25 มิ.ย. 2022 เวลา 11:47 • สุขภาพ
ช่วงนี้มีใครอ่านเจอข่าวของ Brad Pitt (แบรด พิตต์) กันบ้างไหมคะ ?
แอดมินอ่านเจอมาว่า แบรด พิตต์อาจจะกำลังป่วยด้วยโรค Prosopagnosia หรือ โรคตาบอดหน้า
2
โดยช่วงนึงคนอื่นจะพูดถึงว่าเขาชอบทำตัวห่างเหินและไม่เข้าสังคม แต่จริงๆ แล้วสาเหตุที่เขาแสดงออกอย่างนั้นเพราะว่าเขาเริ่มมีอาการแยกแยะใบหน้าของคนไม่ออกและยอมรับว่าเขาอาจกำลังป่วยเป็นโรคตาบอดหน้า
พออ่านข่าวนี้ มีใครคุ้นๆ ชื่อโรค Prosopagnosia หรือภาวะสมองจำหน้าคนไม่ได้บ้างไหมคะ ?
มีความรู้สึกเหมือนเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มไหนของพี่หมอเอ้วกันบ้างไหมเอ่ย ติ๊กต็อกๆ
เฉลยให้เลยก็ได้ค่ะ พี่หมอเอ้วเคยพูดถึงภาวะจำหน้าไม่ได้ไว้ในหนังสือ 500 ล้านปีของความรัก เล่มที่ 1 นั่นเอง (มีใครจำได้ไหมคะว่าอยู่ในบทไหน)
1
วันนี้แอดมินก็เลยถือโอกาสมาชวนทุกคนทำความเข้าใจกลไกของสมองว่าจำหน้าคนได้ยังไงและเข้าใจเกี่ยวกับโรคตาบอดหน้าของแบรด พิตต์ ผ่านเนื้อหาบางส่วนของหนังสือเล่มนี้ไปพร้อมๆ กันค่ะ
1
แม่ผมเป็นตัวปลอม
1
1.
เดวิด ได้รับอุบัติเหตุทางรถยนต์รุนแรง หลังจากที่นอนหมดสติอยู่ประมาณ 5 สัปดาห์เขาก็ฟื้นขึ้นมา แล้วพบว่า แม่ของเขาเป็นตัวปลอม
หลังจากที่เดวิดฟื้นขึ้นมา สมองของเขาเหมือนจะกลับสู่สภาวะปกติทุกอย่าง ที่ยังหลงเหลือก็มีแค่แขนอ่อนแรงเล็กน้อย แต่เมื่อแม่ของเขาเดินเข้ามาในห้อง สิ่งที่เดวิดพูดออกมาก็ทำให้รู้ว่าสมองของเขาน่าจะมีความผิดปกติซ่อนอยู่
“ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ?”
แม้ว่าเดวิดจะจำใบหน้าของแม่ได้ดี เขาจำเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ได้ ความจำของเขาปกติดีทุกอย่าง แต่เขายืนยันว่าผู้หญิงที่เขาเห็นนี้ไม่ใช่แม่ เขายอมรับว่า ผู้หญิงคนนี้มีใบหน้าเหมือนแม่เขาทุกอย่าง เสียงพูดและท่าทางการแสดงออกก็เหมือนแม่จนเขาแยกไม่ออก แต่เดวิดไม่ยอมเชื่อว่าผู้หญิงที่เห็นคือแม่ของเขา เขายืนยันว่า
1
ผู้หญิงคนนี้ปลอมตัวเป็นแม่ของเขา !
แน่นอนว่าไม่มีใครปลอมตัวมาเป็นแม่ของเดวิด ผู้หญิงคนนี้คือแม่ของเดวิดจริงๆ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เดวิดได้รับบาดเจ็บที่สมองและภาวะที่เกิดขึ้นกับเดวิดมีชื่อเรียกทางการแพทย์ว่า แคปกราส์ ซินโดรม (Capgras syndrome)
2.
ในปีค.ศ. 1923 จิตแพทย์ชาวฝรั่งเศสชื่อ Joseph Capgras ได้เขียนรายงานถึงผู้ป่วยหญิงคนหนึ่งซึ่งเขาเรียกด้วยชื่อย่อว่า มาดาม M
1
เรื่องราวของมาดาม M เป็นที่สนใจของหมอแคปกราส์ ตั้งแต่เมื่อมาดาม M ไปแจ้งตำรวจว่ามีคนใกล้ตัวจำนวนมากโดนลักพาตัวไป เธอเชื่อว่าคนที่ถูกลักพาตัวไปถูกนำไปคุมขังอยู่ที่ใดสักแห่งใต้เมืองปารีส แล้วมีตัวปลอมมาแทนที่คนเหล่านี้
1
อาการของมาดาม M ค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาสิบกว่าปีตั้งแต่เริ่มมีอาการ เธอเริ่มเชื่อว่าคนรอบตัวกลายเป็นตัวปลอมไปทีละคนสองคน และยิ่งไปกว่านั้นเธอยังมีความเชื่อด้วยว่า
ตัวเธอเองก็เป็นตัวปลอมเช่นกัน !!
เมื่อใดก็ตามที่มาดาม M ส่องกระจก แม้ว่าภาพที่เห็นจะเป็นตัวของเธอเอง แม้ว่ามาดาม M รู้ว่ากระจกคือกระจก แต่สิ่งที่เธอเห็นเมื่อมองเข้าไปในกระจกคือภาพของคนแปลกหน้าที่หน้าตาเหมือนเธอจ้องกลับออกมา
1
และนั่นเป็นครั้งแรกที่โลกได้รู้จักกับภาวะผิดปกตินี้
2
3.
ภาวะ Capgras นี้เป็นภาวะที่เจอได้ไม่บ่อย ผู้ป่วยจะเชื่อว่าคนรอบตัวซึ่งอาจจะเป็นคนใดคนหนึ่ง คนหลายๆ คนหรือแม้แต่สัตว์เลี้ยง กลายเป็นตัวปลอมขึ้นมา
ผู้ป่วย Capgras ไม่ได้เสียความฉลาดไป พวกเขาสามารถใช้เหตุผลในเรื่องต่างๆ ได้อย่างปกติ แต่เมื่อเป็นเรื่องของใบหน้า ผู้ป่วยจะไม่สามารถใช้เหตุผลสลัดความรู้สึกว่า คนที่เห็นเป็นตัวปลอมไปได้
ในผู้ป่วยบางคน เช่นในกรณีของมาดาม M เมื่อส่องกระจกจะรู้สึกว่าเงาสะท้อนไม่ใช่ตัวเอง แม้ว่าใบหน้าที่เห็นจะเหมือนตัวเองก็ตาม ดังนั้นผู้ป่วยจะกลัวกระจกมาก ทุกครั้งที่มองเข้าไปในกระจกจะรู้สึกเหมือนมีคนแปลกหน้าจ้องกลับมา
1
เกิดอะไรขึ้นกับสมองของคนที่มีภาวะ Capgras?
ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าอะไรคือคำอธิบายของภาวะนี้ แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับกลไกในสมองที่ทำให้เราจำใบหน้าคนได้
ในภาวะปกติเมื่อเราจ้องไปที่ใบหน้าของคนๆ หนึ่งและเรารู้ว่าใบหน้านั้นเป็นของใคร จะเกี่ยวข้องกับสมองบริเวณที่มีชื่อว่า ฟิวซิฟอร์ม ไจรัส (fusiform gyrus)
ถ้าสมองส่วนนี้ได้รับบาดเจ็บอาจทำให้เกิดภาวะที่มองหน้าแล้วบอกไม่ได้ว่าคนนั้นคือใคร
4
ซึ่งอาการอาจเป็นได้ตั้งแต่จำไม่ได้แค่ใบหน้าของคนๆ เดียว ไปจนถึงจำใบหน้าของใครไม่ได้เลย (ภาวะที่จำหน้าไม่ได้นี้มีชื่อว่า Prosopagnosia) แต่ในชีวิตจริง ผู้ป่วยยังสามารถที่จะรู้ว่าคุยอยู่กับใครโดยการเดาจากสิ่งอื่นๆ เช่น เสื้อผ้าที่ใส่ เสียงพูด ท่าทางการเดิน สีผม เป็นต้น
ผู้ป่วยบางคนสามารถที่จะใช้ชีวิตในสังคมได้โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเขาจำหน้าคนไม่ได้
3
เมื่อสมองรับรู้ภาพใบหน้าและจำได้ว่าใบหน้านั้นคือใคร สมองจะส่งภาพที่เห็นนั้นไปยังสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ เพื่อที่จะแปะอารมณ์เข้ากับใบหน้าที่เห็น อารมณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะเป็นอารมณ์ระดับที่น้อยมากในระดับที่เราไม่รู้สึกตัว เช่น ถ้าเป็นใบหน้าของญาติสนิท เพื่อนสนิทหรือคนรัก เราอาจจะรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย ถ้าเป็นใบหน้าคนแปลกหน้า เราอาจจะรู้สึกระวังหรือกลัวเล็กน้อย
ในภาวะ Capgras เชื่อว่า เมื่อผู้ป่วยเห็นหน้า สมองจะสามารถบอกได้ว่าใบหน้านั้นเป็นใบหน้าของใคร
แต่จะไม่มีอารมณ์เกิดขึ้นกับใบหน้าที่เห็น เชื่อว่าอาจเกิดจากเส้นทางที่เชื่อมระหว่าง ‘สมองที่รับรู้ใบหน้า’ และ ‘สมองส่วนอารมณ์’ ถูกตัดขาดไป
สิ่งที่ผู้ป่วยเหลืออยู่จึงมีแค่จำใบหน้าได้ แต่ไม่มีอารมณ์กับใบหน้าที่เห็นนั้น
เมื่อเห็นใบหน้าแม่แต่อารมณ์ในแบบที่เคยรู้สึกต่อแม่ไม่เกิดขึ้น สมองส่วนใช้เหตุผล จึงพยายามหาคำอธิบาย และสรุปออกมาเองว่าคนที่เห็นแม้ว่าจะเหมือนแม่แต่ไม่ใช่แม่จริงๆ
1
ภาวะ Capgras นี้ยังมีความน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ เมื่อแม่เขาโทรศัพท์มาจากอีกห้อง ทันทีที่เดวิดได้ยินเสียงแม่ เขาจำเสียงแม่ได้ทันทีและพูดออกไปทันทีว่า “แม่! เป็นยังไงบ้างครับ ไม่เจอแม่ตั้งนานแล้ว” แต่เมื่อแม่ของเดวิดเดินกลับเข้ามาในห้องอีกรอบ เดวิดก็ยังยืนยันว่าคนที่เห็นไม่ใช่แม่ของเขา
1
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะสมองของมนุษย์พึ่งประสาทสัมผัสทางตามากกว่าหู เมื่ออารมณ์ที่เกิดจากตามันไม่เป็นไปในทางเดียวกับอารมณ์ที่เกิดจากเสียงที่ได้ยิน สมองส่วนเหตุผลจึงเลือกที่จะฟังตา เป็นหลัก
3
เนื้อหาที่ตัดมานี้จริงๆ แล้วเป็นส่วนหนึ่งของบทที่เล่าเกี่ยวกับการทำงานของสมองที่ว่า 'สมองของมนุษย์เราตัดสินใจในเรื่องต่างๆ ยังไง'
2
รายละเอียดในหนังสือจะทำให้เราเห็นอีกว่า กว่าที่สมองจะมองภาพแล้วรู้ว่าภาพนั้นเป็นภาพอะไร มันเป็นกระบวนการที่ไม่ง่ายเลย เพราะต้องมีระบบมาแปลสิ่งที่เห็น แล้วถ้าระบบนั้นเสียหาย เราก็อาจจะเห็นภาพ แต่ไม่รู้ว่าภาพที่เห็นคืออะไร เห็นแล้วภาพไม่เคลื่อนไหว หรือเห็นแล้วไม่รู้ว่าเป็นใครเหมือนอาการของแบรด พิตต์นั่นเองค่ะ
1
ถ้าความขี้สงสัยในตัวคุณมันเริ่มสตาร์ทเครื่องแล้ว ก็สามารถย้อนกลับไปอ่านเพิ่มเติมในหนังสือ 500 ล้านปีของความรักกันต่อได้เลยค่ะ
หรือถ้าใครที่ยังไม่ได้อ่าน จะซื้อเฉพาะหนังสือ 500 ล้านปีของความรัก เล่ม 1 ไปอ่านก่อน หรือจะซื้อเป็นแบบ Box Set 500 ล้านปีของความรัก เล่ม 1 และ เล่ม 2 ก็ได้เลยนะคะ
1
2 เล่มนี้สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อที่สนใจได้เลย เนื้อหาไม่ได้ต่อเนื่องแต่อ่านได้เพลินๆ เน้นๆ แบบจุใจแน่นอนค่า
👉 Shopee : https://bit.ly/3QOSzdQ
👉 Line My Shop : https://bit.ly/3Nifwmy
ซื้อตอนนี้มีโปรโมชันลดราคา พร้อมโค้ดลับ 25.6 PAYDAY ด้วยนะค้า
ที่มาข่าวแบรด พิตต์ : https://bit.ly/3zZyjjo
โฆษณา