22 พ.ค. 2022 เวลา 02:06 • ปรัชญา
กาย อารมณ์ จิต
เราลองเปรียบเทียบ กายของเรากับต้นไม้ ต้นไม้ตอนต้นมันเล็ก มันก็มีลำต้นอ่อน กิ่งก้านยังไม่มี มีแคใบเล็ก ใบสองใบ เด็ก..ก็มีอารมณ์นึดคิดอะไร ไม่มาก สนุกสนานกับของเล่นสิ่งของ ที่อยู่รอบกาย คลานไปหยิบเล่นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ก็มีความสุขสนุกสนานกับสิ่งเล่นอยู่
พอโตขึ้นมาหน่อย ..กายนั้น ก็เหมือนต้นไม้ เริ่มแตกกิ่งก้านสาขา มีการใช้กายวิ่งเล่น เดินเล่น เรียนรู้มาขึ้น นั้นก็เหมือนต้นไม้ ที่แตกกิ่งก้านสาขามีใบไม้มากขึ้น ใบไม้ก็คือ อารมณ์ความรู้สึกนึกคิด ..ไม่แตกกิ่งแตกใบไปเรื่อย ใบใหม่ๆผลิออกมา ใบเก่าก็ ล่วงลงไป ล่วงลงไป..ใบไม้นั้นไปไหน ก็ไปอยู่กับธาตุทั้งสี่ที่ประกอบขึ้นมาเป็นกายให้เราอาศัย
พอแก่เฒ่าชรา..ร่างกายที่เราใช้..ก็มีเศษใบไม้เก่าๆมากมาย..ใบไม้เริ่มไม่ผลิเสียแล้ว ธาตุทั้งสี่ที่ประกอบ เป็นเรือนกาย ก็เหี่ยวย่น เหมือนต้นไม้ ที่เปลือกไม้ผุพัง..ความสวยความงามนั้นไม่เที่ยง กายที่เหมือนต้นไม้นี้ก็ไม่เที่ยง รากไม้ก็คือวิญญาณทั้งหก ที่ไหลไปยึดเสาะแสวงหาอาหารมาให้ลำต้น ก็ผุอีกเหมือนกัน หูตาจมูกลิ้นกายใจ ..ทั้งหมดเสื่อมถอยลงๆ รอเวลาหักโค่น หรือ ยืนต้นตาย แล้วความสุขมันอยู่ที่ไหน
เรื่องของจิต..ที่อาศัยกาย อาศัยอารมณ์ ที่ไม่คงที่นั้น เราก็ควรศึกษา เรื่องราวของคำว่า กายที่กรรม กายมีกรรมมาก ก็มากอารมณ์ความคิดเห็น ว้าวุ่น ฟุ้งซ่าน ..
จิตนั้นทำไปตามอารมณ์ ..ที่ปรุงแต่ง อยากได้ อยากมี คิดไปตามความอยาก..พอได้สุขสมหวัง..ก็มีความสุขชั่วขณะหนึ่ง นั่น เค้าเรียกว่า สุขของอารมณ์ ไม่ใช่ความสุขของจิต
ความสุขของจิต..จิตที่อาศัยอยู่ในเรือนกาย ที่แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ..มีอารมณ์ที่ดี..เกิดขึ้น..หล่อเลี้ยงกาย จิตอาศัยเรือนกายนี้ก็มีความสุข
ทำอย่างไรจะให้กายนี้แข็งแรง .เราก็ย้อนกลับไปเรื่องราวใบไม้ที่ล่วงหล่น..ลงสู่ธาตุทั้งสี่..ที่ประกอบให้กายเราอาศัย ..เมื่อใบไม้นั้นมันล่วงหล่นลงมา เราก็ต้องหาวิธีนำใบไม้นั้นทิ้ง สลัดออกไป นั้นก็คือการสร้างบุญกุศล สลัดวัตถุสิ่งของนั้นออกไป เพราะสิ่งที่หาเหล่านี้ คือ ตัวยึด..รากไม้ไปดึงไปเกี่ยวเข้ามาทับถม ให้กายมีกรรม
เราสลัดวัตถุสิ่งของ มาแปรสภาพให้เป็นทานเป็นบุญกุศล กายเราก็จะเบา กายเราก็จะเริ่มมีบุญ เมื่อเราทำไปเรื่อยๆ จนกายเป็นกายบุญ จิตอาศัยในกายบุญ..จิตก็มีความสุขอยู่ในกายบุญ ถึงเวลาออกจากสังขาร ก็เหมือนเดินออกไปแบบสบาย ไม่ใช่เหมือนไฟลุกท่วมบ้านทุรนทุราย
เรื่องใบไม้ เราก็ไปสังเกต ดูใบไม้ที่มันแตกออกมา ใบที่มันอยู่กับลำต้น มัมมีฝุ่นมีละออง บางใบสวย บางใบก็หงิกงอ บางใบไม้ถูกแดด ใบไม้ออกทางทิศไหน ทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ใบที่ถูกแดด ไม่ถูกแสงสว่าง ใบไม้นั้นอย่างไร
แล้วเราก็ลองมาเปรียบเทียบ กับอารมณ์ความรู้สึกนึกที่ ผลิออกมา ในเรือนกายที่เราอาศัย ..ว่าเราควรจะสลัดใบไม้ อันไหนทิ้งๆไปบ้าง..ใบไม้มันจะได้สวยงาม ..อยู่กับลำต้นที่ดีแข็งแรง เราก็บำรุงหล่อเลี้ยงกาย ที่จิตอาศัยให้มันดี กายก็เป็นสุข จิตก็เป็นสุข
คราวนี้ เราก็มาดูเรื่องราวของผู้ที่ ไม่อยากเกิด เค้าก็กระทำ ลดละสลัดเรื่องราวของใบไม้นั้น…สลัดไปให้หมด ตัดราก คือวิญญาณทั้งหก ที่หยุด..หยุดหาอาหารมาเลี้ยงลำต้น ..คือไปยึดทรัพย์สินเงินทอง ยศฐานบรรดาศักดิ์ สิ่งที่มีชีวิตไม่มีชีวิต ..เค้าก็ตัดไม่ให้รากไปหาอาหารหาอารมณ์ ให้ลำต้นแตกกิ่งใบ ก็ตัดแล้วลำต้นไม่แตกกิ่งใบ ..ต้นไม้ก็ยืนต้นตาย นั้นก็คือ เรื่องราวของผู้ที่ที่ประพฤติปฏิบัติธรรม หนีกรรม หนีการเกิด
เรื่องราวต้นไม้ใบไม้ ต้นที่มีใบมาก ใบหนา มันก็หนัก..เมื่อมีลมพัด ลมหมุน มันรุนแรง พัดมาโดนใบ กิ่งก้านสาขา ลำต้นก็โค่นหัก ล้มตาย นั่นก็ คือ กรรมตัดรอนบั่นทอนชีวิต.
โฆษณา