25 พ.ค. 2022 เวลา 00:00 • ความคิดเห็น
ผมเร่ิมเขียนหนังสือในปี 2528 แต่กว่าจะรวมเล่มครั้งแรกก็ผ่านไป 9 ปี (2537) ถือว่าค่อนข้างช้า แต่ผมไม่รีบร้อนเพราะไม่เคยคิดจะเป็นนักเขียน เขียนเพื่อความบันเทิงส่วนตัว เสร็จแล้วเก็บไว้ในลิ้นชัก
3
แต่เมื่อวันหนึ่งเผลอส่งงานไปเสนอนิตยสารและได้รับการตีพิมพ์ ก็ตามมาด้วยงานจำนวนหนึ่งซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในสนามต่างๆ มากพอจะรวมเล่ม ก็รวมเล่ม (ตามอัตตาของนักเขียนกระมัง!) แต่กระนั้นผมก็ตั้งใจจะเขียนหนังสือหลายเล่มให้เสร็จก่อนตีพิมพ์เล่มแรก เพื่อที่จะมีหนังสือไหลออกมาต่อเนื่องไม่หยุด
2
ดังนั้นผมเปิดตัวหนังสือครั้งแรกทีเดียวสองเล่ม (สมุดปกดำกับใบไม้สีแดง และอาเพศกำสรวล)
1
หลังจากหาเหาใส่หัวโดยผันตัวเป็นนักเขียนอาชีพ ความเครียดก็ตามมา ถ้าเขียนไม่ทัน ก็อดตาย ถ้าเขียนไม่ดีก็ตายเหมือนกัน เพื่อลดความเครียดจากแรงกดดัน แทบทุกเล่มจึงเขียนเสร็จก่อนตีพิมพ์ราวหนึ่งปี เพื่อให้มีเวลาพอขยับตัวหายใจได้บ้าง
4
เมื่อวานนี้ลองนับดู ก็พบว่าตีพิมพ์หนังสือไปแล้ว 121 เล่มในช่วง 36 ปี
6
ถ้าไม่รวมฉบับแปล Limited Edition และงานเขียนกับคนอื่น ก็ประมาณ 80 กว่าเล่ม
2
ถ้าตายไปในวันนี้ ก็ยังมีต้นฉบับพอให้ตีพิมพ์ได้อีกประมาณ 10 เล่ม
ปริมาณขนาดนี้ถือว่ามากเกินความฝันแล้ว วันแรกที่จับปากกา ก็ไม่เคยคิดว่าจะมาไกลขนาดนี้
3
ความจริงถ้าจะเกษียณจริงๆ ก็ทำได้แล้ว หรือจะลดปริมาณงานลงเพื่อจะได้ไปเที่ยวเล่นมากขึ้นก็ได้ แต่ก็ยังทำงานด้วยอัตราเร็วเท่าเดิม เพราะยังสนุกกับงานอยู่ เป็น workaholic ขนานแท้ ซึ่งไม่แนะนำนักอยากเขียนรุ่นน้อง เพราะนี่เป็นชีวิตแบบ 'no life' หมกมุ่นอยู่กับงานเขียนทั้งวันทั้งคืน เป็น obsession ไปแล้ว
8
สงสัยคงมีโอกาสหัวใจวายตายคาโต๊ะทำงานแน่ (ชอบนะถ้าตายแบบนี้!)
4
เอาละ ตราบที่ก้านไม้ขีดยังพอมีเนื้อให้ไฟเลีย ก็ยังคงมีแสงสว่างอยู่ แต่คงจะหรี่ลงไปเรื่อยๆ ตามสัจธรรมของชีวิต
4
แต่เมื่อไม้ขีดก้านนี้ร่วง บรรณพิภพก็ยังต้องสว่างด้วยไม้ขีดไฟก้านอื่นๆ ต่อไป
7
โฆษณา