14 พ.ค. 2022 เวลา 22:07 • ปรัชญา
“วันวิสาขบูชา”
“พระคุณอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า”
วันวิสาขบูชา วันนี้เป็นวันสำคัญอย่างยิ่งหรือจะเรียกว่าเป็นวันสำคัญที่สุดของชาวพุทธและชาวโลก โลกนี้ก็หมายถึงสัตว์โลกที่เกิด แก่ เจ็บ ตายอยู่ในกามภพนี้ อยู่ในไตรภพ อยู่ ๓ โลกธาตุ เป็นวันสำคัญเพราะอะไร
เพราะว่าเป็นวันที่เราจะมารำลึกถึงพระพุทธเจ้า พระองค์ผู้ที่เป็นผู้ที่ประเสริฐที่สุดในบรรดามนุษย์ และสัตว์โลกทั้งหลาย ไม่มีใครที่จะมีความวิเศษมีความรู้ มีความสามารถเท่ากับพระพุทธเจ้า วันนี้เป็นวันวิสาขบูชา วันคล้ายวันประสูติ วันตรัสรู้ และวันเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า บุคคลที่มีความวิเศษที่สุดในโลก
ไม่มีใครที่จะมีความวิเศษเท่ากับพระพุทธเจ้า เพราะไม่มีใครที่จะสามารถยกตนให้ออกจากโลกแห่งการเวียนว่ายตายเกิดได้ สัตว์โลกทั้งหมด ที่อยู่ในไตรโลกธาตุนี้ยังติดอยู่กับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย มีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว ที่สามารถที่ปฏิบัติตนยกตนให้หลุดออกจากวัฏฏะแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้
นี่คือความวิเศษของพระพุทธเจ้า ที่ไม่มีใครสามารถที่จะกระทำได้ นี่คือสิ่งที่พวกเรามารำลึกถึงกัน เพราะการปรากฏของพระพุทธเจ้าขึ้นมาในโลกนี้ เป็นการปรากฏของผู้ที่จะมาช่วยพวกเรา ให้ได้หลุดออกจากวัฏฏะแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้ามาทรงตรัสรู้แล้วนำเอาพระธรรมคำสอน ที่จะนำพาสัตว์โลก ให้หลุดออกจากการเวียนว่ายตายเกิด ก็จะไม่มีใครในโลกนี้ที่จะหลุดออกจากการเวียนว่ายตายเกิดได้เลย
ก่อนที่พระพุทธเจ้าทรงจะตรัสรู้ ไม่มีใครในโลกนี้ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้เป็นพระพุทธเจ้ากันเลย แต่หลังจากที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้แล้ว แล้วนำเอาพระธรรมคำสอนนี้มาเผยแผ่ให้แก่สัตว์โลก ให้แก่ผู้ที่มีจิตศรัทธา มีความเลื่อมใสน้อมนำเอาไปปฏิบัติ ก็ปรากฏมีผู้ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
ก่อนหน้านั้นไม่มีแม้แต่รูปเดียว พอมีพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้วสอนเท่านั้น ก็มีพระอรหันต์เกิดตามขึ้นมาเป็นจำนวนมากเลย อย่างที่ได้พูดไว้ เพียงระยะเวลา ๗ เดือนเท่านั้นเอง ก็มีพระอรหันต์อย่างน้อยก็ ๑,๒๕๐ รูป ที่มาเฝ้าพระพุทธเจ้าในวันเพ็ญเดือน ๓ วันมาฆบูชา นี่แหละคือความวิเศษของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่มีพระพุทธเจ้าก็จะไม่มีพระอรหันต์ ไม่มีใครที่จะสามารถปฏิบัติให้หลุดออกจากกองทุกข์แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้เลย
แต่พอมีพระพุทธเจ้า มีพระธรรมคำสอน มีผู้น้อมนำเอาไปปฏิบัติ ก็มีผู้ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้หลุดพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตายได้เป็นจำนวนมาก นับตั้งเเต่วันแรกของการประกาศพระธรรมคำสอนมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังมีผู้ที่สามารถน้อมนำเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามาศึกษามาปฏิบัติ จนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์กันเป็นจำนวนมาก และก็จะมีอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่มีการศึกษามีการปฏิบัติ ก็จะมีการบรรลุธรรม
นี่คือเรื่องที่เราทั้งหลายควรที่จะมาน้อมรำลึกถึงกัน เพื่อที่เราจะได้มีความสำนึกในพระคุณอันประเสริฐของพระพุทธเจ้า แล้วบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้าด้วยการปฏิบัติบูชา พระพุทธเจ้าไม่ทรงปรารถนาที่จะได้อะไรจากพวกเรา ความสุขต่างๆ และไม่ว่าจะเป็นทางโลกหรือทางธรรมนี้ พระพุทธเจ้าทรงมีเต็มเปี่ยมในพระทัยอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงปรารถนาก็คืออยากให้พวกเราได้หลุดพ้น จากกองทุกข์แห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนดังที่พระองค์ได้ทรงหลุดพ้น เพราะไม่มีอะไรที่จะสุขเท่ากับการได้เท่ากับการหลุดพ้นจากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย
เพราะตราบใดที่ยังมีการเกิดอยู่ ตราบนั้นก็ยังมีการแก่ มีการเจ็บ มีการตาย มีการพลัดพรากจากกันอยู่ก็จะมีความทุกข์ เพราะไม่มีใครอยากจะแก่กัน ไม่มีใครอยากจะเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่มีใครอยากจะตาย ไม่มีใครอยากจะพลัดพรากจากกัน
แต่เมื่อมาเกิดแล้วมันจะต้องเป็นอย่างนั้นเสมอ ถ้าไม่อยากจะต้องมาพบกับความแก่ ความเจ็บ ความตาย การพลัดพรากจากกันก็ต้องปฏิบัติธรรม ตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติ ถ้าได้ปฏิบัติแล้วก็จะสามารถกำจัดเหตุที่ทำให้สัตว์โลกอย่างพวกเรานี้ ต้องกลับมาเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก
นั่นคือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงปรารถนา ในการที่พระองค์ได้สละเวลาตลอดระยะเวลา ๔๕ ปีด้วยกัน หลังจากที่ได้ทรงตรัสรู้แล้วพระองค์ไม่ได้ทำอะไรเพื่อพระองค์เองเลย ทรงทำเพื่อสัตว์โลก พุทธกิจที่พระพุทธเจ้าได้ทรงปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน ก็มีอยู่ ๕ ข้อด้วยกัน เป็นกิจที่ทำเพื่อผู้อื่นทั้งนั้น
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๘
#พระจุลนายก พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
ณ จุลศาลา เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน
โฆษณา