19 พ.ค. 2022 เวลา 00:42 • หุ้น & เศรษฐกิจ
⚠️ Tiida_Daily: ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงหนักสุดในรอบเกือบ 2 ปี หลังผลประกอบการหุ้นในกลุ่มการบริโภคส่งสัญญาณ recession 🔥
1️⃣ Kim Jong Un อาจกำลังเตรียมที่จะยิงตัวขีปนาวุธข้ามทวีปหรือทำการทดสอบนิวเคลียร์ในช่วงที่ตรงกับการเดินทางของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ไปยังเกาหลีใต้ แม้ว่าผู้นำเกาหลีเหนือกำลังต่อสู้กับการระบาดของ Covid-19 ซึ่งเป็น 1 ในวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดภายใต้การปกครองของเขา
ทั้งนี้ไบเดนจะเริ่มเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้และญี่ปุ่นในวันศุกร์นี้เพื่อประสานงานกับพันธมิตรของสหรัฐฯ ในเรื่องภัยคุกคามด้านความปลอดภัย ในขณะเดียวกันก็แสวงหาการมีส่วนร่วมในกลุ่มเศรษฐกิจใหม่เพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานและลดการพึ่งพาจีน
2️⃣ ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงใน 1 วันมากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจากนักลงทุนรับข่าวว่าราคาสินค้าที่สูงขึ้นได้มีผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน และแนวโน้มที่นโยบายการเงินจะเข้มงวดขึ้นจะมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ดัชนีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าส่งสัญญาณการปรับตัวลงในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และฮ่องกง หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯถูกเทขายอย่างหนัก โดยดัชนี S&P500 ปรับตัวลง 4% มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2020 โดยหุ้นในกลุ่มการบริโภคปรับตัวลดลงมากกว่า 6%
1
ขณะที่ราคาพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้นทั้งกระดาน และทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 และ 30 ปีปรับตัวลงมากกว่า 10 จุด
3️⃣ ผู้บริโภคในสหรัฐฯเปลี่ยนการใช้เงินจากสินค้าไปเป็นบริการ เช่น การท่องเที่ยว ซึ่งเป็นแนวโน้มที่น่ากังวลสำหรับผู้ค้าปลีกที่ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายในวงกว้างในช่วงของการระบาด แต่เป็นสัญญาณที่สดใสสำหรับห่วงโซ่อุปทานและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง
นับเป็นเวลาหลายเดือนที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าความต้องการสินค้าจะลดลงเนื่องจากความกลัวของโควิดลดลง และประชาชนก็หันไปใช้จ่ายไปกับประสบการณ์ต่างๆ เช่น การไปเที่ยวพักผ่อนและความบันเทิง โดยความคาดหวังคือ เมื่อการใช้จ่ายสินค้าลดลง แรงกดดันต่อห่วงโซ่อุปทานก็จะลดลงตามไปด้วย และช่วยทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลง
ในที่สุดเหตุการณ์ดังกล่าวก็เริ่มเกิดขึ้นแล้ว และมีผลกระทบอย่างมากต่อตลาดหุ้นที่เคยชินกับรายได้ที่มั่นคงและอัตรากำไรของหุ้นในกลุ่มผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง โดยดัชนี S&P500 ร่วงลงมากกว่า 3% ในวันพุธ โดยหุ้นในกลุ่ม consumer discretionary กำลังร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี
1
โดยการประกาศผลประกอบการในสัปดาห์นี้จากบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง Walmart Inc. และ Target Corp. แสดงให้เห็นการชะลอตัวของการใช้จ่ายสำหรับสินค้าทั่วไปที่เคยทำกำไรให้กับบริษัทในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่ ไบรอัน คอร์เนลล์ CEO ของ Target กล่าวว่า ผู้บริโภคกำลังลดการใช้จ่ายสินค้าที่มีราคาสูง เช่น โทรทัศน์ และเปลี่ยนไปซื้อ Gift Card ร้านอาหาร หรือกระเป๋าเดินทางมากขึ้น โดยทั้งทาง Walmart และ Target ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรในปีนี้ลง ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงทั้ง 2 บริษัท
อย่างไรก็ตามในมุมมองของเฟด การชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อของภาคสินค้าถือเรื่องที่ดี เนื่องจากเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อแบบปีต่อปีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ทศวรรษ 1980
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อสำหรับภาคบริการที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ส่วนใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้นในอัตราเท่าๆเดิมจากปีก่อนหน้า โดยความต้องการสินค้าที่ลดลงจะช่วยบรรเทาแรงกดดันต่อต้นทุนการขนส่งและตลาดแรงงาน ซึ่งถือเป็นเรื่องดีต่อภาวะเงินเฟ้อในปัจจุบัน แต่คำถามสำคัญคือ อัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลงเร็วมากพอสำหรับเฟดสำหรับการเปลี่ยนท่าทีหรือเปล่า
Source: Bloomberg
💶 เตรียมรับมืออัตราเงินเฟ้อยุโรป | Weekly Market Wrap Up By BeautyInvestor
✅ ทั้งนี้ อย่าลืมติดตามนิคกี้เพิ่มเติมได้ทาง
#เศรษฐกิจ #การเงิน #ลงทุน #กองทุน #มือใหม่ #ข่าวเศรษฐกิจทั่วโลก #ข่าวทั่วโลก #ARK #GINNO #TMBESGINNO #กลต #ECB #Commodities #WeeklyNews #หุ้น #กองทุนรวม #ดอกเบี้ย #นักลงทุน #จีน #GDP #พาวเวลล์ #สหรัฐฯ #Terra #UST #รัสเซีย #เงินเฟ้อ #หุ้นจีน #ยุโรป #เวียดนาม #Bitcoin #คริปโต #Bloomberg #Crypto #FED #เฟด
โฆษณา