27 พ.ค. 2022 เวลา 02:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ส่องอนาคต BH - BDMS สดใสแค่ไหน เมื่อผู้ป่วยต่างชาติเริ่มกลับเข้าเมืองไทยอีกครั้ง 👀🚑📈
หลังจากรัฐบาลประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการ และทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุม Covid-19 อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้ธุรกิจเริ่มกลับมาเห็นแสงสว่างอีกครั้งจากชาวต่างชาติที่เข้ามามากขึ้น ไม่เพียงแค่นักท่องเที่ยว แต่จำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เดินทางเข้ามารับการรักษาที่ไทยเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ช่วยสนับสนุนให้โรงพยาบาลที่เคยมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติสูง แต่ปรับตัวลดลงในช่วงล็อกดาวน์ กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง เห็นได้จากงบการเงินของ 2 หุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่อย่าง BH และ BDMS ที่ไตรมาส 1/65 สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ และคาดว่าจะช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 เติบโตต่อเนื่อง 🥳
📌 BH ผู้ป่วยต่างชาติฟื้นอย่างมีนัยยะ
สำหรับ BH หรือ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 696% จากไตรมาส 1/64 และ 18.5% จากไตรมาส 4/64 โดยนักวิเคราะห์จากบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า ในไตรมาสนี้ BH มีรายได้จากผู้ป่วยต่างเพิ่มขึ้น 143.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ซึ่ง 5 อันดับรายได้ผู้ป่วยต่างชาติสูงสุด คือ 1. เมียนมา, 2. คูเวต, 3. บังคลาเทศ, 4. กาตาร์ และ 5. กัมพูชา 💪
ซึ่งรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ทำให้สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยต่างชาติต่อผู้ป่วยไทยเพิ่มขึ้นจาก 46% ต่อ 54% เป็น 55% ต่อ 45% ตามลำดับ ขณะที่สัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทยพุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 39.5% ของรายได้โรงพยาบาล แต่ยังต่ำกว่าช่วงก่อน Covid-19 ซึ่งมีสัดส่วนราว 55% 🚑
ด้านบล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุถึงแนวโน้มการดำเนินในไตรมาส 2/65 ว่า คาดกำไรปกติที่ 212 ล้านบาท ยังเติบโตจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่จะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ตามทิศทางของรายได้ธุรกิจโรงพยาบาลที่มีผลของฤดูกาล และผลของเทศกาลรอมฎอน (ระหว่างวันที่ 2 เม.ย.- 1 พ.ค. 2565) ต่อกลุ่มลูกค้าตะวันออกกลาง รวมทั้งคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1/65 ด้วย 👩‍🔬
โดยฝ่ายวิเคราะห์คงคำแนะนำ Neutral สำหรับ BH และให้ราคาเป้าหมายที่ 150 บาท เนื่องจากมองว่าราคาหุ้นที่ซื้อขาย PE ปี 2565 ที่ 56 เท่า เป็นระดับ Premium และสูงกว่าค่าเฉลี่ย PE กลุ่มโรงพยาบลที่ 52 เท่า ส่วนบล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ประเมินว่า กำไรของ BH ส่อแววฟื้นตัวชัดเจน ขณะเดียวกันราคาหุ้นมี upside 11.5% จากราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 180 บาท จึงแนะนำ ทยอยซื้อสะสม 😎
📌 BDMS ลุ้นไตรมาส 3/65 ผลงานทำนิวไฮ
ขณะที่ BDMS หรือ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) มีกำไรสุทธิไตรมาส 1/65 ที่ 3,443 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 157.2% จากไตรมาส 1/64 และ 30.7% จากไตรมาส 4/64 👏
โดยบริษัทระบุว่า รายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติเติบโต 72% เป็นผลมาจากรัฐบาลมีมาตรการเปิดประเทศให้ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 แล้ว สามารถบินเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัวตั้งแต่เดือนพ.ย. 2564 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง 256%, CLMV (ประเทศกัมพูชา ลาว พม่า และ เวียดนาม) 58% จากไตรมาส 1/2564 ✈️
ประกอบกับการกลับมารักษาพยาบาลของผู้ป่วยชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศไทย (Expatriate) เช่น ชาวเยอรมัน อังกฤษ และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 112%, 62% และ 28% ตามลำดับ ทำให้สัดส่วน รายได้ของผู้ป่วยไทยต่อผู้ป่วยต่างชาติเปลี่ยนแปลงจาก 81% ต่อ 19% ในไตรมาส 1/2564 เป็น 78% ต่อ 22% ในไตรมาส 1/2565 🤔
โดยนักวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส ระบุถึงแนวโน้มการดำเนินในไตรมาส 2/65 ว่า คาดจะเห็นการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/65 และน่าจะไปทำจุดสูงสุดได้ในไตรมาส 3/65 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของกลุ่มโรงพยาบาล
ปัจจัยขับเคลื่อนหลักยังคงมาจากการฟื้นตัวของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ (คิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้รวมในภาวะปกติ) ที่ล่าสุดทางภาครัฐฯ ได้ยกเลิกการเดินเข้าประเทศผ่านระบบ Test&Go ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2565 ส่งผลให้ผู้ป่วยต่างชาติเดินทางเข้ามารักษาได้สะดวกยิ่งขึ้น ทำให้คาดว่าสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจะเพิ่มจาก 18.3% ในปี 2564 เป็น 25-30% ในปี 2565 -2566 📈
ขณะที่แม้สัดส่วนรายได้ผู้ป่วยไทยในปี 2565-2566 จะลดลงจนอยู่ที่ราว 65-70% จากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติที่สูงขึ้น แต่ในแง่ของรายได้ผู้ป่วยไทยยังคงเติบโตราว 9.4% และ 6.8% ตามลำดับ เหตุผลหลักมาจาก BDMS ยังคงมีแผนที่จะขยายกำลังให้บริการ (Capacity) ของโรงพยาบาลในเครือ ประกอบกับฐานลูกค้าคนไทยที่ขยายตัวมากขึ้นจากผู้ป่วยที่มาใช้บริการในช่วง Covid-19 😷
นอกเหนือจากนี้ประสิทธิภาพของกำไรที่ทำได้ดีขึ้นจากอัตรากำไรขั้นต้นที่มองว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอยู่ที่ 34.8% และ 35% ในปี 2565-2566 ตามลำดับ
ซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงก่อน Covid-19 ที่ทำได้ราว 34.4% จากสัดส่วนผู้ป่วยต่างชาติ (มาร์จิ้นสูง) ที่ปรับตัวสูงขึ้น, การบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นต่อเนื่องและการให้ส่วนลดสำหรับค่าห้อง, ค่ายา และโปรโมชั่น ที่น้อยลง ทั้งนี้ ยังคงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2565 ที่ 29 บาท ซึ่งยังมี Upside อีกราว 16% 😲
อ่านเพิ่มเติมบนเว็บไซต์ได้ที่นี่: https://techtoro.me/3sXnkmv
#Techtoro #มากกว่าสินทรัพย์คือความรู้ #BH #BDMS #Stock #Investment #หุ้น #หุ้นโรงพยาบาล #หุ้นDefensive
โฆษณา