26 พ.ค. 2022 เวลา 08:47 • ข่าว
ปัญหาเรื่องทรงผมนักเรียนไม่ว่าผ่านมากี่ปีก็ยังคงไม่เปลี่ยนจริงๆ
1
ดราม่าในโลกออนไลน์ : เมื่อครูคนหนึ่งพูดหน้าเสาธงว่า "นักเรียนที่ผลการเรียนยังไม่สามารถสอบติดแพทย์หรือเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่มีสิทธิ์มาพูดเรื่องทรงผม"
1
งานนี้ชาวเน็ตพากันวิจารณ์ยับๆว่า
ใจแคบขนาดนี้ไม่น่าจะใช่คำพูดของคนเป็นครูหรอกมั้ง ?
2
เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์ของคุณวิโรจน์ อดีค ส.ส.พรรคก้าวไกล และอดีตผู้ลงสมัครผู้ว่ากทม. บรรยากาศในคลิปเป็นบรรยากาศของโรงเรียนแห่งหนึ่ง (ไม่เปิดเผยชื่อ) ในช่วงเช้าหลังจากเสร็จจากเข้าแถวเคารพธงชาติ
มีนักเรียนของโรงเรียนดังกล่าวแอบถ่ายคลิปขณะที่ครูคนหนึ่งในโรงเรียนยืนพูดหน้าเสาธงเกี่ยวกับเรื่องข้อระเบียบของทรงผมนักเรียนในโรงเรียน
//คาดว่าก่อนหน้าที่มันเป็นช่วงที่โรงเรียนเพิ่งเปิดเทอมแบบ on site และกระแสของการเรียกร้องเรื่องทรงผมนักเรียนได้เป็นที่พูดถึงมาสักพักใหญ่ๆแล้ว ทำให้เด็กหลายๆคนตั้งคำถามว่า ทำไมเราถึงยังต้องตัดผมทรงนักเรียนหรือรองทรงกันอีก
ครูคนที่ยืนพูดหน้าเสาธงได้อธิบายเหตุผลว่าทำไมโรงเรียนถึงยังไม่ปล่อยเสรีเรื่องทรงผม ว่า
: เขาพูดกันว่าทำไมต้องมองแต่ทรงผม ทำไมไม่มองที่สมอง ใช่ครับเขาพูดถูกครับ แต่เขาสอบแพทย์ติดกันเป็นห้องๆ ของเรามีแพทย์ติดกันสักห้องไหม เขาสอบเข้ามหาลัยติดกันเต็มคณะเป็นห้องๆ แต่ของเรายังทำแบบนั้นไม่ได้
: ฉะนั้นเมื่อเรายังทำไม่ได้ "เราก็ไม่ควรจะมีสิทธิ์มีเสียง"
2
จากนั้นไม่นานโซเชียลก็ร้อนระอุดังถูกไฟเผา
มีชาวเน็ตมากมายได้เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ชุดความคิดของครูท่านนี้
1
ประเด็นดราม่าจะแบ่งเป็นสองประเด็นใหญ่ๆคือ
1. ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะสอบติดหรือไม่ติดแต่เรื่องสิทธิในร่างกายเขาก็ไม่มีใครควรเข้าไปยุ่ง
2. เมื่อไหร่จะหยุดยัดเยียดคณะแพทย์ให้เด็กเก่งหรือเชิดชูว่าเป็นอันดับหนึ่งสักที
1
ประเด็นแรก : ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะสอบติดหรือไม่ติดแต่เรื่องสิทธิในร่างกายเขาก็ไม่มีใครควรเข้าไปยุ่ง
ในเรื่องนี้ชาวเน็ตต่างให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า
สิทธิในร่างกายของเรามันไม่ควรจะถูกนำมาวัดด้วยระดับสมองหรือผลการเรียน ในสมัยของครูเมื่อ 20-30 ปีก่อนอาจจะชินและเฉยกับเรื่องแบบนี้ แต่มันไม่ได้แปลว่านักเรียนยุคนี้จะต้องเฉยและชินเหมือนกับครูเมื่อ 20-30 ปีก่อน
การที่ครูจะมีหัวคิดแนวอนุรักษ์นิยมไม่ใช่เรื่องผิด แต่คุณก็ควรจะก้าวให้ทันโลกและเข้าใจเด็กให้มากกว่านี้ด้วย ผมมันอยู่บนหัวเด็กก็ปล่อยให้มันวุ่นวายแค่ที่หัวเด็ก อย่าไปวุ่นวายแทนเด็กเลย
ประเด็นที่สอง : เมื่อไหร่จะหยุดยัดเยียดคณะแพทย์ให้เด็กเก่งหรือเชิดชูว่าเป็นอันดับหนึ่งสักที
ประเด็นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายๆคนหยิบมาพูดถึง เพราะว่า หลายๆคนในสังคมมักมองและคาดหวังว่าเรียนเก่งต้องติดแพทย์ อยากได้ดีต้องติดแพทย์ อยากได้รับความเคารพต้องติดแพทย์ ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ควรมองอย่างนั้น
การที่ใครสักคนจะสอบแพทย์หรือสอบอะไรก็ตามควรมาจากความชอบจากใจจริง ไม่ใช่ความกดดันให้ชอบ ชาวเน็ตตั้งคำถามว่า มีเด็กตั้งกี่คนแล้วที่อนาคตพังเพราะถูกยัดเยียดให้เรียนเก่งๆ ให้สอบติดแพทย์ ทำไมถึงยังวนอยู่กับอะไรเดิมๆแบบนี้ ??
2
พร้อมถามกลับไปยังครูที่พูดหน้าเสาธงว่า ถ้าคิดว่าคนเก่งคนประสบความสำเร็จต้องติดแพทย์นั่นหมายความว่าตัวคุณครูเองก็เป็นคนที่ล้มเหลวในชีวิตใช่ไหม (เพราะครูก็ไม่ได้เป็นแพทย์สักหน่อย)
4
เรื่องดราม่าก็ประมาณนี้ครับ
ส่วนทางโรงเรียนก็ยังไม่มีการออกมาชี้แจงแต่อย่างใดนะครับ
มาที่เรื่องกฎกระทรวงสักนิด
อ้างอิงจาก คุณ ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ได้บอกไว้ว่า นักเรียนชายไม่จำเป็นต้องตัดทรงนักเรียนก็ได้ สามารถไว้ได้ตามความเหมาะสม ส่วนนักเรียนหญิงก็สามารถไว้สั้นหรือยาวก็ได้ แต่ต้องอยู่ในความเหมาะสม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่กฎเดิมของโรงเรียนว่าจะยอมให้ไว้ตามความเหมาะสมหรือไม่ หรือจะยึดระเบียบเดิมคือทรงนักเรียนและผมสั้นติ่งหู
แต่ที่ไม่สามารถทำได้คือการ "ตัดผมนักเรียนชาย" หากโรงเรียนจะลงโทษเด็กที่ทรงผมผิดระเบียบทำได้แค่
1.ว่ากล่าวตักเตือน
2.ทำทัณฑ์บน
3.ตัดคะแนนความประพฤติ
4.ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
เท่านั้น
//ก็คือกระทรวงปล่อยฟรีแหละไม่จำเป็นต้องทรงนักเรียนแบบเกรียนติดหลังหัวก็ได้ ผู้หญิงก็ไม่ต้องตัดเท่าติ่งหูก็ได้ ปล่อยยาวได้เลย "แต่" ก็ยังให้อำนาจโรงเรียนว่าโรงเรียนจะยึดตามกฎเดิมที่เคยมีมาแล้วหรือจะปรับตามกระทรวงก็ได้นั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก
โฆษณา