11 มิ.ย. 2022 เวลา 10:58 • หนังสือ
"เลิกขี้เกียจซะที !"
หยุดผัดวันประกันพรุ่งแล้วจะเป็นเจ้านายชีวิตที่ดีกว่าเดิม ☑️
หนังสือเล่มนี้จะเป็นกุญแจไขสารพัดปัญหา เช่นว่า
🙋 จิตใจว้าวุ่นอยู่ตลอด ไม่มีสมาธิทำสิ่งใดได้นานๆ
🙋 สูญเสียความตั้งใจที่จะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ
🙋 ทำอะไรแต่ละอย่าง ก็ไม่ได้ดั่งใจสักที
🙋 ขี้เกียจขึ้นมาดื้อ ๆ โดยไม่รู้สาเหตุ
🙋 ไม่อยากทำเรื่องเดิมซ้ำ ๆ
🙋 อยู่ ๆ ก็เกิดอาการหมดไฟขึ้นมา
🙋 balance ชีวิตไม่เป็น
และอีกหลายข้อ
เลิกขี้เกียจซะที
"พูดง่าย ทำไม่ยาก ชีวิตดีขึ้นจริงนะ"
นี่คือคำโปรยที่ปกหน้าของหนังสือเล่มนี้ ที่ชวนให้คิดต่อไปว่า เนื้อหาข้างในเล่มนี้ต้องมีความลับบางอย่างที่สามารถช่วยลากคนขี้เกียจอย่างดิฉันขึ้นมาได้บ้างแหละ
ถ้าอย่างนั้นจะมัวรออะไร ซื้อค่ะ !
1
ขึ้นชื่อว่าคนขึ้เกียจนะคะ ซื้อหนังสือมาแล้วก็ขี้เกียจอ่าน🤣🤣🤣
3
ตอนแรกที่คิดคือ อ่านยากแน่ ๆ เลย มีแต่ตัวหนังสือ
แต่ไม่เป็นไร เก็บไว้ให้ลูกอ่านก็ได้ 😜
3
เล่มนี้ซื้อมาดองครึ่งปีแล้ว คงต้องอ่านเถอะ 🔥
หยิบมาอ่านเพราะจะเขียนรีวิวนี่แหละค่ะ พอคิดว่าจะรีวิวเล่มไหนก่อนดี ความขยันก็ผุดขึ้นมา 🙏
3
เลิกขี้เกียจซะที
ทำยังไงถึงจะเลิกขี้เกียจซะที
ในหนังสือเล่มนี้มีคำตอบค่ะ 🎉
1
"เลิกขี้เกียจซะที"
คำนี้หลายคนอาจเคยได้ยินคุณแม่ หรือผู้ใหญ่ในบ้านบ่นให้บ่อย ๆ ใครเคยได้ยินคำนี้มาบ้าง ยกมือค่ะ 💃🏾
1
แม้แต่คนที่บอกให้คนอื่น เลิกขี้เกียจเขาก็ได้แต่บ่น ส่วนน้อยมาก ที่จะบอกวิธีว่าให้ทำอย่างนั้นนะ อย่างนี้นะ เพื่อแก้ความขี้เกียจ
หรือแม้แต่ตัวคนที่โดนบ่นให้บ่อย ๆ ก็จะฟังผ่าน ๆ ไม่ได้สนใจถามกลับด้วยซ้ำ ว่า "แล้วจะให้ทำอย่างไรถึงจะเลิกขี้เกียจซะที บอกวิธีหนูหน่อยสิครับ,คะ"
ความขี้เกียจช่างซับซ้อนนัก !
1
ปัญหาความขี้เกียจ ไม่ใช่เรื่องที่แก้ไขกันได้ง่าย ๆ
และข่าวดีคือ แก้ได้ค่ะ ทำไม่ยากหรอก คุณอย่าเชื่อดิฉันนะคะ เพราะดิฉันเป็นใครก็ไม่รู้ ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
1
เลิกขี้เกียจซะที
หนังสือเล่มนี้เชื่อถือได้ไหม ไปดูโปรไฟล์ของท่านผู้เขียนกันก่อนว่าท่านเป็นใคร
"เลิกขี้เกียจซะที" หนังสือเล่มนี้ได้รับรางวัลหนังสือน่าอ่านแห่งปี โดยรัฐบาลเกาหลี
ขึ้นเป็น Best Seller
ฉบับที่ดิฉันอ่านอยู่นี้พิมพ์ครั้งที่ 10
2
ผู้เขียน : Choi Myeoung-gi (ชเว มยองกี)
ท่านเป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัย Cheongdam Harvard Psychology Center
ผู้อำนวยการ ชเว มยองกี
แพทย์เฉพาะทางด้านการบริหารจัดการจิตใจ
จบการศึกษาปริญญาตรี ภาควิชาแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยจุงอัง
สำเร็จการศึกษาปริญญาโท ในหลักสูตรการบริหาร มหาวิทยาลัย Duke สหรัฐอเมริกา และเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านจิตใจที่ Asan Medical Center
เขาเคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับการรักษาจิตใจให้กับคนรุ่นใหม่ เช่น Psychological Therapy และ Trauma Therapy
ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัย
1
แปลโดย : วสุชา เขมการโกศล
ราคา 169 บาท
จำนวน 168 หน้า
แนวพัฒนาตนเอง
สำนักพิมพ์ เชนจ์พลัส
ใช้กระดาษแบบถนอมสายตา
1
ปล. ทดลองอ่านสแกนคิวอาร์โค้ดที่ปกหน้านะคะ🎉
1
เลิกขี้เกียจซะที
ในหนังสือเล่มนี้ คุณหมอจะพาเราไปรู้จักตั้งแต่ ต้นตอของความขี้เกียจว่ามาจากไหน เพื่อจะได้กำจัดสาเหตุหลักของโรคนี้
ความขี้เกียจคือโรคร้าย
ใครสักคน
เช่นในกรณีของเด็กวัยรุ่น มัธยมต้น ที่คุณหมอเคยรักษา และทำการทดสอบทางจิตวิทยา
จะมีกรณีที่ระดับความโกรธ ความซึมเศร้า ความวิตกกังวลเพิ่มขึ้นอยู่มาก
ซึ่งเป็นเพราะการลงโทษ การอบรมสั่งสอนที่มากเกินไป และสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเมื่อพูดถึงความขี้เกียจก็คือ "จิตใจ นิสัย ความรู้สึก !"
นั่นคือสิ่งที่ได้จากการทดสอบทางจิตวิทยา
เลิกขี้เกียจซะที
และยังมีลึกกว่านั้น คือบุคลิกภาพหรือนิสัยบางอย่างของมนุษย์เป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด และก็เป็นทฤษฎีที่ได้รับการยอมรับในปัจจุบัน
การอธิบายบุคลิกภาพของมนุษย์มี 5 ลักษณะ
👉 บุคลิกภาพแบบแสดงตัว (Extraversion )
👉 บุคลิกภาพแบบหวั่นไหว (Neuroticism)
👉 บุคลิกภาพแบบมีจิตสำนึก (Conscientiousness)
👉 บุคลิกภาพแบบประนีประนอม (Agreeableness)
👉 บุคลิกภาพแบบเปิดรับประสบการณ์ (Openness)
เรียกว่า "Big Five"
ซึ่งคุณหมอจะอธิบาย พาคนอ่านเข้าไปเจาะลึก ในรายละเอียดของความขี้เกียจ แบบเข้มข้นถึงระดับเซลล์ ขุดรากถอนโคนกันเลยทีเดียว
บางหัวข้อ ดิฉันอ่านแล้วก็สะดุ้งเหมือนกันค่ะ ว่า คุณหมอรู้ได้ยังไงว่าดิฉันมีนิสัยแบบนี้ 🤣
🙋 ตัวอย่างของการรวมตัวกันของทั้ง 5 ลักษณะ เช่น
เมื่อนำข้อ 2 บวกกับข้อ 3 จะเป็นคนยังไงนะ ?
☑️ คนขี้เกียจมักจะมีแนวโน้มของค่า บุคลิกภาพแบบมีจิตสำนึกต่ำ แต่มีค่าบุคลิกภาพแบบหวั่นไหวสูงหรือไม่ก็ต่ำจนเกินไปด้วยนั่นเอง !
เมื่ออ่าน ทำความเข้าใจ ยอมรับ หาวิธีแก้ไขตามที่ท่านแนะนำแล้ว คุณจะกลายเป็นคุณคนใหม่แน่นอน
เลิกขี้เกียจซะที
มีข้อความประโยคหนึ่งที่ดิฉันอ่านแล้ว ทำให้คิดไปถึง คำถามที่เพื่อน ๆ ในบีดีมักจะนำมาถามกันบ่อย ๆ
เรื่อง "การหาตัวตน"
1
ดูเหมือนว่าคนรุ่นใหม่สนใจ และอยากรู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองกันมากขึ้น
ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่ยังคงงงและสับสนในวิธีการกันอยู่ใช่ไหมคะ
คำตอบก็ถูกซ่อนนอนก้นรออยู่ในคำว่า "ขี้เกียจ" นี้แหละค่ะ
แปลไทยเป็นไทย ก็น่าจะใช้คำว่า "อยากรู้อะไร ให้ลงมือทำ" 🔥
คุณหมอบอกว่าความขี้เกียจที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดนั้น เป็นนิสัยที่เปลี่ยนแปลงได้ยากมาก และในบางคนก็อาจเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลยก็มี
*ตรงส่วนนี้คุณหมออธิบายเพิ่มเติมเป็นภาษาเฉพาะ มีเรื่องของงานวิจัย จิตวิทยา เรื่องของระบบสมอง เส้นประสาท*
The key
ในหนังสือจะแบ่งเป็น 3 บทใหญ่ ๆ และแตกหัวข้อย่อยออกมาเพื่ออธิบายถึงสาเหตุของแต่ละปัญหา ที่มาที่ไปของอาการต่าง ๆ และวิธีการบอกลาความขี้เกียจในทุกข้อ
บทที่ 1 ปัญหาคืออารมณ์ 😭
ปัญหาทางอารมณ์มีอะไรบ้าง ในบทนี้มี 10 ข้อ
👉ความกังวล
👉สูญเสียความตั้งใจ
👉ความโกรธ
👉ความอ่อนไหว
👉ความเหงา
👉ความไม่พอใจ
👉ขาดแรงจูงใจ
👉ป้องกันตนเอง
👉ควบคุมตัวเองไม่ได้
👉 ลองคิดให้มากขึ้น :
คุณหมอบอกว่า "ที่คุณเป็นแบบนั้น ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ"
(ถึงตรงนี้คนขี้เกียจเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาแล้วใช่ไหมคะ)
พออ่านมาถึงหัวข้อ ลองคิดให้มากขึ้น แล้วรู้สึกว่า "อ๋อ เป็นอย่างนี้นี่เอง"
คือทุกอย่างมีที่มาที่ไป และไม่ใช่ทั้งหมด เช่น
- ความขี้เกียจอาจเกิดจากผลข้างเคียงของยา
- ปัญหาสุขภาพภายในอวัยวะบางส่วนของร่างกาย เช่น ไต
- การเสพติด ไม่เฉพาะแค่สารเสพติด แต่รวมถึงการติดเกมด้วย
- โรคซึมเศร้า
- โรคกลัวสังคม
- โรคสมาธิสั้น
The idea
บทที่ 2 ว่าด้วยการกำจัดสิ่งกีดขวางที่สกัดกั้นกำลังใจ
ในบทนี้มี 8 ข้อ
👉วันที่แสนน่าเบื่อทั้งหลาย
👉คนที่ขัดขวาง
👉นิสัยวู่วาม
👉นิสัยชอบโทษคนอื่น
👉อุปสรรคที่เลือกเอง
👉ความดื้อดึงที่รุนแรง
👉การไม่เอาการเอางานหลังบรรลุเป้าหมาย
👉และในบทส่งท้ายก็เช่นเดิมค่ะ คุณหมอจะมีข้อความชวนคิด พร้อมคำแนะนำดี ๆ ในหัวข้อ
ลองคิดให้มากขึ้น :
"การนอนนั้นดีที่สุดแล้ว"
(เอ๊ะ ยังไง ต้องอ่านแล้วนะ)
1
วางแผน
และข่าวดีคือ นิสัยขี้เกียจแก้ไขได้ 🎉🎉🎉
ในบทที่ 3 จากคนขี้เกียจโดยกำเนิด กลายเป็นคนขยันในภายหลัง
👉เลิกมาสาย
👉จงจัดการชีวิตในแต่ละวันด้วยตัวเอง
👉อย่าให้ social ดึงเวลาเราไป
👉เปลี่ยนบรรยากาศใหม่ ๆ
👉ขจัดความไร้ประสิทธิภาพไปเสีย
👉เริ่มและจบมันซะ
ลองคิดให้มากขึ้น : "การฟื้นฟูความสามารถของตนเอง"
อัลเบิร์ต บันดูรา (Albert Bandura) นักวิชาการทางจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้กล่าวไว้ว่า
"การที่คนเราทำสิ่งใดอยู่และการรู้สึกว่าทำได้ดี นั้นเรียกว่า 'การรับรู้ความสามารถของตนเอง'
ยิ่งการรับรู้ความสามารถของตนเองสูงขึ้นเท่าไร ก็จะละทิ้งความขี้เกียจได้มากขึ้นเท่านั้น
และอีกด้านหนึ่งการหาเป้าหมายที่ช่วยเพิ่มการรับรู้ความสามารถของตนเองได้มากขึ้นก็เป็นกุญแจในการหลุดพ้นจากความขี้เกียจได้ด้วย"
เป้าหมาย
สรุป
หากจะแก้ไขความขี้เกียจต้องวิเคราะห์หาสาเหตุ
✍️ คุณต้องรู้ปัญหาทางด้านอารมณ์ของตัวเองก่อน
✍️ ตรวจสอบว่าปัญหานั้นส่งผลต่อความขี้เกียจมากแค่ไหน
✍️ เมื่อจัดการปัญหาทางอารมณ์ได้ ต่อไปก็กำจัดอุปสรรคต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดความขี้เกียจ
✍️ ทำความเข้าใจกับอุปสรรคต่าง ๆ และแก้ไขไปทีละอย่าง
✍️ สร้างนิสัยที่แท้จริงขึ้นมา
เริ่มจาก
1 บันทึกชีวิตประจำวัน
2 พิจารณาแต่ละอย่าง
3 พร้อมให้คะแนนตัวเอง
นี่คือขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะพาคุณก้าวสู่การหาวิธีเพื่อเป็นคนที่ดีกว่าเดิม
✍️ ขั้นสุดท้าย ฟื้นฟูภาวะผู้นำของชีวิตตนเองกลับคืนมา และเป็นไปในแบบที่ตัวเองต้องการให้ได้
📚📚📚📚
สำเร็จ
เป็นหนังสือจิตวิทยา แนวพัฒนาตัวเองอีกเล่ม ที่อ่านสนุกมากค่ะ จากตอนแรกที่คิดว่าคงอ่านยาก ที่ไหนได้ อ่านแล้วไม่อยากวางเลย
สาระความรู้แน่น ใช้งานได้จริง และทันที
ยกตัวอย่าง วิธีบอกลาความขี้เกียจ : ในหัวข้อ "ความโกรธ"
1 ถ้าไม่สามารถทำงานที่ใครคนหนึ่งสั่งให้ทำสำเร็จได้ ลองพิจารณาดูว่า โกรธแค้นอะไรคนนั้นหรือเปล่า ลองทำความเข้าใจถึงสาเหตุของความโกรธนี้ อยู่ที่ตัวคนนั้น หรือนำความโกรธจากคนอื่นมา แล้วพาลโกรธถึงคนนี้ด้วย
2 ถ้ารู้สาเหตุของความโกรธจริง ๆ แล้ว ก็ลองทำตัวเป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเขาคนนั้นดู ทำเรื่องต่าง ๆ ที่พอจะทำให้เขาไม่พอใจ และคลายความเครียดไปด้วยในตัว เพื่อเรียกความรู้สึกผิดต่อเขาคนนั้นออกมา
3 ถ้าหากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ลองเขียนจดหมายถึงเขาดูสิเผยความในใจออกมาให้หมด จะก่นด่า หรือโมโหก็ได้ แล้วนำจดหมายนั้นไปเผา หรือฉีกทิ้ง จะทำให้รู้สึกว่าความโกรธที่มีลดลงไปบ้าง
(ทุกหัวข้อจะมีวิธีบอกลาความขี้เกียจในท้ายบท)
อ่านแล้วต้องแชร์ค่ะหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าตัวเราจะอ่านจบหรือไม่ ทำได้ตามหนังสือครบทุกข้อหรือเปล่า แต่เรื่องราวดี ๆ แบบนี้ต้องแชร์ ไว้ก่อน
1
เขียนแล้วก็ติดลม ใส่ความคิดเห็นตัวเองไปเยอะเลย จะเข้าข่ายอวยไหมนะ🤣
เอาเป็นว่า โอกาสหน้าจะทยอยนำหัวข้ออื่น ๆ มาเขียนขยายเป็นบทความนะคะ
ยิ่งราคาคือ คุ้มเกินคุ้ม หนังสือดี มีคุณค่าและคุณภาพขนาดนี้ ราคาแค่ 169 บาท
เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจ สนใจพัฒนาตนเอง ให้ดีขึ้น
1
ช่วยเสริมให้เข้าใจตัวเอง เข้าใจผู้อื่น
ยิ่งหนุ่มสาวที่อยู่ในวัยทำงาน อาการเหนื่อย ล้า ท้อ หมดไฟ ไร้ก็กำลังใจ ไร้แรงขับเคลื่อน เหงา เศร้า เครียด วิตก กังวลต่าง ๆ ในหนังสือนี้ เล่มเดียว คือตอบโจทย์ ☑️
เหมาะกับการซื้อให้เป็นของขวัญในองค์กร
หรือจะบริจาคให้ตามห้องสมุด แหล่งชุมชนต่าง ๆ ก็ดีเช่นกัน
ขอบคุณค่ะ
ผู้สังเกตการณ์
เจ้านายคะ ขี้เกียจจนเป็นแมวแล้วนะคะ
โฆษณา