20 พ.ค. 2022 เวลา 03:10 • ครอบครัว & เด็ก
ท้ายที่สุดแล้วคนเราจำเป็นต้องกลับไปอยู่บ้านเกิดไหม ? (ปัจจุบันอยู่กับภรรยาแค่2คน ไม่มีเพื่อน ไม่มีญาติ ไม่มีใครเลย)​
คำถามนี้ถูกลบ
ไม่ขอตอบคำถามนี้นะครับ แต่อยากจะเล่าเรื่องของตัวเองให้ฟัง บางทีมันอาจจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจได้
ผมออกจากเมืองหลวงมาอยู่บ้านนอกสิบปีแล้ว เป็นสิบปีที่ผมไม่ได้ปลูกพืชผักอะไรแม้แต่ต้นเดียว แต่ผมเก็บกินทุกอย่างที่กินได้ บางอย่างมันก็งอกขึ้นเองอยู่ในบริเวณบ้าน บางอย่างมันงอกอยู่ตามริมทางหรือในคูคลองสาธารณะ บางอย่างก็อยู่ในท้องทุ่งที่หลงเหลือมาจากการถากถางทำลายของเกษตกรเพราะมองว่ามันเป็นวัชพืช
1
ผมเก็บอะไรกินไปบ้าง? ก็มี มะพร้าว มะม่วง มะยม มะขาม ฝรั่ง ชมพู่ กล้วย อ้อย มะละกอ ลูกจาก กระท้อน มะกรูด มะนาว พริก ขิง ข่า ตะไคร้ มะเขือ ผักบุ้ง ผักกระเฉด ยอดปรง ปลีกล้วย มะแว้ง ตำลึง รกช้าง บัวบก พาโหม กระถิน สายบัว และอื่น ๆ เยอะไปหมด
2
เหล่านี้แม้ของบางอย่างชาวบ้านจะคิดว่ามันไม่มีตามธรรมชาติแล้ว เนื่องจากเขาถากถางไปแล้ว แต่ที่มันหลงหูหลงตาหลงเหลืออยู่บ้างมันก็ยังมีมากในปริมาณที่ผมกินคนเดียวไม่หมด สิ่งเหล่านี้รวมกันถ้าผมเพียงแต่จะขยันสักน้อยนิด ลงทุนเก็บให้มากขึ้นกว่าที่จะกินแล้วเอาไปขายในตลาดบ้าง ผมว่าในแต่ละเดือนน่าจะมีรายได้เพียงพอที่จะจ่ายค่าปลา ค่าเนื้อ ค่าข้าวสาร ค่าน้ำ ค่าไฟ ที่ยังคงต้องซื้อต้องจ่ายอยู่บ้างทีเดียว
1
ผมไม่ได้หาปลากินเพราะผมไม่ฆ่าสัตว์ แต่ในคู คลอง หนอง บึง ก็ยังมี กุ้ง หอย ปู ปลา ถึงจะไม่มากเหมือนแต่ก่อน แต่ก็ยังเห็นคนอื่นเขาหากันได้ ถึงไม่พอขายก็พอกิน
ในสิบปีที่ผมกลับมาอยู่บ้านนอก แม้ว่าผมเป็นคนขี้เกียจอย่างยิ่ง แต่ผมก็ยังเห็นหลักประกันอันหนึ่งที่มั่นคงเป็นอย่างมาก นั่นคือหลักประกันเรื่องอาหาร มันมีมากพอที่จะเก็บกินหรือแม้แต่จะเก็บขายบ้างโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงเพาะปลูกแต่อย่างใด
คำว่าบ้านนอกขาดแคลนและยากจนเป็นเรื่องเหลวไหลที่หลงเชื่อสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่นโดยไม่คิดทบทวนให้ถูกต้องและไม่มีใครพิสูจน์อย่างจริงจังเลย คำว่า "อดตาย" ยิ่งเป็นคำพูดที่เพ้อเจ้อไร้เหตุผลสิ้นดี ขอเพียงสามารถอยู่บ้านนอก ต่อให้ขี้เกียจขนาดไหน (อย่างผมเป็นต้น) ก็ไม่มีทางอดตายเป็นอันขาด
โฆษณา