2 มิ.ย. 2022 เวลา 06:41 • บันเทิง
#explainer คดีอันลือลั่นของจอห์นนี่ เด็ปป์ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด ตอนนี้สิ้นสุดลงแล้ว ด้วยชัยชนะของฝ่ายชาย เรื่องราวเป็นอย่างไร workpointTODAY จะสรุปทุกอย่างเป็นครั้งสุดท้าย แบบเข้าใจง่ายที่สุดใน 20 ข้อ
2
1) จอห์นนี่ เด็ปป์ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด สองนักแสดงชาวสหรัฐฯ เป็นคู่รักต่างวัย เด็ปป์เกิดปี 1963 ส่วนแอมเบอร์ เกิดปี 1986 อายุห่างกัน 23 ปี โดยทั้งสองคนรู้จักกันครั้งแรก เมื่อเล่นภาพยนตร์ด้วยกันในเรื่อง The Rum Diary ในปี 2009
8
ซึ่งในครั้งนั้น แอมเบอร์ เฮิร์ด เคยให้สัมภาษณ์ทีเล่นทีจริงว่า "ทำงานกับจอห์นนี่เต็มไปด้วยความทรมาน แต่อย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่ฉันจินตนาการไว้ตอนแรก"
2) กันยายน 2009 ตอนนั้นแอมเบอร์ มีแฟนเป็นผู้หญิง ชื่อแทสย่า แวนรี ทั้งสองคนทะเลาะกันที่สนามบินซีแอตเติล จนเกิดเหตุใช้ความรุนแรงขึ้น แอมเบอร์ไปกระชากและทุบตีแทสย่าจนบาดเจ็บ สุดท้ายแทสย่าเรียกตำรวจสนามบิน มาช่วยจับกุมแอมเบอร์เอาไว้ แอมเบอร์ต้องถ่าย Mug Shot และเกือบจะเป็นคดีความ แต่สุดท้ายไกล่เกลี่ยกันได้คดีความจึงยุติกันแค่ตรงนั้น
4
3) ปลายปี 2011 จอห์นนี่ เด็ปป์ เลิกกับวาเนสซ่า พาราดิส แฟนสาวที่คบกันมายาวนานถึง 14 ปี เป็นจังหวะเดียวกับที่แอมเบอร์ เลิกกับแทสย่า แวนรีเช่นกัน และในช่วงเวลานั้นภาพยนตร์เรื่อง The Rum Diary ที่ทั้งคู่เล่นด้วยกัน ถ่ายทำเสร็จพอดีเริ่มออกฉายทั่วโลก ทั้งสองคนต้องเดินสายไปโปรโมทตามเมืองต่างๆ จึงมีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น
15
ด้วยความที่ต่างคนต่างโสดพอดี จึงตัดสินใจลองคบหากัน ก่อนที่ในปี 2012 จะย้ายมาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันในที่สุด
2
4) ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น ทั้งคู่หมั้นหมายกันในปี 2014 มีการให้แหวนกันเรียบร้อย ก่อนที่จะมีพิธีแต่งงานเล็กๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2015 ที่ลอสแองเจลิส ซึ่งหลายคนเชื่อว่า เด็ปป์หลงรักแอมเบอร์อย่างมากจริงๆ เพราะแฟนคนก่อน วาเนสซ่า พาราดิส ขนาดคบกัน 14 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน เด็ปป์ยังไม่แต่งงานเป็นสามี-ภรรยา แต่กับแอมเบอร์ คบกันราวๆ 3 ปี แต่เด็ปป์ถึงกับขอแต่งงานกันเลย
4
5) แต่ความสุขก็อยู่ได้ไม่นานนัก แต่งงานกันได้แค่ 1 ปีเศษๆ เท่านั้น เดือนพฤษภาคม 2016 แอมเบอร์ ก็ฟ้องศาลขอหย่า โดยให้เหตุผลว่า "ตลอดความสัมพันธ์ของเรา จอห์นนี่ ทำร้ายด้วยวาจา และทำร้ายร่างกายฉันตลอดเวลา ทุกคนรู้กันดีว่าจอห์นนี่ มีประวัติเรื่องการใช้ยาเสพติด และการติดแอลกอฮอล์มาตลอด นอกจากนั้นเขายังอารมณ์ร้อนมากอีกด้วย"
2
จุดแตกหักเกิดขึ้น ในช่วงไม่กี่วัน หลังจากแม่ของจอห์นนี่ เด็ปป์เสียชีวิต แอมเบอร์อ้างว่า เขาอารมณ์เสีย และขว้างปาโทรศัพท์ใส่หน้าเธอ จนเกิดรอยฟกช้ำ นอกจากนั้นยังเอาขวดแชมเปญฟาดกระจุยไปทั่วบ้านด้วยความโมโห
1
ซึ่งเพื่อนสนิทของแอมเบอร์ ชื่อ ไอโอ ทิลเล็ต ไรท์ เป็นคนโทรแจ้งความให้ แต่พอเจ้าหน้าที่ตำรวจแอลเอ (LAPD) ไปถึงที่เกิดเหตุ กลับไม่พบหลักฐานใดๆ ของการใช้ความรุนแรง จึงกลายเป็น "เรื่องเล่าอ้าง" จากคำพูดของแอมเบอร์เท่านั้น
9
6) แอมเบอร์ตอนแรก เรียก "ค่าเลี้ยงดู" จากเด็ปป์เดือนละ 50,000 ดอลลาร์ (1.5 ล้านบาท) โดยจะมีพันธะผูกพันไปตลอด แต่สุดท้ายเด็ปป์ ตัดสินใจจ่ายเงิน 7 ล้านดอลลาร์ (218 ล้านบาท) ก้อนเดียวให้จบกันไปเลย โดยไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกันอีก ซึ่งแอมเบอร์ก็ยินดีรับไว้ โดยประกาศว่าจะเอาเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับ ไปบริจาคให้องค์กรการกุศล
11
จากนั้น 13 มกราคม 2017 ทั้งสองคนจึงประกาศหย่าร้างอย่างเป็นทางการ โดยไม่มีการกล่าวถึงเรื่องการทำร้ายร่างกายใดๆอีก เหมือนทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
4
7) เรื่องที่เหมือนจะจบ แต่ไม่จบจริง ในวันที่ 27 เมษายน 2018 แดน วูตตัน บรรณาธิการของเดอะ ซัน (The Sun) สื่ออังกฤษชื่อดัง ลงบทความออนไลน์ว่า "ถามจริงๆว่า เจเค โรว์ลิ่ง จะมีความสุขจริงๆหรือ ถ้าจอห์นนี่ เด็ปป์ คนทำร้ายเมียตัวเอง จะได้รับบทบาทในหนังของเธอ" โดยเดอะ ซัน ใช้คำว่า Wife-Beater (คนทำร้ายเมีย) กล่าวถึงเด็ปป์โดยตรง
7
อธิบายคือ เจเค โรว์ลิ่ง ผู้แต่งซีรีส์แฮร์รี่ พอตเตอร์ ได้ชื่อว่าเป็นเฟมินิสต์ตัวยง ที่ปกป้องสิทธิสตรีอยู่เสมอ ดังนั้น เดอะ ซันจึงเชื่อมโยงไปว่า จอห์นนี่ เด็ปป์ ที่รับบทเป็นกิลเลิร์ต กรินเดอวัลด์ ในซีรีส์ Fantastic Beasts (ซึ่งโรว์ลิ่งเขียนเช่นกัน) จึงไม่เหมาะนักที่จะเล่นเป็นตัวละคร ที่โรว์ลิ่งเขียน
1
ไม่มีใครทราบว่าเป็นแรงกดดันจากใคร แต่สุดท้ายค่ายหนังวอร์เนอร์ บราเธอร์ส ถอดเด็ปป์จากการเล่นบทกรินเดอวัลด์ และไปเลือกมัดส์ มิคเคลสัน มาเล่นบทนี้แทน
2
8 ) จากนั้นชนวนความขัดแย้ง ก็ยังหนักขึ้นต่อไปอีกเมื่อ วันที่ 19 ธันวาคม 2018 แอมเบอร์ เฮิร์ด เขียนบทความลงในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ โดยตั้งชื่อเรื่องว่า "ฉันยืนหยัดสู้กับเรื่องความรุนแรงทางเพศ แต่สังคมเลือกที่จะโจมตีฉัน เรื่องนี้ต้องเปลี่ยนได้แล้ว"
1
แอมเบอร์ เขียนบทความล้อไปกับการเคลื่อนไหว #MeToo โดยส่วนหนึ่งในบทความเขียนว่า "เมื่อ 2 ปีก่อน ฉันกลายมาเป็นที่รู้จัก เมื่อเป็นตัวแทนของผู้หญิงที่ลุกขึ้นมาสู้จากการโดนทำร้าย และฉันรู้สึกว่าในสังคมของเรา ผู้หญิงคนไหนที่ออกมาพูดจะโดนแรงกระแทกอย่างหนักเสมอ
5
เพื่อนๆบอกฉันว่า ฉันอาจจะติดแบล็คลิสต์ในวงการบันเทิง และอาจไม่มีบทให้แสดงอีก ซึ่งมันก็จริง เพราะหนังบางเรื่องเขาก็หาคนมาเล่นแทนฉัน หรือ แบรนด์สินค้าแห่งหนึ่งยุติการจ้างงานฉัน แม้แต่บทเมร่า ในอะควาแมน ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะรักษาบทไว้ได้ตลอดหรือเปล่า นี่แหละคือสิ่งที่สังคมของเรา มักจะเลือกปกป้องฝ่ายชายเสมอ"
2
9) ฝั่งจอห์นนี่ เด็ปป์ไม่พอใจอย่างรุนแรง และมองว่าแอมเบอร์ Play Victim หรือเล่นบทเป็นเหยื่อ โดยโยนความผิดให้เขา ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานใดๆ บ่งบอกว่าเขาเป็นพวกใช้ความรุนแรงด้วยซ้ำ แต่กลับโยนความผิดมาให้เขาแบบนี้ สังคมจะมองเขาอย่างไร เด็ปป์จึงฟ้องศาลทั้ง 2 ประเทศ คือฟ้องเดอะ ซัน ข้อหาหมิ่นประมาทที่อังกฤษ และฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ด ที่ศาลในรัฐเวอร์จิเนีย ข้อหาหมิ่นประมาทเช่นกัน
7
คดีแรกคือคดีหมิ่นประมาทที่อังกฤษ เด็ปป์บอกว่า เดอะ ซันจะใช้คำว่า Wife-Beater ไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่คนซ้อมเมีย การตีตราว่าเขาเป็นคนแบบนั้น คือการปั้นเรื่องเท็จอย่างที่สุด ณ จุดนี้ จึงเป็นหน้าที่ของเดอะ ซัน ที่จะหาหลักฐานมาว่าเด็ปป์เคยทำร้ายร่างกายแอมเบอร์สักครั้งหรือไม่ ถ้าหากเคยทำ ก็สามารถใช้คำว่า "คนทำร้ายเมีย" ได้
2
ซึ่งเดอะ ซัน ได้ติดต่อหาแอมเบอร์ เฮิร์ด และขอรายละเอียดทั้งหมดในความสัมพันธ์ ซึ่งฝั่งแอมเบอร์นั้น ก็มองว่าถ้า เดอะ ซัน ชนะคดีที่อังกฤษ เธอเองก็จะได้ประโยชน์ ในการสู้คดีที่สหรัฐฯด้วย แอมเบอร์จึงเล่าว่า เธอเคยโดนทำร้ายทั้งหมด 14 ครั้ง ตัวอย่างเช่น
2
- แอมเบอร์แซวรอยสักของเด็ปป์ ทำให้เด็ปป์โกรธจับเธอทุ่มลงพื้นแล้วตบหน้า 3 ฉาด
3
- แอมเบอร์แขวนรูปวาดของแฟนเก่าที่เป็นศิลปินเอาไว้บนผนังในห้องนอน เด็ปป์ที่เมาเหล้าตบหน้าเธอไป 1 ที แล้วจะจุดไฟเผารูปวาด
2
- ตอนที่แอมเบอร์ตามเด็ปป์ไปถ่ายทำเรื่อง Pirates of the Caribbean ที่ออสเตรเลีย เธอโดนซ้อมหลายครั้ง และอยู่ในห้องด้วยกันสามวัน กับความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะโดนฆ่า
8
- วันเกิดครบ 30 ปีของแอมเบอร์ เด็ปป์ขว้างขวดแชมเปญใส่เธอแต่พลาดไป ก่อนที่จะกระชากหัวด้วยความรุนแรง
1
10) เมื่อแอมเบอร์ชี้แจงแบบนั้น ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเด็ปป์เสียหายยับเยิน แต่ฝั่งแอมเบอร์เองก็เละไม่แพ้กัน โดยระหว่างการสู้คดี เด็ปป์เล่าว่า สาเหตุที่เลิกกันไม่ใช่เพราะเรื่องทำร้ายร่างกายอย่างที่แอมเบอร์กล่าวอ้างเลย แต่เป็นเพราะพฤติกรรมของฝ่ายหญิงเองก็สุดจะทนแล้วต่างหาก
3
ตัวอย่างเช่น ครั้งหนึ่งแอมเบอร์อุจจาระลงบนเตียงนอน ซึ่งฝั่งแอมเบอร์แก้ต่างว่า เป็นอุจจาระของหมาสองตัวที่เลี้ยงไว้ต่างหาก แต่แม่บ้านที่ทำความสะอาดในวันนั้น ยืนยันว่า มันคืออุจจาระของคน ไม่ใช่ของสัตว์แน่นอน และเมื่อไม่ใช่เด็ปป์ ก็ต้องเป็นแอมเบอร์อยู่แล้ว
4
11) เด็ปป์ยังเล่าว่า พอแต่งงานกันได้เดือนแรก ทั้ง 2 คนทะเลาะกันอย่างรุนแรงจากปัญหาเรื่องเอกสารก่อนจดทะเบียนสมรส ทำให้แอมเบอร์ขว้างขวดว็อดก้าขนาดใหญ่ใส่เขา ขวดแตกกระจายและเศษแก้วเฉือนนิ้วเขาจนขาด และกระดูกร้าวหลายจุด เด็ปป์ต้องเข้ารับการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง เพื่อต่อนิ้ว แต่ในครั้งนั้นที่เขาไม่บอกว่า แอมเบอร์เป็นคนทำ เพื่อปกป้องแอมเบอร์ที่เพิ่งแต่งงานกันได้แค่เดือนเดียว
6
12) รวมไปถึงในการสู้คดี มีคลิปเสียงที่ฝั่งทนายของเด็ปป์ใช้สู้คดี เป็นคำพูดของแอมเบอร์ที่ยืนยันว่าตัวเองเธอเอง ก็ทำร้ายเด็ปป์หลายครั้ง ทั้งขว้างปาข้าวของ ทั้งตบหน้า โดยในคลิปเสียงเด็ปป์บอกว่าไม่อยากให้ทะเลาะกันแบบใช้กำลังอีก
4
แต่แอมเบอร์กล่าวว่า เธอให้สัญญาไม่ได้หรอก อย่างไรก็ตาม แม้จะมีแนวโน้มว่า แอมเบอร์ใช้กำลังใส่เด็ปป์จริง แต่ศาลอังกฤษไม่ได้มีหน้าที่ตัดสินเรื่องคดีทำร้ายร่างกาย แต่กำลังตัดสินคดีหมิ่นประมาทอยู่ ว่าเดอะ ซัน สามารถใช้คำว่า Wife-Beater ได้หรือไม่ ในหน้าสื่อ
3
สุดท้ายศาลตัดสินให้เดอะ ซันชนะ โดยระบุว่าใน 14 เรื่องที่แอมเบอร์เล่า มีถึง 12 เรื่อง ที่มีแนวโน้มจะเป็นไปได้ ดังนั้นเดอะ ซัน จึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาท และสามารถใช้คำว่า Wife-Beater ได้ พร้อมทั้งให้เด็ปป์ จ่ายเงินค่าทนายให้เดอะ ซัน เป็นเงิน 628,000 ปอนด์ (27 ล้านบาท)
9
เมื่อเดอะ ซัน ชนะคดี เช้าวันรุ่งขึ้น หน้า 1 เต็มฉบับ เดอะ ซันจึงโจมตีใส่จอห์นนี่ เด็ปป์อย่างหนักทันทีว่า "เด็ปป์แพ้คดีหมิ่นประมาท และในเวลานี้ เราคอนเฟิร์มได้แล้วว่า เขาคือคนทำร้ายเมียตัวจริง"
4
13) หนึ่งคดีจบไปที่อังกฤษ แต่คดีที่เวอร์จิเนียยังอยู่ เมื่อเด็ปป์ยังคงฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ด ที่เธอไปเขียนบทความในวอชิงตันโพสต์ โดยเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพราะการกล่าวหาที่ไม่มีหลักฐานของเธอ ทำให้เขาเสียโอกาสทางการงานมากมาย อย่างไรก็ตามในคดีหมิ่นประมาท โจทก์จะเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่ก็ได้ แต่ศาลจะให้จ่ายหรือไม่ ก็อีกกรณีหนึ่ง
1
อย่างไรก็ตาม แอมเบอร์ เฮิร์ด ไม่ยอมง่ายๆ เธอชนะมาแล้ว 1 ศาลที่อังกฤษ ดังนั้นเธอจึงทำการ "ฟ้องกลับ" ที่ศาลเวอร์จิเนีย ว่าทนายของเด็ปป์หมิ่นประมาท ว่าเธอโกหกที่โดนทำร้ายร่างกาย จนฝั่งเธอก็เสียการเสียงานไปไม่น้อย โดยเรียกค่าเสียหาย 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
5
14) คดีที่เวอร์จิเนีย เริ่มต้นไต่สวน วันที่ 12 เมษายน 2022 ทนายความฝั่งเด็ปป์ โจมตีว่า แอมเบอร์ เอาเรื่องทำร้ายร่างกายออกมาเล่น เพราะต้องการจะมีชื่อเสียงมากขึ้นและเติบโตในอาชีพการงานไปไกลกว่านี้ และบทความในวอชิงตันโพสต์แม้จะไม่เอ่ยชื่อ แต่ใครๆ ก็รู้อยู่แล้วว่า คือจอห์นนี่ เด็ปป์ พร้อมทั้งโจมตีว่า แอมเบอร์ เฮิร์ด คือคนโกหก และใช้คำว่า Performance of her life (ตีบทแตกที่สุดในชีวิต)
9
แต่ทนายฝั่งแอมเบอร์ เฮิร์ด ก็ตอบโต้ว่า ก็เด็ปป์ทำร้ายร่างกายจริงๆ ตั้งหลายครั้ง และมีอาการติดแอลกอฮอล์ และ ติดยา ฝั่งทนายแอมเบอร์ใช้คำว่า "เขาทำให้แอมเบอร์อับอาย ตามหลอกหลอนเธอ และทำลายอาชีพของเธอ" และยืนยันว่า ที่เด็ปป์เสียการเสียงาน เป็นเพราะนิสัยติดการดื่มเหล้าและใช้ยาต่างหาก จนทำให้สตูดิโอสร้างหนังหมดความเชื่อถือ ไม่เกี่ยวกับบทความของแอมเบอร์ ที่วอชิงตันโพสต์
2
15) คดีในศาลที่สหรัฐฯ ใช้ระบบลูกขุน อธิบายคือ จะให้ประชาชนจำนวน 12 คน ทำการลงมติ เลือกว่าใครเป็นผู้ชนะคดี ดังนั้นทนายความของทั้งสองฝั่ง จึงต้องทำทุกวิถีทาง หาพยาน หลักฐานให้แน่นที่สุด เพื่อโน้มน้าวใจลูกขุนให้เอียงมาทางฝั่งตัวเองให้ได้
1
โดยการสืบคดี กินเวลา 6 สัปดาห์ พร้อมทั้งสืบพยานมากกว่า 60 ปาก และในที่สุด วันที่ 27 พฤษภาคม 2022 เป็นวันปิดคดี โดยทนายทั้ง 2 ฝ่ายจะออกมากล่าวปิดเป็นครั้งสุดท้าย (Closing arguments)
1
แถลงปิดของทีมกฎหมายฝั่งแอมเบอร์ ทนายความเบนจามิน ร็อตเทนบอร์น กล่าวว่า "ท่านลูกขุน ลองคิดดีๆ ถึงสิ่งที่คุณเด็ปป์กับทนายความของเขาพยายามจะส่งถึงแอมเบอร์และคนที่โดนทำร้ายร่างกายทุกคน ว่า 'ถ้าคุณไม่มีภาพว่าโดนทำร้าย สิ่งนั้นไม่เคยเกิดขึ้น' และ 'ถ้าคุณเจ็บตัวแต่ไม่ได้ไปหาหมอ นั่นแปลว่าคุณไม่ได้เจ็บตัวจริง' สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดของคุณเด็ปป์คือการโทษเหยื่อ (Victim Blaming)"
2
ส่วนแถลงปิด ของทีมกฎหมายฝั่งเด็ปป์ ทนายความคามิลล์ วาสเกวซ เธอพูดว่า "มีคนทำร้ายร่างกายอยู่ 1 คน ในศาลแห่งนี้ แต่มันไม่ใช่คุณเด็ปป์ และมีเหยื่อจากการโดนทำร้ายร่างกาย 1 คนในศาลนี้ และมันไม่ใช่คุณเฮิร์ด ที่ผ่านมาคุณเด็ปป์ถูกทำร้ายทางวาจา ทำร้ายร่างกาย และทำร้ายทางอารมณ์อย่างต่อเนื่อง
3
และในวันนี้เมื่อ 6 ปีก่อน วันที่ 27 พฤษภาคม 2016 มีปีศาจร้ายหนึ่งตัวในบ้านที่ออสเตรเลีย และนั่นไม่ใช่คุณเด็ปป์ แต่เป็นคุณเฮิร์ด เธอทำร้ายอย่างรุนแรง จนเกิดบาดแผลลึกในชีวิตของคุณเด็ปป์"
4
16) เมื่อสืบพยานทั้งหมด และแถลงปิดแล้ว จึงอยู่ที่ลูกขุนจะถูกตัดสินอย่างไร โดยกระแสในโลกออนไลน์ ตั้งแต่ก่อนขึ้นศาลแล้ว ดูจะเทไปทางจอห์นนี่ เด็ปป์อย่างมาก ตัวอย่างเช่น วีดีโอใน Tiktok ที่มีแท็กว่า #ความยุติธรรมให้แอมเบอร์เฮิร์ด มีคนดูวีดีโอทั้งสิ้น 21 ล้านครั้ง แต่แท็กที่เขียนว่า #ความยุติธรรมให้จอห์นนี่เด็ปป์ มีคนดูวีดีโอมากกว่า 5 พันล้านครั้ง
5
ขณะที่สื่อที่สหรัฐฯ ตีประเด็นว่า "เพศชายก็เป็นเหยื่อในการทำร้ายร่างกายได้เช่นกัน" โดยวอชิงตัน เอ็กซามีนเนอร์ เขียนบทความว่า "คดีของจอห์นนี่ เด็ปป์ จะมีส่วนสำคัญที่จะบอกสังคมว่า Male Victims มีอยู่จริง"
3
ส่วนนิตยสารเมล แม็กกาซีน กล่าวว่า ในปัจจุบันมีผู้หญิงร้ายๆ อยู่เยอะ ที่โกหกเรื่องการโดนข่มขืน หรือ พยายามหาทุกทางเพื่อกีดกันไม่ให้พ่อได้เจอกับลูก เมื่อมีคดีนี้ขึ้น จอห์นนี่ เด็ปป์จึงกลายเป็นฮีโร่ของนักสิทธิมนุษยชนฝ่ายชายเลยทีเดียว
8
17) บทสรุปจากคณะลูกขุน ตัดสินสองคดีแยกกัน โดยคดีที่จอห์นนี่ เด็ปป์ เรียกร้อง 50 ล้านดอลลาร์ ฝั่งลูกขุนมองว่า บทความของเฮิร์ดทำลายชื่อเสียงของเด็ปป์จนเสียการเสียงานจริง และสั่งให้แอมเบอร์จ่ายเงิน 15 ล้านดอลลาร์เป็นค่าเสียหาย แต่หักค่าใช้จ่ายทุกอย่างแล้ว แอมเบอร์ ต้องจ่ายทั้งหมด 10.35 ล้านดอลลาร์
3
ส่วนคดีที่แอมเบอร์ฟ้องเรียก 100 ล้านดอลลาร์ คณะลูกขุนชี้ว่า ทนายความคนหนึ่งของเด็ปป์ชื่อ อดัม วัลด์แมน ใส่ความแอมเบอร์จริง โดยกล่าวหาว่าตอนแอมเบอร์กับเด็ปป์ทะเลาะกัน ฝั่งแอมเบอร์เตี๊ยมกับเพื่อนก่อนโทรแจ้งตำรวจ ซึ่งไม่มีหลักฐานว่าแอมเบอร์ทำแบบนั้น ทำให้ฝั่งเด็ปป์ต้องจ่ายเงินให้ แอมเบอร์เป็นจำนวน 2 ล้านดอลลาร์ เป็นค่าหมิ่นประมาท
5
18) แอมเบอร์ เฮิร์ด ให้สัมภาษณ์หลังทราบผลการตัดสินว่า "ในวันนี้คำว่าผิดหวังยังน้อยเกินไป ฉันใจสลายเพราะแม้เราจะมีหลักฐานเป็นภูเขา แต่ก็ยังไม่พอที่จะต่อสู้กับอำนาจ และชื่อเสียงของอดีตสามีของฉัน และที่ผิดหวังมากกว่า คือการตัดสินครั้งนี้ มันมีผลกระทบต่อผู้หญิงคนอื่นแน่นอน มันคือการเดินถอยหลัง เหมือนกับว่าการทำร้ายร่างกายผู้หญิงจะไม่ถูกสังคมหยิบยกมาใส่ใจอย่างจริงจัง"
13
"ทนายความของจอห์นนี่ ประสบความสำเร็จที่ทำให้คณะลูกขุนมองข้ามหลักฐานทั้งหมด ทั้งๆ ที่เราชนะคดีที่สหราชอาณาจักรมาแล้วด้วยซ้ำ ฉันเสียใจที่แพ้คดีนี้ แต่เสียใจมากกว่าเพราะคิดว่า ความเป็นอเมริกัน สามารถพูดทุกอย่างได้อย่างอิสระ แต่จริงๆ ดูมันไม่ใช่แบบนั้น"
6
19) ขณะที่ฝั่งจอห์นนี่ เด็ปป์ กล่าวอย่างพอใจว่า "คำตัดสินของคณะลูกขุน ช่วยให้ผมได้รับชีวิตคืนกลับมา ตั้งแต่แรกสุด เป้าหมายของผมคือการเอาความจริงออกมาให้โลกรู้ โดยผมไม่สนว่าผลการตัดสินจะออกมาเป็นอย่างไรด้วยซ้ำ และตอนนี้ชีวิตบทใหม่ของผมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของผม คือต่อจากนี้ไปนี่ล่ะ"
4
"ผมรู้สึกถึงความสงบสุขเมื่อได้รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดมันจบลงเสียที"
3
20) สำหรับสถานการณ์ต่อจากนี้ ฝั่งแอมเบอร์สามารถอุทธรณ์ได้ แต่สื่อที่สหรัฐฯ เชื่อว่า เธอจะไม่อุทธรณ์ เพราะโมเมนตั้มของสังคมเทไปทางจอห์นนี่ เด็ปป์แล้ว ดังนั้นคงยากที่เธอจะพลิกสถานการณ์ได้ ในขณะที่ตัวเงิน 10.35 ล้านดอลลาร์ ทางฝั่งจอห์นนี่ เด็ปป์ สามารถ "ไม่รับเงิน" ได้ ซึ่งก็มีโอกาสจะเป็นแบบนั้น เพราะเป้าหมายของเด็ปป์ อาจเป็นแค่ "การชนะคดี" เฉยๆ
4
บทสรุปของมหากาพย์ เด็ปป์-เฮิร์ด ที่สั่นสะเทือนวงการบันเทิงโลกก็จบลงตรงนี้ โดยจอห์นนี่ เด็ปป์ แพ้คดีที่ศาลอังกฤษ แต่เขาพลิกสถานการณ์กลับมาชนะคดีที่ศาลสหรัฐฯ ซึ่งเมื่อผลการตัดสินเป็นแบบนี้ ก็เชื่อว่า โอกาสและหน้าที่การงาน รวมถึงบทบาทในภาพยนตร์ที่สูญเสียไปของเด็ปป์ น่าจะกลับคืนมาอีกครั้ง ในระยะเวลาอันใกล้นี้
 
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
7
ติดตามรายการของ workpointTODAY
ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK
ไม่พลาดข่าวธุรกิจ การตลาดที่สำคัญ
ติดตาม TODAY Bizview https://bit.ly/3picIeS
1
โฆษณา