20 มิ.ย. 2022 เวลา 04:03 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รวมบทวิเคราะห์หุ้น SABINA ผ่านมุมมอง 4 โบรกเกอร์
หลังจาก SABINA ประกาศผลการดำเนินงานสิ้นสุดไตรมาสแรก (มกราคมถึงมีนาคม) ปี 2565 เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่า ฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ 4 แห่ง ประกอบด้วย
บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน (Nomura) บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) (Yuanta) บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ (Tisco) และบริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด (Kingsford) ได้จัดทำบทวิเคราะห์หุ้น SABINA เพื่อเผยแพร่ให้นักลงทุนและผู้สนใจสำหรับใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ แต่ละแห่งมีมุมมองอย่างไร วันนี้เรารวบรวมบทวิเคราะห์จากทั้ง 4 บริษัทหลักทรัพย์มานำเสนอ ดังนี้
บริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน ออกบทวิเคราะห์หุ้น SABINA เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2565 โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” (BUY) โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 26 บาท (จากราคา ณ วันที่เผยแพร่บทวิเคราะห์ อยู่ที่ 22.50 บาท มี Upside 15.6%)
ในบทวิเคราะห์ดังกล่าวระบุว่า คาดการณ์ว่า SABINA จะมีกำไรปี 2565 เติบโต 24% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และเติบโตทุกไตรมาสเมื่อเทียบกับปีก่อนทุกงวด โดยมุมมองในปี 2565 คาดว่า ทั้งรายได้และอัตรากำไรยังขยายตัว โดยรายได้เพิ่มขึ้น 14% จากปีก่อน (เป้าหมายของบริษัทเติบโต 20%) โดยเป็นการเติบโตของช่องทาง NSR 29% ช่องทางสาขา 12% OEM และ Export 10% จากการใช้จ่ายที่ดีขึ้น
โดยออเดอร์ OEM มีคำสั่งซื้อถึงเดือนตุลาคมแล้ว และอัตรากำไรดีขึ้นตามการคุมต้นทุนอย่างเข้มข้น ขณะที่ภาวะต้นทุนที่สูงขึ้นยังบริหารจัดการได้ โดยระยะสั้น รายได้เดือนเมษายนยังเติบโตแบบ 2 หลัก (Double digit) เบื้องต้นมองกำไรไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ใกล้เคียงกับไตรมาสแรกที่ 100 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 60% จากปีก่อน)
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์หุ้น SABINA เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” (BUY) โดยให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนไว้ที่ 29.75 บาท (จากราคา ณ วันที่เผยแพร่บทวิเคราะห์อยู่ที่ 22.80 บาท มี Upside 30.5%)
ในบทวิเคราะห์ระบุว่า เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ SABINA แม้ว่าอาจจะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์อยู่บ้าง แต่ด้วยยอดขายที่ยังเติบโตได้ทุกตลาด และอำนาจต่อรองกับ Supplier จากการเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ทำให้ได้รับผลกระทบจำกัด
คาดเบื้องต้นกำไรสุทธิไตรมาสที่ 2 ปี 2565 จะยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 100-105 ล้านบาทได้ ซึ่งจะยังเติบโตสูงเมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) ส่วนปี 2565 ยังคงประมาณการกำไรที่ 391 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.2% จากปีก่อน (YoY)
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ ออกบทวิเคราะห์หุ้น SABINA เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2565 โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” (BUY) โดยให้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนไว้ที่ 26 บาท (จากราคา ณ วันที่เผยแพร่บทวิเคราะห์อยู่ที่ 22.80 บาท มี Upside 16%)
ทิสโก้ ระบุว่า ยังคงคำแนะนำให้ “ซื้อ” จาก 1.SABINA รายงานกำไรสุทธิ 1Q22 เป็นไปตามคาดไว้ด้วยการเติบโตปีต่อปี (YoY) ไตรมาสต่อไตรมาส (QoQ) และคาดจะเห็นผลการดำเนินงานที่ดี YoY, QoQ ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จากการเข้าสู่การเปิดเมือง การเปิดภาคเรียนที่จะช่วยหนุนความต้องการสินค้า
นอกจากนี้ 2.ความสามารถในการทำกำไรยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยในไตรมาสแรกปี 2565 อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 14% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าก่อนโควิด 3.ปัจจุบัน SABINA ซื้อขายอยู่ที่พีอี เรโช (PER) 20 เท่า และ SABINA ยังเป็นหุ้นที่มีการปันผลสูงต่อเนื่องด้วย Payout Ratio 100% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 5% ต่อปี ดังนั้น ด้วยการฟื้นตัวที่รวดเร็วและคาดว่าจะต่อเนื่องอย่างมั่นคง เราแนะนำ “ซื้อ”
ปิดท้ายที่ บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด ออกบทวิเคราะห์หุ้น SABINA เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2565 โดยยังคงแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” โดยให้ราคาเป้าหมาย IAA Consensus ที่ 27.25 บาท
โดยในบทวิเคราะห์ระบุว่า ภาพรวมการดำเนินงานในปีนี้มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องตามกำลังซื้อของผู้บริโภคผ่านการกระตุ้นจากโครงการต่างๆ ของภาครัฐ และสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ดีขึ้นตามลำดับทั้งในไทยและต่างประเทศ (โดยเฉพาะเวียดนามและฟิลิปปินส์) โดยตลาดคาด EPS ปี 65 ที่ 1.10 บาทต่อหุ้น (จาก 0.85 บาทต่อหุ้นในปีก่อน)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า มุมมองจากบทวิเคราะห์จะมีส่วนสำคัญที่จะช่วยย่อยข้อมูลให้กับนักลงทุน แต่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น เพราะองค์ประกอบสำหรับการตัดสินใจลงทุนยังมีอีกมาก และเป็นเรื่องที่นักลงทุนจะต้องศึกษาบริษัทที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนเพิ่มเติมด้วยตัวเอง
ติดตามช่องทางการสื่อสารต่างๆของซาบีน่า
โฆษณา