลี่ยนปีเป็นต้นมา
โอกาสที่ทั้งสองทีมจะคว้าชัยและช่องว่างระหว่างคะแนนยังห่างแค่ 1 แต้มเหมือนเดิมมีสูงมาก
แต่เมื่อลิเวอร์พูลพลาดทำได้แค่เสมอสเปอร์ส นั่นหมายความว่าโอกาสทองถูกหยิบยื่นให้ซิตี้ ซึ่งจะลงเล่นหลังจากนั้นเกือบ 24 ชั่วโมง
นอกจากนี้ผลต่างประตูได้เสีย อันมีค่าเปรียบเหมือน"ครึ่งคะแนน" ก็เริ่มมีความสำคัญมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งสองทีมต้องเน้นยิงให้เยอะ เสียประตูให้น้อยด้วย มันอาจส่งผลชี้ขาดในนัดสุดท้ายได้
คำถามคือซิตี้จะมีแรงฮึดมากขนาดไหนกัน ต่อให้หงส์แดงพลาดท่าให้ก่อนก็เถอะ ร่องรอยความผิดหวัง ย่อมหลงเหลืออยู่บ้าง เพราะเพิ่งผ่านไปไม่นาน
พวกเขาออกสตาร์ตไม่ค่อยดีเท่าไรนัก นิวคาสเซิ่ลซึ่งอยู่ในสถานะผ่อนคลาย ได้โจมตีกดดัน แต่หลังจากนั้นเมื่อได้ประตูแรกค่อนข้างเร็ว ตามด้วยเม็ดที่สอง ทุกอย่างก็ดูง่ายและผ่อนคลายตามสูตร
ชัยชนะเหนือนิวคาสเซิ่ล 5-0 นอกเหนือจาก 3 คะแนนแล้ว ยังช่วยปลุกขวัญใจกำลังใจได้อย่างมาก นั่นต้องรงมถึงผลต่างประตูได้เสียที่ตีกรรเชียงหนี 4 ตุงเข้าไปแล้ว
จะว่าไปมันน่าทึ่งไม่น้อยเลย เอฟเฟ็คต์จากความผิดหวังเมื่อกลางสัปดาห์ ไม่อาจทำอะไรแมนฯซิตี้ได้ ตรงกันข้ามดูจะกระตุ้นให้ฮึกเหิมมากกว่าที่คิดอีกต่างหาก
สถานการณ์ที่กุมความได้เปรียบชัดเจนเช่นนี้ มันทำให้งานที่เหลือดูง่ายขึ้นอีกเพียบ ซิตี้สามารถสะดุดเสมอได้อีกเกม ก็ยังเพียงพอสำหรับการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 8 รวมทั้งครึ่งหนึ่งมาจากฝีมือของ เป๊ป ต่างหากด้วย
หลังเกมไม่นาน เป๊ป ให้สัมภาษณ์เยอะพอสมควร โดยพูดเปรียบเปรยว่า ยังเหลือเกมชิงอีก 3 นัดด้วยกัน เริ่มจากวันพุธที่ต้องไปเยือนวูล์ฟแฮมป์ตัน ซึ่งว่ากันตามตรงไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้ว ต่อให้คู่ต่อสู้ไม่มีลุ้นอะไร อาจไร้แรงจูงใจไปแล้ว
ในขณะเดียวกัน มีอีกท่อนที่น่าสนใจมาก นั่่นคือ เป๊ป เชื่อว่า ทุกคนในประเทศนี้ รวมทั้งสื่อมากมาย ต่างก็เอาใจช่วยลิเวอร์พูลให้ประสบความสำเร็จ
เป๊ป คงอยากจะชี้ให้เห็นว่า มีแฟนบอลอีกมากมายตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับแมนฯซิตี้ พร้อมทั้งตั้งคำามเกี่ยวกับการใช้เงินมหาศาล สำหรับการเสริมทัพด้วยผู้เล่นคุณภาพชั้นดีอยู่เสมอ
มันคล้ายว่าเขาไม่ได้สู้กับลิเวอร์พูลเท่านั้น ในการแย่งแชมป์ลีกครั้งนี้ แต่ต้องดวลกับใครต่อใครอีกมาก ไหนจะนักข่าวที่น่าจะเอนเอียงไปทางอีกฝั่ง ที่มีนโยบายไม่ใช้เงินฟุ่มเฟือยเกินความจริง
หลายครั้งที่ เปีป ต้องเผชิญหน้ากับคำพูดเสียดแทงใจ แมนฯซิตี้ประสบความสำเร็จได้เพราะใช้เงินปูทาง ขาดจิตวิญญาณหรือรากเหง้า ฟังแล้วมันคงรู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน
คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ เพิ่งแสดงความเห็นไว้ในลักษณะนี้ หลังจากซิตี้ตกรอบยูซีแอล โดยเรื่องนี้มันไม่สามารถมองเห็นกันได้ตรงๆ แต่ใช้ความรู้สึกสัมผัสมากกว่า
นอกจากนี้เสียงวิจารณ์เชิงที่ว่า เมื่อไม่มี ลิโอเนล เมสซี่ เป็นขุนพลเคียงกาย นั่นเท่ากับว่า เป๊ป ไม่มีทางพาทีมครองเจ้ายุโรปได้เลย
สำหรับ เป๊ป เมื่อได้ยินคอมเมนต์ลักษณะนี้ ไม่ว่าอย่างก็ต้องผิดหวัง ทั้งที่เขาก็ทำไม่ได้ใช้กลโกงอะไรเลย อีกทั้งยังเปิดหน้าเล่นในสนามแบบแฟร์ๆ รุกเต็มสูบ ปราศจากความกลัวต้องลงไปอุดหลังบ้าน
1
สิ่งที่ เป๊ป ต้องทำก็คือ กวาดแชมป์ให้มากสุด เพื่อพิสูจน์และเปลี่ยนความเชื่อของใครอีกหลายคน
แต่ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ เขาก็แค่เปลี่ยนตัวเลขโทรฟี่ของแมนฯซิตี้ไปเรื่อยๆเท่านั้นเอง
แล้วสักวันเขาอาจได้ยินหรือได้เห็นอย่างที่ต้องการ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา