10 พ.ค. 2022 เวลา 01:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เมื่อตลาด ไม่เชื่อประธานเฟด !!!
3 วันของตลาดที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ตลาดปรับลดลงมาก
Dow Jones -5.33% หรือ 1,815 จุด
Nasdaq -10.35% หรือ 1,341 จุด
หลายคนสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น?
ทำไมวันก่อนหน้า หลังประชุมเฟดเสร็จ ตลาดดูเหมือนจะพอใจในแนวทางที่ท่านประธานเฟดออกมาพูดว่า "คณะกรรมการเฟดไม่ได้พิจารณาการขึ้น 0.75%"
ทำให้ที่ตลาดกังวลใจว่าเฟดจะต้องใช้ "ยาแรงมาก" ปรับตัวดีขึ้น
แต่เพียง 1 วันหลังจากนั้น เมื่อมีเวลาคิด วิเคราะห์ ตลาดก็เริ่มเทลงอีกรอบ
ทำให้ที่ขึ้นไป สลายหายไปในพริบตา
ในประเด็นนี้ ได้ไปอ่านข่าวต่างๆ ที่ออกมาหลังการประชุมเฟด สรุปได้ง่ายๆ ว่า
ตลาดไม่เชื่อประธานเฟด !!!!
ที่ไม่เชื่อมีประมาณ 4 ประเด็น
1. ท่านประธานเฟดบอกว่า เงินเฟ้อพื้นฐานเริ่ม peak แล้ว
ตลาดคิดว่า เงินเฟ้อจะสูงขึ้นกว่านี้
2. ท่านประธานเฟดบอกว่า Soft landing ปีนี้สหรัฐจะขยายตัวมากกว่า 2%
ตลาดคิดว่า Recession แน่ๆ
3. ท่านประธานเฟดบอกว่า เอาเงินเฟ้ออยู่
ตลาดคิดว่า เอาเงินเฟ้อไม่อยู่
ทั้งหมดนี้ นำไปสู่ความเห็นต่างที่สำคัญที่สุด คือ
4. ท่านประธานเฟดบอกว่า ไม่ขึ้น 0.75%
ตลาดคิดว่า เฟดจะขึ้น 0.75% ในการประชุมครั้งหน้า
โดยนักวิเคราะห์ นักเทรด ต่างๆ ออกมาช่วยกันพูดว่า สุดท้ายเฟดก็จะต้องขึ้นดอกเบี้ยแบบเร่งด่วน 0.75% ไปสกัดเงินเฟ้อ
เมื่อเห็นคล้ายๆ กันเช่นนี้ หลายคนจึงใช้โอกาสที่ตลาดขึ้นมา ในการขาย
และเตรียมการ Exit จากตลาด
ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงต่ำสุดในรอบปีกว่าๆ
ที่เป็นอย่างนี้ ส่วนหนึ่งก็คงต้องโทษท่านประธานเฟดเอง
เพราะช่วงที่ผ่านมา ท่านพูดแล้วไม่จริง มาแล้วหลายรอบ
บอกไว้เมื่อปี 2020 ว่าดอกเบี้ยจะต่ำจนถึงปี 2024
บอกว่าเงินเฟ้อที่ขึ้นมา เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ไม่ต้องกังวลใจ
บอกว่า ไม่ต้องรีบร้อน ขึ้นดอกเบี้ยที่ละ 0.25% จำนวน 7 ครั้งปีนี้ก็น่าจะพอ (การประชุมเฟดเมื่อเดือนมีนาคม) หลังจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ ก็ให้สัมภาษณ์ว่าไม่มีอะไรที่เป็นอุปสรรคสำหรับการขึ้น 0.5%
พอประชุมเดือนพฤษภาคม ก็ขึ้น 0.5% และแจ้งเพิ่มว่าปีนี้ เฟดจะขึ้น 0.5% รวมกันประมาณ 3-4 ครั้ง !!!
จึงไม่น่าแปลกใจ ตลาดมีคำถามว่า ท่านประธานเฟดจะพูดอะไรแล้วไม่จริงอีก แล้วที่บอกว่าไม่มี 0.75% นั้น จะจริงหรือไม่
ทั้งนี้ ลึกๆ แล้ว การที่ตลาดเห็นต่างจากท่านประธานเฟดในเรื่องเหล่านี้ หลักๆ เป็นผลมาจากการที่ตลาดอ่านเศรษฐกิจต่างจากทีมงานเฟด ที่ตลาดคิดว่า เฟดมองสวยเกินไป มองว่าจะจัดการปัญหาได้ มองว่าเงินเฟ้อจะลงมาเอง ไม่ต้องใช้ยาแรง
ความแตกต่างในการอ่านเศรษฐกิจ จึงนำไปสู่ข้อสรุปที่แตกต่างกัน
และนำไปสู่การ "ชักกะเย่อ ระหว่างเฟดและตลาด
ระหว่างการที่เฟดอยากให้ตลาดสบายใจ กับ การที่ตลาดกังวลใจ
และทำให้สิ่งที่เฟดอยากเห็น คือ การจบลงของความไม่แน่นอนหรือ Uncertainty เกี่ยวกันทิศทางดอกเบี้ยนโยบายของเฟด โดยอุตส่าห์มาบอกคำตอบไว้ล่วงหน้าว่า เฟดจะทำอะไรไปใน 2-3 การประชุมต่อไป
แต่สุดท้ายแม้จะส่งสัญญาณขนาดนี้ ความไม่แน่นอน ก็ยังอยู่ในระดับสูง
เพราะตลาดบอกว่า "ฉันไม่เชื่อเธอ" และมีเส้นทางดอกเบี้ยของตนเอง
ทั้งหมดนี้คงต้องโทษท่านประธานเฟดคนเดียว ที่ชอบพูดแล้วไม่จริง
 
เพราะการพูดแล้วไม่จริงเช่นนี้บ่อยๆ มีนัยยะมากสำหรับการเป็นนายธนาคารกลาง ทำให้ความน่าเชื่อถือหายไป
คำถามสุดท้ายที่คนชอบถาม => ทั้งหมดนี้จะไปต่อกันอย่างไร
ก็คงต้องไปดูว่า ใครอ่านเศรษฐกิจแม่นกว่ากัน
เฟดหรือตลาด
ก่อนอื่น รอดูวันพุธนี้ ว่าเงินเฟ้อสหรัฐจะเป็นอย่างไร
Core Inflation เริ่ม Peak แล้วจริงหรือไม่ ตามที่ท่านประธานเฟดบอก
หลังจากนั้น ก็มีตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่จะมาพิสูจน์กันว่า เศรษฐกิจยังไปได้จริงหรือไม่
และจุดเปลี่ยนที่สำคัญสุดที่ต้องจับตามอง ก็คือ การประชุมครั้งถัดไป 14-15 มิถุนายน คณะกรรมการเฟดจะทำตามที่พูด 0.5% หรือไม่
เพราะสำหรับ "ผู้ที่คนไม่เชื่อถือ"
ทางออกสุดท้าย ก็คือ
ต้องพูดแล้วทำ พูดแล้วทำ พูดแล้วทำ
0.5% 2-3 ครั้งข้างหน้า จนทุกคนกลับมาเชื่ออีกครั้ง
แต่ระหว่างนี้ ตลาดก็จะผันผวนจากการ "ชักกะเย่อ" ดังกล่าวไปอีกระยะ
และสุดท้าย หากต้องขึ้น 0.75% จริงๆ
คงยากที่คนจะเชื่อท่านประธานเฟดต่อไปในอนาคต
มาลุ้นดูกันต่อไปครับ ว่าหนังม้วนนี้จะจบอย่างไร
#ท่องเศรษฐกิจกับดรกอบ #เฟด
โฆษณา