15 มิ.ย. 2022 เวลา 08:28 • ธุรกิจ
“ร้านสะดวกซัก เพื่อคนไร้บ้าน”​ ตัวอย่างของ social enterprise ที่พิสูจน์แล้วว่า ทำธุรกิจและทำเพื่อสังคมได้ในเวลาเดียวกัน
เย็นต่อค่ำวันพุธที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา หากใครเดินทางผ่านบริเวณท้องสนามหลวง ตรงพื้นที่ด้านหลังศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผม จะพบเห็นกิจกรรมที่คนไร้บ้านจำนวนกว่า 200 คน นำเสื้อผ้ามาซักที่เครื่องซักผ้าแบบหยอดเหรียญที่ตั้งเรียงรายอยู่บนรถกระบะพ่วงที่มองเผิน ๆ เหมือน Food Truck แต่ไม่มีอาหาร มีแต่เครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และห้องอาบน้ำ แต่เป็น Laundry Move ของบริษัท ชูมณี จำกัด (Chu Manee)
กิจกรรมนี้เกิดจากความต้องการของ คิม-กวิน นิทัศนจารุกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค-เน็กซ์ คอร์ปอเรชั่น ผู้บริหารของแฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry ที่อยากทำธุรกิจแล้วช่วยเหลือสังคมได้ด้วย จึงคิดรูปแบบโครงการที่สามารถช่วยเหลือสังคมได้ด้วยการใช้ทรัพยากรและความเชี่ยวชาญที่มีเพื่อสร้างคุณค่าให้กับผู้อื่น และพบว่าเขาสามารถนำเครื่องซักผ้าซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทนำมาให้บริการทางสังคมได้
เขาตั้งบริษัท ชูมณี จำกัด ขึ้นมาเพื่อทำกิจกรรมเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด social enterprise ซึ่งก่อนหน้านี้ชูมณีเคยทำโครงการทำธุรกิจเพื่อสังคมด้วยการจ้างผู้สูงอายุมาให้บริการช่วยซักที่ร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry ร้านละ 1 คน ปัจจุบันมีการจ้างงานผู้สุงอายุรวมแล้ว 11 คนใน 11 สาขา
เขากล่าวกับ The Story Thailand ว่า เขาเชื่อเสมอว่าการทำธุรกิจและการเกื้อกูลสังคมสามารถไปได้ในเวลาเดียวกัน ที่ผ่านมาเขาคิดหลายวิธีที่จะทำให้ความต้องการช่วยเหลือสังคมและการทำธุรกิจไปด้วยกันได้ จึงเกิดเป็นโครงการ CSR โครงการแรก ที่จ้างผู้สูงอายุในพื้นที่มาช่วยให้บริการที่ร้านสะดวกซัก
“เรารับผู้สูงอายุผู้หญิง 55 ปีขึ้นไป บ้านอยู่ใกล้สาขาของร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry ประมาณว่าเดินมาทำงานได้ รับเข้าทำงานมีเงินเดือน 12,000 บาท มีสวัสดิการประกันสังคมให้ ปัจจุบันมี 11 คนประจำ 11 สาขา ในอนาคตจะเพิ่มจำนวนอีก”
1
ช่วงโควิดที่ผ่านมาได้มอบเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าให้กับกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อนำไปให้คนไร้บ้านที่บริเวณดินแดงได้ใช้ซักและอบผ้า
จากจุดนั้นทำให้เขาเกิดความคิดว่าอยากจะขยายผลให้กับคนไร้บ้านที่อื่น ๆ จึงติดต่อไปที่มูลนิธิกระจกเงา และได้พบว่าปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งของคนไร้บ้านจำนวนหลายพันคนในกรุงเทพมหานคร คือ การซักเสื้อผ้าและการอาบน้ำ จึงเกิดความคิดที่อยากจะนำเครื่องซักผ้าและห้องอาบน้ำไปให้บริการฟรีแก่คนไร้บ้าน
“การมีสุขอนามัยที่ดีเป็นปัญหาของคนไร้บ้าน คนไร้บ้านอาบน้ำ 2 ครั้งต่อวัน พวกเขาอาบน้ำและซักผ้าพร้อมกันในคลอง เมื่อไร้บ้าน จึงไม่มีที่ตากผ้า เขาตากผ้าบนตัวเอง คือ ใส่จนเสื้อผ้าแห้งคาตัว เราจึงคิดว่าหากเรามีเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้าไปให้บริการน่าจะช่วยลดปัญหาเรื่องสุขอนามัยได้”​
จากความคิดแปลงเป็นบริการจริงร้านสะดวกซักของ OTTERI สาขาหัวลำโพงที่เปิดให้คนไร้บ้านสามารถนำเสื้อผ้ามาซักและอบแห้งได้ฟรี แต่ทำไปได้ไม่นานเกิดการระบาดหนักของโควิดและเกิดการล็อกดาวน์ ทำให้หยุดบริการนั้น
บริการหยุดแต่ความต้องการที่จะช่วยคนไร้บ้านไม่หยุด เขาเอาข้อจำกัดมาแปลงเป็นโอกาส จากเดิมที่คนไร้บ้านต้องเดินทางมาหาเครื่องซักและอบผ้า คนคิดกลับทาง นำเครื่องซักและอบผ้าไปหาคนไร้บ้าน ตามสถานที่ต่าง ๆ เขาแปลงความคิดนี้ออกมาเป็นรถซักผ้าเคลื่อนที่ โดยใช้แนวคิดเดียวกับ Food Truck
1
“เราติดต่อคุณวินิจ ลิ่มเจริญ CEO & Founder บริษัท วี เชฟ ประเทศไทย จำกัด เพื่อออกแบบร่วมกัน เราอยากได้รถที่มีเครื่องซักผ้า เครื่องอบผ้า และห้องอาบน้ำในคันเดียวกัน เพื่อนำไปให้บริการแก่คนไร้บ้านตามสถานที่ต่าง ๆ”​
ใช้เวลาราว 3-4 เดือนในการออกแบบและผลิต ในที่สุดก็ออกมาเป็นรถกระบะพ่วง ที่มีเครื่องซักผ้าขนาด 10 กิโลกรัม 4 เครื่อง เครื่องอบผ้าขนาด 10 กิโลกรัม 4 เครื่อง ห้องอาบน้ำขนาด 1×1 เมตร 1 ห้อง บนตัวรถมีแท้งค์น้ำในรถ และมีระบบบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยทิ้ง มูลค่ารถรวมอุปกรณ์ตก 1.5 ล้านบาท
และแล้วรกคันนี้ก็ได้ออกปฏิบัติหน้าที่จริงเมื่อค่ำวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อให้บริการแก่คนไร้บ้านที่บริเวณสนามหลวง มีคนไร้บ้านเดินเข้ามาร่วมกิจ​กรรม​กว่า 200 คน
กวิน บอกว่า เขาจะขยายผลต่อไปในอนาคตในหลายรูปแบบ ทั้งรูปแบบของการทำรถเครื่องซักผ้าอบผ้าและอาบน้ำเคลื่อนที่ หรือรูปแบบของการสร้างสาขาเป็นคล้ายกับ shelter center ที่ให้บริการซักผ้าอบผ้าและอาบน้ำฟรีแก่คนไร้บ้าน ในขณะที่เปิดโอกาสให้คนที่อยากร่วมสนับสนุนสามารถสนับสนุนได้ด้วยการมมาใช้บริการ Otteri Wash & Dry รวมถึงจะขยายผลไปต่างจังหวัด
“คนใจบุญ แทนที่จะบริจาคเงิน แค่เอาผ้ามาซักก็พอ มาใช้บริการ Otteri Wash & Dry ก็ได้ช่วยเหลือคนไร้บ้านให้มีสุขอนามัยที่ดีขึ้นจากการใส่เสื้อผ้าที่ซักแบบแห้งสะอาดและได้อาบน้ำที่สะอาด”
เขาทำสำเร็จแล้ว 1 ที่ ที่จังหวัดหนองคาย เขาลงระบบ Otteri Wash & Dry ให้กับมูลนิธิมหาไถ่ จังหวัดหนองคาย ประกอบด้วยเครื่องซักผ้าและเครื่องอบผ้ารวมกันทั้งหมด 13 เครื่อง มูลค่า 2.5 ล้านบาท เพื่อสร้างเป็นร้านสะดวกซัก Otteri Wash & Dry ไม่คิดค่าบริการและค่าแฟรนไชส์ใดใด โดยให้มูลนิธิมหาไถ่ จังหวัดหหนองคายบริหาร และนำรายได้มาให้บริการฟรีแก่คนไร้บ้าน
เขาตั้งใจที่จะขยายผลต่อไปในอนาคต ……​
โฆษณา