ตลาดหุ้นสหรัฐแดงเถือก
หลังเงินเฟ้อ พ.ค.พุ่งสูงกว่าคาด
เมื่อวันศุกร์ (10 มิ.ย.)กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้น 8.6 % เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และสูงสุดนับแต่ปี 1981 ปัจจัยสำคัญมากจากราคาสินค้าหมวดอาหารและพลังงานเพิ่มขึ้นสูงมากกว่า 10 % และ 34 % ตามลำดับ หากไม่รวมเงินเฟ้อจากราคาอาหารและพลังงาน อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 6 %
ก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 8.3 % และเงินเฟ้อพื้นฐานที่ 5.9%
นักลงทุนเทขายหุ้นอย่างหนักทันทีหลังทราบรายงานเงินเฟ้อ ทำให้ ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ร่วงลง 758 จุด หรือ 2.4 % ดัชนี S&P 500 ร่วง 2.7 % และ ดัชนีหุ้นเทคแนสแด็ก Nasdaq Composite ร่วงลง 2.4 %
นักลงทุนเทขายหุ้นในหลายกลุ่ม หุ้น Apple ร่วง 2.9 % หุ้น Microsoft ลดลงมากกว่า 3 % เป็นการส่งสัญญาณว่า หุ้นจะปิดติดลบอีกสัปดาห์ ทั้งนี้ ก่อนการซื้อขายวันศุกร์ Dow Jones ลดลงแล้ว 1.9 % ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะเป็นการร่วงลงเป็นสัปดาห์ที่ 10 ใน 11 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ในขณะที่ S& P 500 และ Nasdaq Composite ลดลงมากกว่า 2 % ซึ่งอาจจะนำไปสู่การลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 9 ในรอบ 10 สัปดาห์ หลังสิ้นสุดวันการซื้อขายวันนี้
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีซึ่งมีความอ่อนไหวต่อการขี้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด พุ่งขึ้นเหนือ 2.9 % ในวันศุกร์
หุ้นเทคโนโลยีตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องเฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย และความเสี่ยงเรื่องเศรษฐกิจหดตัว หุ้นของ Netflix ร่วงลงเกือบ 5 % หลังจากถูก โกลด์แมน แซคส์ แนะนำให้นักลงทุนขายออก และหุ้นของ Nvidia ยักษ์ผลิตชิป ลดลง 4 %
หุ้นธนาคารและ หุ้นที่ขึ้นลงตามวัฎจักร ก็ร่วงลงเช่นกัน ซึ่งคาดว่า อาจจะเป็นเพราะนักลงทุนวิตกความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอย โดยหุ้นของธนาคาร Wells Fargo ร่วง 4 % และ Boeing ผู้ผลิตเครื่องบิน ร่วง 3.6 %
ในการเทรดวันพฤหัสบดี S&P 500 และ Nasdaq Composite ต่างก็ร่วงลงมากกว่า 2 %
CNBC รายงานว่า นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเบื้องต้นในเดือนมิถุนายนก็ลดลงต่ำเป็นประวัติการณ์ จึงยิ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลมากขี้นเกี่ยวกับโอกาสเกิดภาวะเศรษฐกิจหดตัว
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคนี้จัดทำโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน
#เงินเฟ้อ #หุ้นสหรัฐ
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
