23 มิ.ย. 2022 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
เศรษฐีรวยสุด ในสวิตเซอร์แลนด์ เพิ่งเริ่มธุรกิจได้แค่ 10 ปี
8
“810,000 ล้านบาท” คือมูลค่าทรัพย์สินของคนที่รวยที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์
2
ซึ่งหากพูดถึงคนที่รวยที่สุดของประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว
หลายคนอาจคิดว่าต้องเป็นเจ้าของธุรกิจยาหรือนาฬิกาหรู
ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของประเทศแห่งนี้
2
เศรษฐีชาวสวิสคนปัจจุบัน ไม่ได้ร่ำรวยจากทั้ง 2 ธุรกิจที่กล่าวมาเลย
แต่เขามีทรัพย์สินมาจากการก่อตั้งสตาร์ตอัปฟินเทค ที่เพิ่งก่อตั้งได้เพียง 10 ปี
แต่วันนี้บริษัทถูกประเมินมูลค่าไว้มากถึง 1,400,000 ล้านบาท
1
เศรษฐีรวยสุดในสวิตเซอร์แลนด์ คือใคร
แล้วเขาก่อตั้งสตาร์ตอัปฟินเทค อะไรขึ้นมา ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
3
เรื่องราวทั้งหมดนี้เริ่มต้นมาจากคนที่มีชื่อว่าคุณ “Guillaume Pousaz”
4
คุณ Guillaume Pousaz หรือคุณ Pousaz เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1981 ปัจจุบันอายุ 41 ปี
ตั้งแต่เด็กคุณ Pousaz เป็นคนที่หลงใหลใน 2 เรื่องด้วยกัน
นั่นคือเรื่องตัวเลข และการเขียนโปรแกรม
1
แม้ในตอนแรกคุณ Pousaz จะเลือกเรียนสาขาวิศวกรรมคณิตศาสตร์ ในระดับปริญญาตรี แต่อาชีพที่เขาใฝ่ฝันมาตลอดคือ วาณิชธนกิจ หรือก็คืออาชีพที่ต้องข้องเกี่ยวกับการระดมเงินทุน การซื้อขายหลักทรัพย์ ไปจนถึงการทำดีลควบรวมกิจการ
3
ภายหลังจากจบการศึกษาจาก École Polytechnique Fédérale De Lausanne
เขาเลือกที่จะเข้าเรียนต่อที่ HEC Lausanne ในสาขาเศรษฐศาสตร์ทันที
2
ซึ่งก็ต้องบอกว่าการที่คุณ Pousaz เลือกเรียนต่อในทันทีนั้น เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เพราะว่าในช่วงปีสุดท้ายของการเรียน เขาได้รับข้อเสนองานวาณิชธนกิจจาก Citibank ในลอนดอน
5
อย่างไรก็ตามคุณ Pousaz กลับไม่ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้าย เขาจึงผิดหวังเป็นอย่างมาก
ซึ่งก็มากจนถึงขนาดที่เขาตัดสินใจหยุดเรียนไปเลย และก็ได้ย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์
มาอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
2
แต่ใครจะรู้ว่าจากความผิดหวังในครั้งนี้นี่เอง
ที่ได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขา กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
4
4 เดือนหลังจากที่คุณ Pousaz ได้ออกจากมหาวิทยาลัย
เขาได้เริ่มงานที่บริษัท International Payments Consultants หรือ IPC
ซึ่งเป็นบริษัทที่มีธุรกิจเกี่ยวกับการรับชำระเงิน
1
หลังจากทำงานที่ IPC ได้เพียง 1 ปี เขาก็ได้ตัดสินใจลาออก เพื่อมาเริ่มต้นทำธุรกิจเป็นของตัวเอง
นั่นคือการก่อตั้งบริษัทสตาร์ตอัปที่ชื่อ “NetMerchant” ร่วมกับหัวหน้าฝ่ายขายจากที่ทำงานเก่า
4
โดย NetMerchant เป็นแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาช่วยจัดการให้ร้านค้าในสหรัฐอเมริกา สามารถรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการด้วยสกุลเงินจากประเทศในโซนยุโรปได้
1
แต่หลังจากดำเนินธุรกิจไปได้ไม่นาน ก็เริ่มเกิดปัญหาตามมา
เมื่อรายได้ของบริษัทเริ่มเติบโตมากขึ้น
ทำไมการที่บริษัทเติบโตได้ดี จึงกลายมาเป็นปัญหา ?
1
แน่นอนว่าคุณ Pousaz ที่ตั้งใจทำธุรกิจมาตั้งแต่แรก ต้องการนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัท ไปลงทุนต่อยอดให้กิจการมีการเติบโตมากขึ้นอีก
1
แต่ผู้ร่วมก่อตั้ง หรืออดีตหัวหน้าฝ่ายขายไม่ได้คิดแบบนั้น เขาคิดว่าให้ธุรกิจเติบโตไปแบบนี้ก็พอ แล้วไม่ต้องลงทุนเพิ่ม
เขาต้องการนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัท มาจ่ายเป็นเงินเดือนของตัวเอง เพื่อที่จะสามารถซื้อรถหรูและบ้านหลังใหม่
8
ด้วยแนวทางที่ต่างกันนี้เอง ทำให้บริษัท NetMerchant มาถึงทางแยก
จนบทสรุปสุดท้ายคือการปิดตัวลงในปี 2009
จากปัญหาในครั้งนั้น ทำให้ในเวลาต่อมาคุณ Pousaz เลือกที่จะก่อตั้งบริษัทด้วยตัวเอง
ในปีเดียวกันนั้น เขาได้ทำการก่อตั้งบริษัท Opus Payments ขึ้นในสิงคโปร์
4
โดย Opus Payments เป็นเหมือนโครงสร้างระบบรับชำระเงินออนไลน์
ที่เข้ามาช่วยจัดการให้ร้านค้าในฮ่องกง สามารถรับชำระเงินจากลูกค้าทั่วโลกได้
1
จุดเปลี่ยนที่สำคัญของ Opus Payments เกิดขึ้นในปี 2011
เมื่อบริษัทสามารถดีลเป็นพาร์ตเนอร์กับ DealeXtreme ซึ่งเป็นเว็บไซต์จากจีน ที่ทำการขายอุปกรณ์เทคโนโลยีไปทั่วโลก
1
จากการได้เป็นพาร์ตเนอร์กับ DealeXtreme ทำให้บริษัทเริ่มมีขนาดใหญ่มากพอ จนถึงจุดที่สามารถทำกำไรได้
ถัดจากนั้นเพียง 1 ปี บริษัทก็ได้ทำการรีแบรนด์จาก Opus Payments เป็น Checkout
8
จากนั้นไม่นาน บริษัทก็ได้เริ่มใช้กลยุทธ์จับมือเป็นพันธมิตร
กับเหล่าบริษัทที่มีบริการเกี่ยวข้องกับการชำระเงิน ยกตัวอย่างเช่น
4
- เข้าเป็นสมาชิกหลักของบริษัทบัตรเครดิตยักษ์ใหญ่อย่าง Visa และ Mastercard
- จับมือเป็นพาร์ตเนอร์กับ แอปพลิเคชันชำระเงินของคนจีนอย่าง Alipay
- จับมือเป็นพาร์ตเนอร์กับ WeChat แอปพลิเคชันแช็ตยอดนิยมของจีน ที่มีบริการ WeChat Pay สำหรับชำระเงินค่าสินค้าและบริการ
4
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจยังคงสงสัยว่า
โมเดลธุรกิจของ Checkout เป็นอย่างไร ?
6
อธิบายง่าย ๆ คือ Checkout เปรียบเสมือนโครงสร้างระบบการรับชำระเงินออนไลน์
โดยหน้าที่หลักของ Checkout คือ การเข้ามาช่วยจัดการให้บริษัทและร้านค้า สามารถรับชำระเงินจากลูกค้าที่มีการชำระเงินในรูปแบบที่แตกต่างกันได้ครอบคลุมมากขึ้น
ทั้งนี้ ระบบของ Checkout สามารถรองรับการชำระเงินได้มากถึง 25 วิธี และรองรับสกุลเงินกว่า 150 สกุลเงิน จากสกุลเงินทั่วโลกซึ่งมีทั้งหมด 180 สกุลเงิน
1
หมายความว่าธุรกิจที่เลือกใช้ระบบของ Checkout จะไม่ต้องกังวลเลยว่า ลูกค้าจะเป็นใคร มาจากประเทศไหน และใช้สกุลเงินอะไรจ่าย เพราะระบบรับชำระเงินของบริษัทครอบคลุมแทบจะทุกวิธีการชำระเงินในโลก
1
นอกเหนือจากเรื่องการรับชำระเงินแล้ว
ยังมีผลิตภัณฑ์ตัวอื่นเพิ่มเติมอีกด้วย เช่น
- สามารถดูข้อมูลรายได้ของร้านค้า ว่ามาจากการชำระเงินของลูกค้าด้วยวิธีใดบ้าง
- มีเครื่องมือช่วยตรวจจับธุรกรรม ที่มีความผิดปกติแบบเรียลไทม์
1
คำถามต่อมาคือ แล้วรายได้ของ Checkout มาจากไหน ?
1
คำตอบคือ มาจากค่าธรรมเนียม
โดยทุก ๆ ธุรกรรมที่เกิดขึ้น Checkout จะทำการหักค่าธรรมเนียมบางส่วน
ซึ่งค่าธรรมเนียมจะมากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับการชำระเงินในแต่ละรูปแบบ เช่น
1
- ค่าธรรมเนียม 0.95% ของธุรกรรม บวกกับ 0.2 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับบัตรเครดิตจากยุโรป
- ค่าธรรมเนียม 2.9% ของธุรกรรม บวกกับ 0.2 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับบัตรเครดิตอื่น ๆ
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทเพิ่งสามารถระดมทุนในรอบ Series D ได้อีก 35,000 ล้านบาท
ทำให้ปัจจุบันบริษัท Checkout ถูกประเมินมูลค่าไว้มากถึง 1,400,000 ล้านบาท
1
มูลค่าระดับนี้ นับว่าใหญ่กว่าทุกบริษัทในตลาดหุ้นประเทศไทย และ Checkout ก็ได้กลายมาเป็นสตาร์ตอัปยูนิคอร์น ที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับ 7 ของโลก และมากที่สุดของสหราชอาณาจักร ที่ซึ่งเป็นประเทศที่ตั้งของสำนักงานใหญ่
2
ส่งผลให้คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวนี้อย่างคุณ Guillaume Pousaz กลายเป็นคนที่รวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
ด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 810,000 ล้านบาท
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจคิดว่าเป็นเพราะคุณ Pousaz โชคดี ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์จึงสามารถร่ำรวยได้
แต่รู้หรือไม่ว่า ในวันที่เขาตัดสินใจหยุดเรียน แล้วย้ายมาที่สหรัฐอเมริกา เขามีเงินติดตัวเพียง 530,000 บาท
3
โดยเราสามารถนำเรื่องราวของคุณ Pousaz มาเป็นกรณีศึกษาได้หลายเรื่อง
1
เริ่มตั้งแต่การก่อตั้งธุรกิจร่วมกับผู้อื่น
โดยเฉพาะในช่วงเริ่มต้น ที่เมื่อเริ่มดำเนินธุรกิจ จนบริษัทมีรายได้เติบโต
หากเราไม่พูดคุยหรือตกลงกันตั้งแต่แรก ว่าหากธุรกิจประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว เราจะทำอะไรกันต่อ ก็อาจจะก่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างกันได้
อย่างในกรณีของคุณ Pousaz ที่ถึงขั้นตกลงกันไม่ได้ จนต้องปิดบริษัทไปเลย
3
อีกเรื่องก็คือ การรู้ตัวเองว่าชอบทำอะไร อินกับอะไร
จุดนี้ก็ถือเป็นเครื่องยนต์ที่ทำให้เดินหน้าต่อไปไม่มีหยุด
2
ทั้งพลาดงานในฝัน เพราะไม่ผ่านการคัดเลือกในรอบสุดท้าย
ต้องปิดกิจการลงทั้งที่รายได้โตระเบิด เพราะขัดแย้งกับผู้ร่วมก่อตั้ง
หากเป็นใครหลายคน ก็อาจจะล้มเลิกความตั้งใจ และหมดไฟไปแล้ว
แต่คุณ Pousaz ก็ได้ลุยต่อ จนประสบความสำเร็จกับ Checkout ที่แม้จะเริ่มต้นมาได้เพียง 10 ปี..
1
หนังสือ BRANDING THE NATION หนังสือที่เล่าถึงการสร้างแบรนด์ของแต่ละประเทศที่ทำให้ แต่ละประเทศเป็นแบบทุกวันนี้
เช่น ทำไมเยอรมนีเป็นประเทศแห่งรถยนต์ ทำไมฝรั่งเศสเป็นประเทศแห่งแบรนด์หรู สั่งซื้อเลยที่
2
โฆษณา