20 พ.ค. 2022 เวลา 23:00
ฌาน เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (เท่านั้น)
เพื่อความถ้วนรอบในฌาน ลำดับต่อไปนี้อาตมาจะแสดงธรรมในหัวข้อธรรมว่า ฌาน เป็น อนุสาสนีปาฏิหาริย์ เท่านั้น โดยได้อาศัยเอา เกวัฏฏสูตร ข้อ338 เป็นต้นไป พระไตรปิฎกฉบับหลวงเล่มที่9 เป็นที่ตั้ง เพื่อแสดงธรรมนี้ ขอพวกเราได้รับฟังไปตามลำดับเถิด
ในเรื่องของฌานเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์เท่านั้นนี้ สืบเนื่องจากในเบื้องต้นโน้น ปวงญาติได้ตั้งคำถามกับอาตมาเอาไว้ว่า ฌานคืออะไรหลวงพ่อ1 ทำไมจึงจะต้องกระทำฌานหลวงพ่อ1 กระทำฌานแล้วเกิดผลอย่างไรหลวงพ่อ1 ใครคือผู้ต้องกระทำฌานหลวงพ่อ1
นี่คือคำถาม 4 คำถามเบื้องต้น ที่อาตมาต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร เพื่อแสดงธรรรมของพระศาสดาให้เป็นไปตามลำดับ เพื่อให้พวกเราได้เห็นจริง ได้แทางตลอดตาม จึงต้องใช้เวลาในการแสดงธรรมมาเป็นลำดับ
โดยเฉพาะในเรื่องของฌานนี้ เป็นข้อธรรมสำหรับปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ในโพธิปักขิยธรรม อันเป็นธรรมฝ่ายดับทุกข์ จะต้องกระทำฌานเป็น จะต้องกระทำฌานได้ จึงจะสามารถประพฤติปฏิบัตินำพาตนตามธรรมนี้ออกจากวัฏสงสารได้ ถ้ากระทำฌานไม่ได้ ออกจากทุกข์ไม่ได้
ดังนั้นภาวะ หรือภาระ ความรับผิดชอบสำหรับอาตมาผู้เป็นผู้ถือบวช เป็นผู้แสดงธรรมของพระศาสดาอยู่นี้ จึงต้องรับผิดชอบอย่างยิ่ง
ในเบื้องต้นต้องรับผิดชอบต่อตนเองก่อน ในการแสดงธรรมทุกข้อทุกคำนั้น ในเบื้องต้นอาตมาต้องแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองก่อน ถ้าอาตมาแสดงธรรมผิด หรือเป็นมิจฉาทิฏฐิ หรือกล่าวตู่พระธรรมคำสอนในองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ผลเกิดกับอาตมาคือ
มิจฉาทิฏฐิสส โข อหัง โลหิจจ
ทฺวินนัง คตีนัง อัญญตรัง คติง วทามิ
นิรยัง วา ติรัจฉานโยนิฝฃง วา
ดูกรโลหิจจะ ผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ เรากล่าวว่ามีคติเป็น 2 คือ นรก หรือกำเนิดเดียรัจฉาน
อย่างใดอย่างหนึ่ง
ถ้าอาตมาเห็นผิดกล่าวผิดแสดงธรรมผิด เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีคติไป คือ นรก กับ เดรัจฉาน เท่านั้น ไม่ถึงเปรตเลย เบื้องต้นอาตมาต้องรับผิดชอบต่อตนเองก่อน จึงได้กระทำแสดงธรรมของพระศาสดาด้วยความประณีตมาตามลำดับ
ในประการที่สำคัญนั้น อาตมาต้องรับผิดชอบต่อองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า1 พระธรรมคำสอนของพระองค์ท่าน1 อรหันตสาวก หรือภิกษุสงฆ์ในพระองค์ท่าน1 หมู่มวลมนุษยชาติ เบื้องต้นหนิปวงญาติของอาตมา1 ทุกคนทุกส่วนสำคัญทั้งนั้น
ถ้าอาตมาแสดงธรรมผิดเหมือนพระศาสดาประกาศผิด เหมือนธรรมของพระศาสดาผิด เหมือนอรหันต์ก็ปฏิบัติผิด หมู่มวลชาวพุทธก็เลยปฏิบัติผิด ไม่ได้ ความรับผิดชอบเบื้องต้นอยู่ที่อาตมา โดยเฉพาะถ้าอาตมาพาญาติของอาตมา ไปนรก ไปเดรัจฉานอยู่ ความรับผิดชอบคืออะไร ต้องดูที่ตรงนี้
ดังนั้นเพื่อให้พวกเราได้เห็นความสำคัญของพระธรรมคำสอนที่ว่า พระธรรมคำสอนนี้เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ อาตมาจึงลำดับๆในธรรมนี้ ค่อนข้างจะยาว ค่อนข้างจะประณีต แต่ยังไม่พอ แต่อาตมาจะสรุปตรงนี้ ในเรื่องของฌานให้กับพวกเราได้รับฟังก่อนว่า ฌานนั้นเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์
ไม่ใช่อิทธิปาฏิหาริย์ ไม่ใช่อาเทสนาปาฏิหาริย์ใดๆ อาตมาจะยกคำตรัสขององค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากเกวัฏฏสูตร ให้กับพวกเราได้รับฟังโดยทำมาอาตให้พวกเราได้รับฟังเลย
ข้อ341 อิธ เกวัฏฏ ภิกขุ เอวมนุสาสติ
เอวัง วิตักเกถ มา เอวัง วิตักกยิตถ
เอวัง มนสิกโรถ มา เอวัง มนสิกโรถ
อิทัง ปชหถ อิทัง อุปสัมปัชช วิหรถาติ
ดูกรเกวัฏฏะ ก็อนุสาสนีปาฏิหาริย์เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพร่ำสอนอย่างนี้ว่า
ท่านจงตรึกอย่างนี้ อย่าได้ตรึกอย่างนั้น
ท่านจงทำในใจอย่างนี้ อย่าได้ทำในใจอย่างนั้น
ท่านจงละสิ่งนั้น จงเข้าถึงสิ่งนี้แล้วอยู่เถิด นี่เรียกว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์
คำสอนของพระศาสดานั้นเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ จะต้องประกอบด้วยองค์ประชุม3 คือ
1 ศาสดา หรือผู้รู้ผู้แสดงธรรม
2 พระธรรมคำสอน
3 ผู้ฟัง นี่คือองค์ประชุมแห่งอนุสาสนีปาฏิหาริย์
ดังนั้นที่อาตมาลำดับมา ในการแสดงธรรมในองค์พระสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กับพวกเราได้รับฟังนั้น ไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์ ไม่มี โดยเฉพาะในข้อที่1 อาตมาชี้ให้ดูว่า ในพุทธศาสนาไม่มีการนั่งสมาธิ การนั่งสมาธิเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ ทำแล้วไม่เกิดผลใดๆ ไม่เลย
อิทธิปาฏิหาริย์อย่างไร? เราดูอย่างนี้ อากัปกริยาของคน มีเดิน ยืน นั่ง นอน และเรามีตา หู จมูก ลิ้น กาย จิต ต้องดำเนินชีวิตอยู่ตลอดเวลา
แต่คนที่นั่งสมาธิกนะ เลือกเวลาเลือกสถานที่ แล้วไปนั่งตั้งกายตรงดำรงสติมั่นไว้เฉพาะหน้า หลับตา ไม่ฟังอะไร ไม่ดมกลิ่นอะไร ไม่กินอะไร ไม่สัมผัสใดๆ ไม่รับรู้ธรรมารมณ์ใดๆ เฝ้าดูลมหายใจผิดตาลง จนถึงที่สุดแห่งกำลังของตนก็เลิกกันไป โดยหวังว่าตนเองจะบรรลุธรรม ผิดตั้งแต่เบื้องต้นแล้ว พระศาสดาไม่เคยประกาศ นี่เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ ไม่ใช่
ลำดับต่อมาก็เดินจงกรม ที่เห็นอยู่ประจำ นั่นก็เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ เพียงเดินอย่างเดียวจะบรรลุธรรม จะหลุดพ้นหนิไม่ใช่ อากัปกิริยาทั้งหมด มีเดิน ยืน นั่ง นอน มีตา หู จมูก ลิ้่น กาย จิต ต้องรับผิดชอบอยู่ นี่คือภาวะที่เราเห็นอยู่ เป็นอิทธิปาฏิหาริย์
หรือไม่งั้นก็ธุดงค์ เราเห็นแล้วนะ ที่เราเห็นหนะธุดงค์ อีกส่วนหนึ่งไปเดินธุดงค์กันว่างั้น เรื่องนี้อาตมายังไม่พูดแต่อาตมาจะเอาพระสูตรมาว่าให้ฟังเลย ธุดงค์ไม่มี พระศาสดาห้าม
การสวดมนต์ เป็นอิทธิปาฏิหาริย์เช่นเดียวกัน เราบอกว่าเราอยากรวยๆๆ จะรวยได้ไหม ถ้าไม่ทำ ต้องทำตามธรรมจึงจะรวยได้ ปิดห้อง ปิดหับ หลับหู หลับตาอยู่จะให้รวย ไม่ได้ นั่นเป็นอิทธิปาฏิหาริย์
ประพฤติปฏิบัติธรรม 3วัน 5วัน 7วันใดๆเป็นอิทธิปาฏิหาริย์ ทั้งสิ้น ไม่ใช่ธรรมของพระศาสดา ธรรมของพระศาสดาจะต้องเกิดจาก มีศาสดา มีพระธรรม มีผู้ฟัง เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์เท่านั้น
ดังที่อาตมาแสดงมาโดยลำดับนั้น
ต้องโสตานุคตานัง ภิกขเว ธัมมานัง ฟังธรรมนี้เนืองๆ
วจสา ปริจิตานัง จำธรรมนี้จนติดปาก
มนสานุเปกขิตานัง จำธรรมนี้จนขึ้นใจ
ทิฏฐิยา สุปปฏิวิทธานัง แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิในธรรมที่ถูกต้องด้วย
ไม่ใช่ฟังสักแต่ว่าฟัง ต้องฟังธรรมที่ถูกต้อง ต้องฟังในศรัทธาที่ถูกต้อง หรือศาสดาที่รู้จริงที่แทงตลอดเท่านั้น ความรับผิดชอบของอาตมาจึงเกิดที่จะประมาณ อาตมาต้องทำหน้าที่ทั้งหมดที่อาตมว่า เพื่อตนเอง1 ต่อพระศาสดา ต่อพระธรรม ต่ออรหันตสาวก หรือภิกษุของพระองค์ท่าน
ต่อหมู่มวลมนุษยชาติ ที่ยังต้องเวียนเกิด เวียนตายอยู่ เราจะพาเขาเหล่านี้ หรือหมู่มวลมนุษยชาติ ออกจากวัฏสงสารหนิ เรายิ่งต้องกระทำหน้าที่ของเราเป็นที่ยิ่ง
ทั้งหมดทั้งมวลที่อาตมาแสดงมานั้น ในการกระทำฌานนั้น ให้พวกเราได้ฟัง ฟังธรรมนี้ให้เนืองๆ ให้จำติดปาก ให้จำขึ้นใจ ให้แทงตลอดด้วยดีด้วยทิฏฐิ จริงอาตมาแสดงโดยภาพใหญ่ๆก่อน แต่ถ้าภาพเป็นรายละเอียด ทั้งที่เป็นวิตถาร คือละเอียด และประณีต เราจะซ้ำกันอีก เราจะทำกันอีก ทั้งประณีต ทั้งละเอียด และก็ส่วนที่เป็น สังขิตเตนะ ย่อๆ มีย่อด้วย ทุกคนจะต้องรู้ในธรรมของพระศาสดานี้ ทุกคนที่ตามอาตมามาหนิ ต้องรู้ดังนี้
อาตมาเชื่อมั่นว่าในโลกนี้ หลังจากพุทธกาลมานี้ หลังพุทธกาลมานี้ อรหันต์รูปสุดท้ายหนะ ท่านพระอานนท์แน่ หลังจากนั้นโดยการศึกษาพระธรรมคำสอนในพระไตรปิฎกนั้น อาตมาเชื่อมั่นว่า อาตมาได้ตรวจสอบแล้ว ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดนอกจากบุคคลที่อาตมาได้รู้ได้เห็นนี้ สามารถตามธรรมในพระไตรปิฎกได้เลย ไม่ได้ข่มขู่ ไม่ได้หักล้าง อาตมาต้องฟังด้วย ต้องอ่านด้วย
แต่การอ่านพระไตรปิฎกนั้นจะศึกษาไม่ได้ จะต้องเป็นผู้รู้ตามธรรมว่า นี่พระศาสดาแสดงธรรมแล้วอย่างนี้ อรหันตสาวกนำมาแสดงอย่างนี้ เราฟังแล้วรู้ตามทันที ผู้นั้นจึงจะเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยในชาติปางก่อน จึงจะแสดงธรรมในพระศาสดาได้ ไม่ผิดเพี้ยน อาตมายืนยันกับพวกเราดังนี้
ดังนั้นในวันนี้ อาตมาจะมาสรุปจบในเรื่องของฌานในตอนนี้ ให้กับพวกเราได้รับฟังได้รับฟังก่อนว่า ฌานนั้นเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์เท่านั้น เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ไม่ใช่อิทธิปาฏิหาริย์ ไม่ใช่อาเทศนาปาฏิหาริย์
แต่เมื่อกระทำฌานตามอนุสาสนีปาฏิหาริย์แล้ว ทุกคนในญาติของอาตมา หรือหมู่มวลชาวพุทธที่ฟังอาตมาอยู่นี้ จะสามารถได้อิทธิปาฏิหาริย์ อาเทสนาปาฏิหาริย์ อย่างบริบูรณ์เลย บริบูรณ์ทุกคน
คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้หายก็ได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ ทะลุฝา ทะลุกำแพง ทะลุภูเขา เหมือนในที่ว่างได้ ผุดขึ้นดำลงในแผ่นดินเหมือนดำน้ำได้ เดินไปบนพื้นน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนดินก็ได้ เหาะไปในอากาศเหมือนนกได้
ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์ที่มีอนุภาพมาก ที่ร้อนแรงมากด้วย 2 ฝามือก็ได้ สามารถกระทำกายนี้เป็นดังยานไปถึงพรหมโลกก็ได้ นี่เป็นอิทธิปาฏิหาริย์ที่ทุกคนจะได้ หลังจากที่ทำอนุสาสนีปาฏิหาริย์
ตั้งใจให้ดี ใครอยากทุละฝา ทะลุกำแพง ทะลุฝา ทะลุภูเขา อาตมาจะพาทำให้ดู
อาเทสนาปาฏิหาริย์เราจะรู้สภาวะแห่งจิตทุกขั้นตอนของคนอื่นด้วย ของเราด้วย 16 ขั้นตอนจนถึงวิมุตติอวิมุตตินั่นถึงได้เลย ทุกคน
นี่คืออนุสาสนีปาฏิหาริย์บริบูรณ์แล้วจะได้ อิทธิปาฏิหาริย์และอาเทศนาปาฏิหาริย์ อย่างบริบูรณ์ ขอให้พวกเราได้กระทำหน้าที่ของตน ตามที่พวกเราได้ตั้งสัจจะเอาไว้ว่า แม้เนื้อและเลือดในร่างกายนี้จะเหือดแห้งไปก็ตาม เหลือเพียงหนังและเอ็นหรือกระดูกก็ตามที ถ้าเราไม่บรรลุอิทธิผล หรือธรรมที่เราปรารถนาแล้ว
ให้สมกับว่า ธรรมนี้สามารถกระทำได้ด้วยเรี่ยวแรงของบุรุษ ด้วยความบากบั่นของบุรุษ ด้วยความอุตสาหะของบุรุษแล้ว ถึงได้ ถ้าเราไม่ถึงเราจะล้มเลิก ไม่มีซะหละ
ขอให้พวกเราได้ตั้งใจตรงนั้น ภาวะรับผิดชอบอาตมาจะทำหน้าที่ส่วนของอาตมาให้เป็นไปตามธรรมของพระศาสดาประกาศเอาไว้ว่า ท่านตรัสกับท่านวัปปะว่า ถ้าท่านจะยินยอมในข้อที่ควรยินยอม ถ้าท่านจะคัดค้านในข้อที่ควรคัดค้าน ถ้าท่านไม่เข้าใจเนื้อความแห่งภาษิตเราคำใด ให้ท่านสอบถามเรายิ่งๆขึ้น
พวกเราก็เช่นเดียวกัน พวกเราก็เช่นเดียวกัน ถ้าสงสัยอย่าเก็บความสงสัยเอาไว้ จงถามเถอะ เพราะพระศาสดาประกาศเอาไว้ว่า ธรรมนี้เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ ฟังแล้วไม่เข้าใจให้ซักถาม ให้ซักถามทันที เข้าใจแล้วให้ถามย้ำ แล้วท่านถามคืนจะต้องตอบได้ ทุกคน
อาตมามาสรุปจบให้ฟัง เผื่อตอนต่อไปนี้เราจะได้พูดถึงเนื้อความแห่งธรรมอื่นๆ ให้ประณีตยิ่งขึ้น เพราะว่าธรรมนี้ถูกปกปิดมานานพอสมควร และธรรมนี้ถูกกระทำให้แบนไปให้สำคัญว่า นั่นเป็นสิ่งที่กระทำอยู่แล้วถูกต้อง ทำเท่าไรก็ไม่ถึงผล ก็ยังหวังในผลที่ตนเองกระทำผิดนั้นอยู่ ก็มากมาย เราจะได้ช่วยตนเอง ช่วยหมุ่มวลมนุษยชาติของเรา ที่ปรารถนาที่จะรู้ตามธรรมกับเรานี้ด้วย
อาตมามายืนยีนเพียงว่า ธรรมทั้งหมดทั้งมวล และฌานนี้เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ เมื่อทำที่สุดตามธรรมนี้ที่เป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์แล้วทุกคน จะได้อิทธิปาฏิหาริย์อันบริบูร์ อาเทศนาปาฏิหาริย์บริบูรณ์ ขอให้ทุกคนจงพากเพียร ให้รู้ให้ได้ว่าอริยสัจ4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นี้คืออะไร
หรือบทธรรมที่เราฟังประจำว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้รู้เหตุเกิด รู้เหตุดับ รู้คุณ รู้โทษ รู้อุบายเครื่องออกจากผัสสายตนะทั้ง6 ตามความเป็นจริงนั้น ทั้งหมดนั้นเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์เท่านั้น
อนุโมทนากับทุกคนเอาไว้เท่านี้
แสดงธรรมโดย หลวงพ่อ พุทธปัญโญ
วันอาทิตย์ที่ 6 เดือน มิถุนายน ปี 2564
อ้างอิง https://youtu.be/oZzKCvvPy1o

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา