25 พ.ค. 2022 เวลา 02:22 • ความคิดเห็น
สื่อต่างชาติลงข่าวชัยชนะของคุณชัชชาติ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการหมดไปของการเมืองสีเสื้อในเมืองไทย.....🇹🇭
จากผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่เพียงคนไทยเท่านั้นที่ให้ความสนใจ
สื่อมวลชนในต่างประเทศเอง
ก็ติดตามความเคลื่อนไหวสนามการเมืองในเมืองหลวงของไทยมาตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งจะเริ่มต้น
และหลังจากผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการที่คุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้สมัครหมายเลข 8 ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด ตามคะแนนที่ออกมา
สื่อชื่อดังในอาเซียนอย่างสเตรทไทม์ สิงคโปร์ ก็ลงข่าวในเรื่องนี้ทันที....
สเตรทไทม์ ลงความเห็นของคุณพันชฎา ศิริวรรณบุศย์ นักวิเคราะห์การเมืองจากมหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งแสดงความเห็นไว้ว่า..
"จากคะแนนที่ออกมาว่าคุณชัชชาติได้คะแนนมากถึง 60% ของผู้มาใช้สิทธิ์
ทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย จะมีบทบาทสำคัญในเมืองหลวงต่อจากนี้ไป"
"ส่วนฝ่ายที่มีอำนาจอยู่เดิม สถานการณ์คะแนนความนิยม
ไม่สู้ดีนัก"
"ภาพที่ออกมาสะท้อนความต้องการเปลี่ยนแปลงของคนในกรุงเทพได้อย่างชัดเจน"
ส่วนคุณอิสรา สุทรวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานที่ปรึกษา Vriens & Partners ให้ความเห็นที่น่าสนใจกับทางสเตรทไทม์ว่า..
"การที่คุณชัชชาติได้คะแนนในเมืองหลวงอย่างท่วมท้น
อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าผู้คนไม่ได้สนใจอดีตที่ผ่านมาของผู้สมัครและพร้อมที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งการเมืองแบบมีสีเสื้อไปเสียที"
"การที่มีคนนำเอาความขัดแย้งเรื่องสีเสื้อในอดีตมาขยายผลก่อนการเลือกตั้ง ดูจะไม่เป็นผล
ผู้คนเลิกสนใจเรื่องนี้และไปลงคะแนนด้วยเหตุผลมากขึ้น"
ถึงแม้คุณชัชชาติจะลงสมัครในนามอิสระ แต่การที่เขาเคยเป็นหนึ่งในสมาชิกพรรคและรัฐมนตรีในกลุ่มการเมืองของคุณทักษิณ ก็เป็นเรื่องยากที่จะสลัดภาพการยืนอยู่ฝ่ายเดียวกันกับพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันได้
แต่การที่คุณชัชชาติพยายามย้ำจุดยืนในความเป็นกลางด้วยการประกาศตัว พร้อมที่จะทำงานกับสมาชิกสภากรุงเทพจากทุกพรรค
และการประกาศเป็นผู้ว่าฯ ของทุกคน ไม่ว่าจะลงคะแนนเลือกเขาหรือไม่ก็ตาม
แสดงถึงความตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าเขาไม่อยากให้มีการแบ่งสี แบ่งฝ่ายกันอีกต่อไป
3
การที่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้ครองเก้าอี้สมาชิกสภากรุงเทพเป็นจำนวนมาก ก็สะท้อนความต้องการการเปลี่ยนแปลงของประชาชน ไปในแนวทางเดียวกับผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯ
การเมืองสีเสื้อสร้างความแตกแยก และบ่อนทำลายประเทศไทยมานานหลายสิบปี การโทษกันไปมา ไม่เกิดประโยชน์อะไร
คำพูดของนักการเมืองบางคน เป็นแค่วาทกรรมเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ฉะนั้นประชาชนคนไทยต้องตื่นรู้
การหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากบนลงล่าง ค่อนข้างเป็นไปได้ยากเพราะการขัดกันของผลประโยชน์มันรุนแรงเกินกว่าจะประนีประนอม
ประชาชนต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงจากใจตัวเอง
ไปสู่สังคมรอบข้างและขยายไปสู่สังคมรวมทั้งมวล
3
เลิกเรียกคนที่เห็นไม่เหมือนเราด้วยคำสรรพนามเหยียดหยาม แบ่งฝัก แบ่งฝ่าย ถึงแม้เขาจะยังคิดต่างกับเรา
3
ทำไมต้องทำแบบนั้น?
1
เพราะมันคือจุดเริ่มต้นของการให้อภัยและกลับมาเป็นคนไทยด้วยกันจริง ๆ สักที
2
ลองนึกดูนะครับว่า ทำไมตอนเราเชียร์นักกีฬาไทยในกีฬาซีเกมส์
ไม่ว่าใครจะชอบการเมืองฝ่ายไหน ทุกคนก็พร้อมจะกลับมาเป็น
กองเชียร์นักกีฬาทีมชาติไทยให้มีชัยชนะได้เหมือน ๆ กัน
อยากให้ทุกคนหันมาเชียร์ประเทศไทย เหมือนเชียร์ทีมชาติไทย ...จังเลย...
2
ติดตามอ่านบทความได้ที่
โฆษณา