14 พ.ค. 2022 เวลา 19:24 • กีฬา
• เจอกันมา 3 หนเสมอทั้ง 3 ครั้ง ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่เกมที่ 4 จะเสมอกันอีกในเกมที่ทำได้ใกล้เคียงกัน และต่างฝ่ายต่างมีช่วงเวลาที่ดีของตนเองสลับกันไปมา
• เว้นแต่ 20 นาทีแรก ลิเวอร์พูลเริ่มเกมได้ดีเหลือเกิน กดดันเชลซีจนไม่เป็นขบวนเป็นเวลายาวนานต่อเนื่องที่สุดของเกม ขาดก็เพียงแค่ไม่สามารถส่งลูกหนังผ่านเข้าตาข่าย เอดู เมนดี้ ไปได้
• 20 นาทีแรก คือ ช่วงเวลาที่ลิเวอร์พูลเปิดฉากศึกเอฟเอ คัพ ได้อย่างยอดเยี่ยมแบบ front foot คือ พับเชลซีให้ต้องตั้งรับ และสร้างโอกาสที่จะเป็นประตูได้ 2-3 ประตูสบาย ๆ หากอยู่ในวันที่เป็นใจ
• ในเชิงแท็คติกส์ รีส เจมส์ ช่วย ชาโลบาห์ เซนเตอร์ฮาล์ฟด้านขวาน้อยเกินไปทำให้ หลุยส์ ดิอาซ หลุดไปสร้างโอกาสในพื้นที่หลังวิงก์แบ็คทั้งเปิดเข้ากลาง, cut back หรือกระทั่งหลุดเดี่ยวไปเผชิญหน้า เอดู เมนดี้ แต่ไม่สามารถเบิกร่องประตูแรกให้หงส์แดงได้
• หลัง 20 นาทีแรกไปแล้ว เชลซี เริ่มตั้งหลักได้ (เจมส์ เองก็ถอยลงมาช่วยรับ) เกมจึงค่อย ๆ พัฒนามาใกล้กันมากขึ้น ทีมสิงโตน้ำเงินในชุดเหลืองเริ่มสร้างโอกาสได้มากขึ้นไม่นับ ซาลาห์เจ็บต้องเปลี่ยนตัวออกให้ โชตา ลงมาทำให้ทีมเสียโมเมนตัมไปเหมือนกันรวมถึงi อลิสซง ที่เซฟลูกยิง มาร์กอส อลองโซ จนเจ็บต้องปฐมพยาบาล
• ภาพรวม คือ เชลซี ตอบโต้ได้ดี และสร้างโอกาสได้หลายครั้ง และดีพอ (เช่น อลองโซ ฟรีคิกชนคาน) และก็ไม่ได้แย่เหมือนช่วง 20 นาทีแรกอีก ขณะที่ลิเวอร์พูลโดยเฉพาะการยิงชน 2 เสาของ ดิอาซ และโรเบิร์ตสัน สมควรจะได้ประตูมากที่สุด
• เฉพาะอย่างยิ่งดิอาซ ที่หากโชคดีสักเล็กน้อยเจ้าตัวน่าจะยิงได้ 1 ลูกไม่ยาก และโอกาสจ่อ ๆ นั้นของ รบส.คือไม่เข้าได้อย่างไร?
• ด้วยความ “เคารพ” ต่อเชลซี ลิเวอร์พูลทำได้ดีกว่า และดีพอจะชนะใน 90 นาที แต่กับสิ่งที่เกิดขึ้นก็สามารถพูดได้ว่า เชลซี คู่ควรกับการได้ต่อเวลา 30 นาทีเช่นกัน
• ช่วงต่อเวลา แอนดี้ เกรย์ อดีตหัวหอกเอฟเวอร์ตัน และคอมเมนเตเตอร์เกมมองได้น่าสนใจว่า เป็นช่วงเวลาที่จะพยายามไม่เสียประตูมากกว่าพยายามจะทำประตู
• ทั้ง 2 ฝ่ายเปลี่ยนตัวเหมือนกันก็จริง แต่ดูเหมือนเชลซี จะปรับตัว และลงตัวกว่าในช่วงต่อเวลา 15 นาทีแรก แต่ก็กลับเป็นลิเวอร์พูลที่คอนโทรลได้ใน 15 นาทีหลัง “ตอกย้ำ” ว่าในเกมนี้ต่างฝ่ายต่างมีโมเมนต์ของตนเองที่ดีแทบไม่ต่างกัน
• อันทำให้ต้องหวนกลับมานึกถึง 20 นาทีแรกที่ลิเวอร์พูล dominate เกมอย่างสิ้นเชิง และควรปิดเกมนี้ได้อย่างเร็วจริง ๆ
• สุดท้าย ก้าวสู่การยิงจุดโทษอีกครั้ง ถัดจากคาราบาว คัพ ที่ยิงกันครบ 11 คน
• อะไรก็เกิดขึ้นได้ และถึงจุดนี้ ผมขอปรบมือให้ทั้ง 2 ทีมกับการต่อสู้อย่างเข้มแข็ง และสมศักดิ์ศรีตลอด 120 นาทีที่กินกันไม่ลง 0-0 ครับ
• อีกครั้ง เหมือน คาราบาว คัพ ลิเวอร์พูล ชนะดวล 12 หลา และ quadruple ยังไม่ใช่แค่ความฝันต่อไป...
☕ณัฐวุฒิ ประเทืองศิลป์
📷 Liverpool FC
#ไข่มุกดำ
#KMDCoffeeBreak
#LIVCHEFACup
โฆษณา