24 มิ.ย. 2022 เวลา 12:58 • การศึกษา
"4C" การเรียนรู้ในโลกยุคใหม่
กว่า 22 ปี แล้ว ที่มนุษยชาติก้าวเข้ามาอยู่ในช่วงเวลาแห่งศตวรรษที่ 21 และเห็นได้ชัดเจนถึงความเปลี่ยนแปลงชนิดแบบก้าวกระโดดในอารยธรรมของมนุษยชาติ มีทั้งการเกิดใหม่ และล่มสลายในทุกๆวงการ ไม่ว่าจะเป็นด้านเทคโนโลยี ด้านสาธารณสุข ด้านบันเทิงสันทนาการ ด้านการข่าวการสื่อสาร ด้านสังคม วัฒนธรรม หรือแม้กระทั้งศาสนา ความเชื่อ ศรัทธา การเมือง และสงคราม
อาจเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เราคาดการณ์อนาคตของมนุษยชาติได้สั้นลงจนน่าตกใจ จนแม้กระทั้งนักคิด นักวิเคราะห์ หรือนักอนาคตศาสตร์ระดับโลกยังไม่มีใครกล้าจะออกมาฟันธงว่าโลกเราจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในปี 2050 หรืออีกแค่เพียงประมาณ 30 ปีข้างหน้า เนื่องจากทุกสิ่งอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และมีปัจจัยแวดล้อมอีกมหาศาลเกินที่จะสร้างฉากทัศน์ ให้ใกล้เคียงความจริงในอนาคตที่จะเกิดขึ้น
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และแกว่งสวิงยิ่งกว่าราคาเหรียญคลิปโต นักการศึกษาและนักการสอนระดับโลกหลายท่านได้แนะนำทักษะที่จำเป็นสำหรับใช้เพื่อเอาตัวรอด หรือไว้สอนลูกหลาน เพื่อใช้ดำรงชีวิตในโลกศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมั่นคง นั่นคือ ทักษะที่เรียกสั้นๆว่า “4C”
“4C” นั้นหมายถึงอะไร และประกอบไปด้วยทักษะด้านใดบ้างเรามาอ่านไปพร้อมๆกัน
1. Critical Thinking คือ ทักษะการคิดอย่างวิพากษ์ - วิจารณ์ การคิดอย่างวิพากษ์ - วิจารณ์ มุ่งเน้นที่ การวิเคราะห์อย่างรอบคอบ เพื่อทำความเข้าใจเหตุการณ์ หรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีขึ้น โดยทักษะนี้อาศัยการทำงานของ "สมองซีกซ้าย"
ความสามารถที่จำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝนในการคิดอย่างวิพากษ์ - วิจารณ์ ประกอบไปด้วย
* การวิเคราะห์ คือ การแยกแยะบางสิ่งออกเป็นส่วนๆ ตรวจสอบแต่ละส่วน และสังเกตว่าแต่ละส่วนเข้ากันได้อย่างไร
* การโต้เถียง คือ การใช้ชุดข้อความที่เชื่อมโยงกันอย่างมีเหตุมีผล สนับสนุน โดยหลักฐาน เพื่อหาข้อสรุป หรือหักล้างข้อมูลฝ่ายตรงข้าม
* การจำแนก คือ การแยกประเภท หรือกลุ่มของบางสิ่งบางอย่าง แสดงให้เห็นว่าแต่ละประเภทแตกต่างจากที่อื่นอย่างไร
*การเปรียบเทียบ คือ การชี้ให้เห็นถึงความเหมือนและความแตกต่างระหว่างสองทฤษฏีขึ้นไป
* การกำหนด คือ การอธิบาย และให้ความหมายของคำศัพท์โดยใช้การแสดงความหมายโดยตรง ทางอ้อม หรือ ความหมายแฝง
* การอธิบาย เป็นการอธิบายลักษณะของบางสิ่งบางอย่าง เช่น ขนาด รูปร่าง น้ำหนัก สี การใช้ ที่มา คุณค่า สภาพ ที่ตั้ง และอื่นๆ
* การประเมิน คือ การตัดสินคุณค่าของบางสิ่งโดยเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ การอธิบาย เป็นการบอกว่าบางสิ่งคืออะไรหรือทำงานอย่างไรเพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจ
* การแก้ปัญหา คือ วิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบของปัญหาและหาวิธีที่จะหยุดสาเหตุหรือผลกระทบ
* การติดตามสาเหตุและผลกระทบ คือ ตัวกำหนดว่าเหตุใดจึงเกิดขึ้นและสิ่งที่เป็นผลจากมัน
2. Creativity คือ การคิดอย่างสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์ เป็นการคิดที่กว้างขวาง แบบปลายเปิด เพื่อการค้นพบความเป็นไปได้ เป็นการทำงานของ "สมองซีกขวา" ความสามารถที่จำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝนในการคิดเชิงสร้างสรรค์ประกอบไปด้วย
* การระดมความคิด คือ การถามคำถามและระบุคำตอบทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แม้แต่เรื่องที่คิดไกล ทำไม่ได้ หรือเป็นไปไม่ได้
* การสร้าง คือ บางสิ่งจำเป็นต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยการรวมวัสดุเข้าด้วยกัน อาจเป็นตามแผนหรืออาจขึ้นอยู่กับแรงกระตุ้นของช่วงเวลานั้น
* การออกแบบ คือ การค้นหาความเชื่อมโยงระหว่างรูปแบบและการทำงานและการจัดรูปแบบเพื่อจุดประสงค์เฉพาะ
* การให้ความบันเทิงแก่ผู้อื่น เช่น การเล่าเรื่อง ทำเรื่องตลก ร้องเพลง เล่นเพลง การเล่นเกม การแสดงส่วนต่างๆ และการสนทนา
* การจินตนาการถึงความคิด คือ การเข้าถึงสิ่งที่ไม่รู้จักและเป็นไปไม่ได้ เช่นเดียวกับที่ไอน์สไตน์ทำกับการทดลองทางความคิดของเขาเกี่ยวกับแสง เวลา และอวกาศ
* การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า คือ การใช้บางสิ่งบางอย่าง ด้วยวิธีใหม่ในการแก้ปัญหา
* นวัตกรรม คือ การสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ ขั้นตอน หรือความคิด
*การพลิกบางสิ่งบางอย่าง คือ การพลิกกลับเป็น มุมมองใหม่ อาจเป็นด้วยการกำหนดนิยามใหม่ ย้อนเหตุและผล หรือมองบางสิ่งในรูปแบบใหม่
*การแก้ปัญหา ต้องใช้ความสามารถสร้างสรรค์หลายอย่างที่ระบุไว้ในข้อก่อนหน้านี้เพื่อค้นหาวิธีแก้ปัญหาที่เป็นไปได้ไปสู่การปฏิบัติ
* การตั้งคำถามอย่างจริงจัง คือ เข้าถึงสิ่งที่ไม่รู้จักเพื่อให้รู้ ค้นหาข้อมูล หรือวิธีการใหม่ในการทำบางสิ่ง
3. Comumunication คือ การสื่อสาร ความสามารถที่ควรมี และควรฝึกฝนให้ชำนาญในการสื่อสาร มีดังนี้
* การวิเคราะห์สถานการณ์ หมายถึง การคิดเกี่ยวกับเรื่อง วัตถุประสงค์ ผู้ส่ง ผู้รับ สื่อ และบริบทของข้อความ
*การเลือกสื่อ คือ การตัดสินใจเลือกวิธีการส่งข้อความที่เหมาะสมที่สุด
* การประเมินข้อความ หมายถึง การตัดสินใจว่าข้อความเหล่านั้นถูกต้อง สมบูรณ์ เชื่อถือได้ และเป็นปัจจุบันหรือไม่
* การปฏิบัติตามอนุสัญญา หมายถึง การสื่อสารโดยใช้บรรทัดฐานที่คาดหวังสำหรับ สื่อที่เลือกไว้
* การฟังอย่างกระตือรือร้น คือ ความเอาใจใส่ในการฟัง จดบันทึก ถามคำถาม และมีส่วนร่วมในแนวคิดที่จะสื่อสาร
*การอ่านอย่างเข้าใจ คือ การถอดรหัสคำและภาพที่เขียนขึ้นเพื่อให้เข้าใจว่าผู้ริเริ่มพยายามจะสื่อสารอะไร
*การพูดอย่างมีประสิทธิภาพ หมายถึง การใช้คำพูด น้ำเสียง ภาษากาย ท่าทาง การแสดงออกทางสีหน้า และโสตทัศนูปกรณ์เพื่อถ่ายทอดความคิด
* การเปลี่ยนวิธีการ หมายถึง การเปลี่ยนจากการได้รับความคิดเป็นการเสนอความคิดอย่างมีประสิทธิภาพ ไปมาระหว่างกัน ในสถานการณ์การสื่อสาร
* การใช้เทคโนโลยี คือ จำเป็นต้องเข้าใจความสามารถและข้อจำกัดของการสื่อสารทางเทคโนโลยีใดๆ ตั้งแต่โทรศัพท์ อีเมล ไปจนถึงข้อความโต้ตอบแบบทันที
* การเขียนตรงประเด็น คือ การเข้ารหัสข้อความเป็นคำ ประโยค และย่อหน้าสำหรับ วัตถุประสงค์ในการสื่อสารกับบุคคล
4. Collaboration คือ การทำงานร่วมกัน ความสามารถที่ควรมี และควรฝึกฝนให้ชำนาญในการทำงานร่วมกัน มีดังนี้
* การจัดสรรทรัพยากรและความรับผิดชอบทำให้มั่นใจได้ว่าสมาชิกทุกคนในทีมสามารถทำงานได้อย่างเหมาะสมที่สุด
* การระดมความคิดในกลุ่ม คือ การเสนอแนะ และจดความคิดอย่างรวดเร็วโดยไม่หยุดเพื่อวิพากษ์วิจารณ์มัน
* การตัดสินใจ คือ การใช้ตัวเลือกมากมายที่จัดให้กับกลุ่ม และมาถึงตัวเลือกเดียวเพื่อก้าวไปข้างหน้า
* การมอบหมาย หมายถึงการ มอบหมายหน้าที่ให้กับสมาชิกของ กลุ่มและคาดหวังให้พวกเขาบรรลุส่วนต่าง ๆ ของงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
* การตั้งเป้าหมาย คือ การให้กลุ่มวิเคราะห์สถานการณ์ ตัดสินใจว่าผลลัพธ์ใดที่ต้องการ และระบุวัตถุประสงค์ที่ทำได้ให้ชัดเจน
* การนำกลุ่ม หมายถึงการ สร้างสภาพแวดล้อมที่สมาชิกทุกคนสามารถมีส่วนร่วมตามความสามารถของพวกเขาได้
* การจัดการเวลา คือ การจับคู่รายการงานกับตารางเวลา และติดตามความคืบหน้าสู่เป้าหมาย
* การแก้ไขข้อขัดแย้ง คือ การยืนยัน ให้ความร่วมมือ ประนีประนอม แข่งขัน หรือเลื่อนออกไป การสร้างทีม หมายถึงการ ทำงานร่วมกันอย่างร่วมมือกัน ที่จะบรรลุเป้าหมายร่วมกัน
นี้คือทั้งหมดของ ทักษะ “4C” จะเห็นได้ว่า ไม่มีการแนะนำว่าต้องเก่งภาษา ไม่มีการแนะนำว่าต้องเก่งคำนวณ ไม่มีการแนะนำว่าต้องเก่งวิทยาศาสตร์ หรือไม่มีการแนะนำให้ต้องเก่งเขียนโค้ดภาษาคอมพิวเตอร์ เพราะในอีกเพียงไม่กี่ปีสิ่งเหล่านี้จะโดนแทนที่ด้วยอัลกอริทึม อันชาญฉลาดจาก AI ผู้ฉลาดพร้อมทั้ง มีมาตรฐาน และมีระเบียบวินัยกว่ามนุษย์เป็นร้อยเป็นพันเท่า
เพราะฉะนั้นทักษะ “4C” ก็น่าจะเป็นอีกหนทางที่น่าสนใจ ในการที่จะเพิ่มทักษะเพื่อความอยู่รอดของตัวเราเอง หรือของลูกหลานในโลกยุคใหม่เพื่อจะได้ไม่ตกขบวนรถไฟแห่งการเปลี่ยนแปลงที่มาแรงไม่หยุดฉุดไม่อยู่ในศตวรรษที่ 21 นี้เอง / JPW
ขอขอบคุณข้อมูล และภาพประกอบ
-Thoughful Learning: What are the 4 C's of learning skills? จาก Newsroom.unl.edu
-ภาพประกอบ โดย NIPYATA! , Dmitry Ratushny , Jason Goodman , Dragos Gontariu , Kevin Jarrett , Anna Samoyloua จาก Unsplash.com
โฆษณา