นโยบายพลังงานนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส ทำให้วิกฤตพลังงานจากการระงับการซื้อก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียของสหภาพยุโรป แทบไม่ส่งผลกระทบต่อวงการพลังงานของฝรั่งเศส
ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นประเทศที่มีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์สูงที่สุดในโลก โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 61,370 เมกะวัตต์ และ การใช้พลังงานในฝรั่งเศส เกือบ 70.6% มาจากพลังงานนิวเคลียร์
ฝรั่งเศสมีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์มากถึง 56 เครื่อง ,ตรงข้ามกับประเทศส่วนใหญ่ รัฐบาลฝรั่งเศสมิได้ดำเนินนโยบายลดอัตราการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ เนื่องจากฝรั่งเศสเล็งเห็นว่า ไม่มีพลังงานอื่นแล้วที่จะสามารถสร้างความมั่นคงให้แก่วงการพลังงานของฝรั่งเศส แม้ว่าจะมีเสียงคัดค้านภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงหลังเหตุการณ์เชอร์โนบิล
โครงการพลังงานนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสเริ่มต้นจาก วิกฤตราคาน้ำมันปี 1973 เมื่อประเทศกลุ่มOAPEC ที่นำโดยซาอุดิอารเบียได้ระงับการส่งออกน้ำมันแก่ประเทศที่ถูกระบุว่าให้สนับสนุนอิสราเอล
ภายใต้การนำของประธานาธิบดีวาเลรี ฌิสการ์ แด็สแต็ง รัฐบาลฝรั่งเศสในสมัยนั้นได้ประกาศให้พลังงานนิวเคลียร์เป็นพลังงานหลักแห่งชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นที่ฝรั่งเศสเพิ่มอัตราการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์จนในปัจจุบัน อยู่ในระดับ 70.6%ของการใช้พลังงานของทั้งประเทศ
และแม้ในยุคต่อๆมา รัฐบาลต่างๆของฝรั่งเศสก็มิได้ละทิ้งและเมินเฉยต่อการพัฒนาวิศวกรรมและการพัฒนารวมถึงขยายขอบเขตของพลังงานนิวเคลียร์ในประเทศตนเอง ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศชั้นนำด้านพลังงานนิวเคลียร์ ซึ่งทำให้ในปัจจุบันฝรั่งเศสไม่ได้พึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิลอีกต่อไป
จากผลของการไม่ได้พึ่งพาพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิล สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคืออัตรามลพิษในฝรั่งเศสต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งๆที่มีระดับอุตสาหกรรมใกล้เคียงกับประเทศสหราชอาณาจักร เยอรมนีและอิตาลี
ฝรั่งเศสเป็นประเทศในยุโรปตะวันตกที่มีคุณภาพอากาศดีที่สุด และ ยังสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งฝรั่งเศสเป็นประเทศอุตสาหกรรมต้นๆของโลกที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ต่ำที่สุดในวงการการผลิตพลังงาน
ฝรั่งเศสได้ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านพลังงานนิวเคลียร์ และ การนำพลังงานทางเลือกมาใช้ในการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
นักสิ่งแวดล้อมชาวฝรั่งเศส บรูโน คอมบี ระบุในปี 2005 ว่า"หากได้รับการจัดการอย่างดี พลังงานนิวเคลียร์จะเป็นพลังงานที่สะอาดมากไม่สร้างก๊าซมลพิษในชั้นบรรยากาศ สร้างของเสียน้อยมาก และไม่ก่อให้เกิด ปรากฏการณ์เรือนกระจก" กลุ่มVoix du Nucléaire ได้กลายเป็นขบวนการของนักสิ่งแวดล้อมชาวฝรั่งเศสที่สนับสนุนพลังงานนิวเคลียร์ให้เป็นพลังงานหลักของประเทศต่อไป
ฝรั่งเศสโฆษนาตัวเองได้อย่างภาคภูมิใจในฐานะผู้บุกเบิกการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในฐานะพลังงานหลัก และ สามารถลดมลพิษได้จริง แต่กระนั้นความสำเร็จเหล่านี้ล้วนมาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่มีประสิทธิภาพ ปราศจากการทุจริตหรือการลดสเปคอุปกรณ์ด้านพลังงานนิวเคลียร์ และนั้นยังรวมถึงการกำจัดขยะนิวเคลียร์อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
และภายในอนาคต ฝรั่งเศสคาดหวังว่าจะเป็นประเทศแรกของโลกให้ได้ที่จะสามารถใช้พลังงานนิวเคลียร์แบบฟิวชั่น ซึ่งจะเป็นพลังงานสะอาดที่ปลอดภัยจากรังสี ซึ่งจะปฏิวัติโฉมหน้าด้านพลังงานของโลก ซึ่งฝรั่งเศสได้ระดมทรัพยากรมากมายเพื่อวิจัยการพัฒนาเตาปฏิกรณ์แบบฟิวชั่นผ่านโครงการITERให้สำเร็จ
ความสำเร็จทั้งหมดที่ถูกกล่าวมา ทำให้วิกฤตพลังงานจากผลของสงครามรัสเซีย-ยูเครน แทบมิได้ปรากฎในฝรั่งเศส ,รัฐบาลและประชาชนฝรั่งเศสแทบมิได้วิตกในเรื่องที่สหภาพยุโรปออกคำสั่งประเทศสมาชิกระงับการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพราะฝรั่งเศสไม่ได้พึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลอีกต่อไป
ตรงกันข้ามมันกลับสร้างโอกาสให้กับวงการพลังงานนิวเคลียร์ในฝรั่งเศสเติบโตต่อไป และ เป็นโมเดลให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านในการดำเนินการฟื้นฟูกิจกรรมด้านพลังงานนิวเคลียร์
พลังงานนิวเคลียร์ได้ถูกระบุในฝรั่งเศสแล้วว่า สามารถเป็นพลังงานทางเลือกสำหรับการแก้ปัญหามลพิษและการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ รวมถึงภาวะโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้าหากสามารถบริหารจัดการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้มีมาตรฐานและความปลอดภัยจากอุบัติเหตุและหายนะทางนิวเคลียร์ที่ประชาชนทั่วโลกหวาดกลัวจากผลกระทบของหายนะเชอร์โนบิลเมื่อปี 1986 และ ฟุกุชิมะเมื่อปี 2011
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
