27 มิ.ย. 2022 เวลา 22:07 • ปรัชญา
“กัมมัฏฐานสำหรับนักบวช”
กัมมัฏฐานของพระนี่ท่านก็ให้ใช้กัมมัฏฐาน ๕ กัมมัฏฐาน ๕ คืออาการ ๕ อาการของร่างกายคือ ผมขนเล็บฟันหนัง อันนี้เป็นอาการที่เราสามารถมองเห็นได้ทันที พวกเราทุกคนนี่สามารถมองเห็นผม เห็นขน เห็นเล็บ เห็นฟัน เห็นหนังได้ทุกคน แล้วหลังจากนั้นท่านก็สอนเพิ่ม ให้เพิ่มให้ดูอีก ๒๗ อาการ ให้ครบ ๓๒ อาการ
พอดูข้างนอกได้แล้วก็สอนให้ดูข้างในต่อไป ให้ดูเนื้อ ดูเอ็น ดูกระดูก ดูเยื่อในกระดูก ดูม้าม ดูหัวใจ ดูปอด ดูตับ ดูไต ดูลำไส้ ดูอาหารใหม่ อาหารเก่า ดูสมอง เยื่อในสมองศีรษะ แล้วก็ดูน้ำต่างๆที่มีอยู่ในร่างกาย น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำดี น้ำเหงื่อ น้ำเสลด น้ำตา น้ำมันเหลว น้ำมันข้น น้ำอะไรต่างๆ
อันนี้ก็สามารถเป็นเครื่องสร้างสติขึ้นมาได้ ถ้าใจคอยคิดอยู่กับเรื่องราวเหล่านี้ ใจก็จะไม่สามารถไปคิดถึงเรื่องอื่นได้ ใจก็จะมีสติ เวลานั่งสมาธิก็สามารถเข้าสมาธิได้
ทำไมพระจึงต้องใช้กัมมัฏฐาน ๕ และอาการ ๓๒ เพราะว่าพระนี้ห้ามเสพกาม เท่านั้นเอง พระนี่ห้ามร่วมหลับนอนกับผู้อื่น ก็เลยต้องใช้กัมมัฏฐานแบบนี้ เพราะการมีกัมมัฏฐานแบบนี้จะเห็นความไม่สวยงามของร่างกายนี่เอง
พอเห็นอวัยวะต่างๆ ที่อยู่ภายในร่างกาย เห็นโครงกระดูกของร่างกาย ความอยากที่จะร่วมหลับนอน ร่วมเสพกามกับผู้อื่นก็จะไม่มี ก็จะถูกระงับไป สำหรับพระนี่ไม่ได้ใช้พุทโธ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนพุทโธ สอนให้ใช้กัมมัฏฐาน ตอนต้นก็ให้เอา ๕ อาการก่อน เอาข้างนอกก่อน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ให้สอนตั้งแต่วันบวชเลย พิธีบวชนี่เขาจะมีให้สอนกัมมัฏฐาน ๕ กัน เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ สอนเป็นภาษาบาลี
ซึ่งคนที่บวชถ้าไม่ได้ศึกษาก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ไม่รู้ความหมายของกัมมัฏฐานเหล่านี้ว่ามีไว้เพื่ออะไร กัมมัฏฐานเหล่านี้เป็นเหมือนอาวุธไว้ต่อสู้กับกามารมณ์ ต่อสู้กับกามตัณหาความอยากความใคร่ในการที่จะร่วมหลับนอนกับผู้อื่น ที่จะมีการเสพกามนี่เอง
ถ้ามีกัมมัฏฐานเหล่านี้อยู่ในใจ เห็นอาการ ๓๒ ของร่างกาย ก็จะเห็นว่าร่างกายนี้ไม่น่าดูน่าชมเลย ไม่น่ารัก เหมือนกับคนที่ไม่ได้ศึกษากัมมัฏฐาน คนที่ไม่ศึกษากัมมัฏฐานนี้ พอเห็นคนปั๊บนี่จะเห็นว่า รูปหล่อ สวยงามทันที เห็นแล้วก็จะรักจะชอบ อยากจะได้มาเป็นแฟนทันที แต่ผู้ที่ได้ศึกษากัมมัฏฐาน กัมมัฏฐาน ๕ แล้วก็กัมมัฏฐาน ๓๒ อาการ ๓๒ นี่เอง
ก็จะรู้เลยว่าร่างกายนี้มันไม่สวยไม่งามเลย มีโครงกระดูกทุกคนนี่ มีใครบ้างที่จะปฏิเสธว่าเราไม่มีโครงกระดูกบ้าง มีไหม มีด้วยกันทุกคนแหละ มีกะโหลกศีรษะ มีโครงกระดูก มีลำไส้ มีปอด มีตับ มีไต มีอะไรต่างๆ ที่ไม่น่าดูน่าชม เต็มไปหมดเลย แต่ไม่ได้ศึกษาไม่ได้คิด มันก็เลยเหมือนไม่มี แต่ถ้าลองมาศึกษาดูสิ ต่อไปการเห็นร่างกายต่อไปนี้มันจะเห็นไปอีกมุมหนึ่งเลย
จากการที่มีความรักความใคร่กับคนนั้นคนนี้ ต่อไปจะรู้สึกเฉยๆ เพราะรู้สึกว่ามันไม่น่ารักน่าชม ไม่ดูดดื่มเหมือนตอนที่ไม่ได้ศึกษากัมมัฏฐานเลย อันนี้เป็นกัมมัฏฐานสำคัญของผู้บวช
ผู้ที่จะถือศีล ๘ หรือเป็นนักบวชถือศีล ๒๒๗ นี้ ต้องหมั่นพยายามเจริญกัมมัฏฐาน ๕ เจริญอาการ ๓๒ ไว้อยู่เรื่อยๆ แล้วจะสามารถรักษาศีล ๘ ได้ ถ้าไม่เช่นนั้นบางทีถือศีล ๘ ได้วันสองวันก็คิดถึงแฟนแล้ว เดี๋ยวก็ต้องเปลี่ยนจากศีล ๘ มาเป็นศีล ๕ แทน เพราะศีล ๕ นี้ไม่ห้ามให้ไปร่วมหลับนอนกัน แต่ศีล ๘ นี้ห้าม
เพราะว่าความอยากเสพกามนี้ก็เป็นเหตุที่จะพาให้เรากลับมาเวียนว่ายตายเกิดกันนั่นเอง ความอยากเสพกามก็จะทำให้เราทุกข์ เวลาที่เราอยากแล้วเราไม่สามารถที่จะเสพได้ เวลาอยากจะเสพกามแต่แฟนไม่อยู่ แฟนไปต่างจังหวัด หรือแฟนไม่สบายอย่างนี้ เราก็จะเสพกามไม่ได้
เราก็จะมีความรู้สึกหงุดหงิด รำคาญใจ ทุกข์ใจ เหงา ถ้าอยู่คนเดียวก็รู้สึกเหงาขึ้นมา แต่ถ้าเราระงับความอยากเสพกามได้ เราจะรู้สึกเฉยๆ ไม่เดือดร้อน แฟนจะอยู่ก็อยู่ แฟนจะไปก็ไป ไม่เป็นปัญหาอะไร
อันนี้เป็นกัมมัฏฐานสำหรับนักบวชที่พระพุทธเจ้าทรงสอน และทรงสั่งให้พระอุปัชฌาย์ทุกรูปที่จะบวชคนนี้ ต้องสอนกัมมัฏฐาน ๕ สอน เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ ไม่สอนถือว่าบกพร่องในหน้าที่ถูกปรับอาบัติ ถูกปรับโทษ ถูกตำหนิ ว่าทำไม่ถูก ดังนั้นนักบวชทุกคนที่มาบวชในพระพุทธศาสนานี้
จะเรียนกัมมัฏฐาน ๕ กันทั้งนั้น เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ แล้วก็ให้เอาไปเจริญ ไม่ใช่เรียนเฉพาะในโบสถ์เท่านั้น พอออกมาแล้วก็ให้หมั่นเจริญ ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาจนกระทั่งนอนหลับ เวลาที่ไม่ต้องใช้ความคิดก็ให้หมั่นเจริญ เกศา โลมา นขา ทันตา ตโจ แทนพุทโธ สำหรับฆราวาสญาติโยมนี้ก็ใช้พุทโธพุทโธได้
แต่สำหรับนักบวชนี้ท่านต้องการให้เห็นอสุภะ เห็นความไม่สวยไม่งามของร่างกาย เพื่อจะได้คลายความกำหนัด ความยินดีในร่างกายของผู้อื่นนั่นเอง
ธรรมะหน้ากุฏิ
วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ จังหวัดชลบุรี
โฆษณา