19 พ.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ขอยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง ]
สัญญาของ เจมส์ มิลเนอร์ กับลิเวอร์พูลจะหมดลงในซัมเมอร์นี้ จนถึงปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันขยายเพิ่มออกไป ทว่าดูแนวโน้มแล้วคงจะยืดอีกปีเป็นอย่างน้อย
แม้จะอายุปาเข้าไป 36 ปี ดูตามวัยแล้วน่าจะนับถอยหลังเรื่องการเกษียณเต็มทนแล้ว คงเล่นอยู่ในลีกระดับท็อปอีกไม่นาน ไม่มีทางที่จะเอาชนะสังขารได้เลย
แต่ในความรู้สึกของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และเดอะ ค็อปแทบทั้งโลก ต่างมองว่านี่คือแข้งทรงคุณค่า ไม่ได้จัดอยู่ในโหมดแก่เกินแกง รอวันย้ายแบบฟรีเอเจ้นท์ ต้องการจะเก็บไว้ในทีมต่อไป
เชื่อกันว่า มิลเนอร์ น่าจะเซย์เยสในสัญญาฉบับใหม่ เพราะเขาเพิ่งเปิดใจไว้เองว่า หากเจ้านายต้องการให้อยู่ต่อ คงเป็นเรื่องโง่มากหากปฏิเสธออกไป
คล็อปป์ เองก็คงรู้สึกเช่นนั้น หากไม่รักษานักเตะคุณสมบัติเช่นนี้ไว้ มันคงไม่ต่างจากมองข้ามเพชรงามล้ำค่าหรอก
ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีก่อน ระหว่างทัพลิเวอร์พูลเก็บตัวอยู่ที่สหรัฐฯช่วงปรีซีซั่น 2019/20 กุนซือเยอรมันบรรยายสรรพคุณของ มิลเนอร์ ไว้อย่างละเอียด จนเราฟังแล้ว มองเห็นภาพตามทันที
ช่วงดังกล่าว มิลเนอร์ อยู่ในวัย 33 ปี มีหลายคนมองว่าเริ่มโรยแล้ว ดังนั้นควรจะปล่อยออกจากทีม เพื่อเปิดโอกาสให้พวกดาวรุ่งได้มีพื้นที่โชว์ผลงานกันบ้าง
แต่คนที่รู้จักนักเตะคนนี้ดีมากสุด จะเป็นใครไม่ได้เลยนอกจาก คล็อปป์ ซึ่งคอยสังเกตแทบจะทุกการเคลื่อนไหว ใส่ใจรายละเอียดมากๆ ก่อนมั่นใจเลยว่าจะค้าแข้งได้อีกนาน
ด้วยความที่ผ่านประสบการณ์คุมทีมมาพอสมควร โดยเฉพาะตอนกุมบังเหียนโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จึงได้ร่วมงานกับผู้เล่นประเภทขยันขันแข็ง ไม่ปริปากบ่น ก้มหน้าก้มตาทำงานตามหน้าที่ เจ้านายสั่งอะไรได้หมด ไม่เคยบิดพริ้วมาบ้างแล้ว
"ผมโชคดีมากได้เจอนักเตะลักษณะนี้ 2-3 คน เซบาสเตียน เคห์ล คือตัวอย่างที่ชัดเจน ดอร์ทมุนด์มีนักเตะที่มีประสบการณ์ในทีมมากกว่านักเตะอายุน้อยและ เซบาสเตียน เป็นผู้นำเวลานั้น"
"เหมือน มิลลี่ นี่แหล่ะ ผมมองเห็นพัฒนาการน่าสนใจของเขาในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มันดีขึ้นจริงๆ"
1
"มิลลี่เป็นนักกีฬา มีทัศนคติอันน่าทึ่ง เป็นนักกีฬายอดเยี่ยมและยังสนุกสนาน ทะลึ่งตึงตังในห้องแต่งตัวด้วย"
1
"ในทีมเรามีผู้นำไม่น้อยเลย แน่นอนว่า เฮนโด้ คือกัปตัน มิลลี่ จินี่ (จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุท) , เวิร์จ (เฟอร์กิล ฟาน ไดค์) ล้วนใช่เลย พวกเขาเป็นผู้นำที่แตกต่างกันไป รู้จักบทบาทของตน"
1
"สำหรับ มิลลี่ ทำให้ผมคิดบ่อยๆว่า เขาเพิ่งอายุ 20 ต้นๆ มันไม่มีอะไรน่าสงสัยอีกแล้ว"
ฟังจากประโยคที่ คล็อปป์ เล่าเอาไว้ ช่วยฉายภาพต่างๆของ มิลเนอร์ หรือที่คนใกล้ตัวเรียกว่า "มิลลี่" ชัดกว่าเดิมซะอีก
1
นอกจากมีคุณสมบัติความเป็นผู้นำ คอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีม ปกป้องสโมสร ปลุกใจด้วยคำพูดต่างๆแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างบรรยากาศในห้องแต่งตัวไม่ให้ตึงเครียดจนเกินไป
การพูดเล่นหยอกล้อกันแบบทะลึ่งตึงตัง คือส่วนสำคัญช่วยปลดเปลื้องความตึงเครียดเช่นกัน มันผ่อนคลายได้เยอะ โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เริ่มเขม็งเกลียว
ส่วนเรื่องในสนาม มิลเนอร์ ไม่เคยเกี่ยงงอนเลยสักนิด หากต้องนั่งสำรอง ไม่เคยออกมาร้องแรกแหกกระเชอ แม้ตัวเองจะเป็นรองกัปตันทีม พร้อมสนับสนุนได้ทุกรูปแบบ
ว่ากันตามตรง เขาไม่ใช่แข้งประเภทเชิงดี มีความคลาสสิก เล่นบอลสวยงามชวนมองเลย ตรงกันข้ามดูแข็งท่อด้วยซ้ำ
ทว่าในแง่ของประสิทธิภาพแล้ว ตอบโจทย์สำหรับกุนซือแทบทุกคน ซึ่งเคยร่วมงานด้วยกันมา
เพราะรู้ว่าหากเล่นได้ดีทั้ง 2 เท้า จะทำให้ได้เปรียบมากขึ้น มิลเนอร์ เลยฝึกการเล่นด้วยเท้าซ้ายข้างไม่ถนัดควบคู่กันไป อย่างน้อยชดเชยเรื่องของพรสวรรค์ ที่ต้องใช้พรแสวงมาต่อสู้
1
สมัยโตมากับลีดส์ ยูไนเต็ด สร้างความประทับใจตั้งแต่อายุน้อยๆ เขาเริ่มจากการเป็นปีกก่อน เป็นตัวริมเส้นยุคแรกที่ยืนชิดขอบสนาม ใช้ความเร็วกระชากแล้วจบด้วยการครอส
ด้วยคุณสมบัติแข็งแกร่งและรวดเร็วจึงช่วยได้มาก กระทั่งลีดส์ตกชั้นสู่เดอะ แชมเปี้ยนชิพในปี 2004 เขาจึงโดนขายให้นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แม้ไม่เต็มใจนักก็เถอะ แต่เพื่อพยุงการเงินของทีมรักให้สามารถก้าวต่อได้
อย่างไรก็ตามเมื่อแท็คติกหรือรูปแบบฟุตบอลเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มิลเนอร์ ไม่ใช่ประเภทสกิลเหนือชั้น ทักษะเชิงสูง ลำพังความเร็วกับอึด ไม่น่าจะเหมาะสำหรับปีกเท่าไรแล้ว
ประกอบกับตอนเล่นตัวรุก บ่อยหนที่เราได้เห็นความมีวินัย ลงมาช่วยเกมรับบ่อยๆ วิ่งขึ้นลงเป็นม้าศึกคึกคะนอง ฉะนั้นไม่น่าแปลกที่เลยถูกจับมาทดลองยืนแบ็ก ซึ่งก็ทำได้ตามมาตรฐาน
พอย้ายมาแมนฯซิตี้ในปี 2010 มานูเอล เปเยกรินี่ น่าจะเป็นเจ้านายคนแรกๆ ที่จับลงตรงกลาง เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์เลย เพราะมองเห็นความพิเศษบางอย่าง
1
ด้วยความที่พลังเหลือล้น บวกด้วยวินัยเคร่งครัด หน้าที่ตัดเกมหรือวิ่งไล่บีบพื้นที่ จึงมักเป็นของเขาไปเลย อีกทั้งแข้งซิตี้เป็นพวกสายเทคนิคส่วนใหญ่ การเล่นด้วยวิธีนี้จึงเหมาะสำหรับ มิลเนอร์ มากที่สุด
"เขาไม่ใช่พวกเทคดีจ๋าเลยนะ แต่ทำไมเขาถึงพิเศษนะหรือ? เพราะผมสั่งไปเล่นตรงไหน เขาไม่เคยอิดออดเลย ต่อให้ชอบหรือไม่ก็ตาม"
เปเยกรินี่ เคยอธิบายไว้เช่นนี้ นี่แหล่ะที่ทำให้ผู้จัดการทีมทั้งหลาย ต่างชื่นชอบทั้งสิ้น มันหาได้ยากมากๆ เพราะว่าไปแล้วดีกรีของ มิลเนอร์ ไม่ธรรมดา แต่กลับปราศจากอีโก้
1
เปเยกรินี่ ยังรู้ด้วยว่า มิลเนอร์ ไม่ได้อยากเล่นแบ็กนักหรอก แต่เคร่งครัดเสมอ แทบไม่ก่อความผิดพลาดเลย
นักเตะที่เล่นได้ครอบคลุมหมด ไม่ว่าจะปีก มิดฟิลด์ตัวกลาง ฟูลแบ็ก บางครั้ง เปเยกรินี่ ยังเปิดเผยว่าดันไปเล่นเป็นกองหน้า พร้อมรักษามาตรฐานไว้ได้อย่างน่าประทับใจ ไหนจะใช้งาน 2 เท้าได้อย่างดี จะหาได้ง่ายในยุคนี้จริงหรือ
ซัมเมอร์ 2015 ลิเวอร์พูลได้ มิลเนอร์ มาแบบฟรีเอเจ้นท์ เพราะทางซิตี้ไม่ขยายสัญญา มองว่าอายุเริ่มมากและค่าจ้างก็แพงเกินจำเป็น
แล้ว มิลเนอร์ พิสูจน์ให้เห็นว่า ยังมีพลังและแพสชั่นเต็มเปี่ยม ไม่ได้ลดน้อยถอยลงจากเดิมเลยสักนิด ยังดูเหมือนว่าพีกกว่าตอนเล่นให้เรือใบสีฟ้าด้วยซ้ำ
ยิ่งมองว่าลิเวอร์พูลไม่ต้องเสียค่าตัวเลยสักเพนนีเดียว นั่นขับให้ภาพแห่งความคุ้มค่าฉายเด่นยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีก
วัดจากเกมล่าสุดที่เฆี่ยนเซาธ์แฮมป์ตัน ซึ่งเขาเป็นเหมือนผู้นำในแดนกลาง เป็นแรงขับเคลื่อนอันทรงพลัง แทบไม่เห็นร่องรอยเลยว่า เขาจะต้องแขวนสตั๊ดในเร็ววัน
1
ในความสำเร็จของลิเวอร์พูล มีนักเตะหลายคนยืนอยู่แถวหน้า ได้รับการยกย่องชื่นชมมากมาย
1
แต่สำหรับ มิลเนอร์ ไม่แคร์เลยว่าจะต้องยืนอยู่ข้างหลัง แถมยังพร้อมฉีกยิ้มด้วยความภาคภูมิใจด้วย
1
ไม่ผิดนักหรอกหากจะบอกว่านี่คือดีลที่โคตรคุ้มมากๆของลิเวอร์พูล
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา