28 มิ.ย. 2022 เวลา 00:48 • ความคิดเห็น
ลองเอามายำดู กฎแห่งแรงดึงดูดVSหลักใจแห่งธรรมมะ
ทุกๆเหตุการณ์ย่อมมีเบื้องหลัง…
คฤหาสน์หลังใหญ่โตเริ่มขึ้นจากอิฐมอญแดงเพียงแค่ก้อนเล็กๆ การพิชิตเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ก็ต้องเริ่มจากชัยชนะเล็กๆน้อยๆสะสมกันไปเรื่อยๆในแต่ละวันที่เดินตามเส้นทางแห่งเป้าหมาย เรามิอาจนั่งเพ้อฝันและเฝ้าขอตามกฎแห่งแรงดึงดูดเพียงอย่างเดียวได้ที่เน้นหนักให้นั่งจินตนาการว่าฉันอยากได้สิ่งนั้นฉันอยากได้สิ่งนี้จากนั้นก็ปล่อยให้กฎของแรงดึงดูดมันทำหน้าที่ของมันเอง
กฎแห่งแรงดึงดูดนั้นดีในด้านการสร้างสิ่งที่อยากได้หรือการสร้างจินตนาการที่สมจริงและความรู้สึกว่าได้มันมาแล้วนี้คือหัวใจหลักของกฎแห่งแรงดึงดูดแต่ดูเหมือนมันจะยังไม่เพียงพอต่อการสร้างความสำเร็จเราควรที่จะเอากฎแห่งแรงกระทำเข้ามาเสริมกฎแห่งแรงดึงดูดเมื่อสองกฎเหล่านี้มารวมกันอนุภาพที่ได้น่าจะยิ่งใหญ่อยู่…(ความคิดเห็นส่วนตัว)
แต่ก็มีความคิดหนึ่งที่แวบขึ้นมาในหัวดูเหมือนราวกับว่าเมื่ออ่านกฎต่างๆที่เกี่ยวกับความสำเร็จทางฝั่งตะวันตกนั้นกับรู้สึกว่ากฎเหล่านี้เอาไว้ขยายความหนังสือหลักธรรมมะของเมืองไทยเราแต่เป็นการเสริมหรือการตีความมาในรูปแบบทางโลก ส่วนหลักธรรมมะของศาสนาจะตีความและเน้นปฏิบัติไปในทางหลุดพ้นชะเป็นส่วนใหญ่เมื่อมองดูแล้ว
ตีความออกมาใช้ในทางโลกรู้สึกว่าหลักปรัชญาทางธรรมนั้นดูเหมือนจะละเอียดและลึกซึ่งกว่าทางฝั่งตะวันตกอยู่มากเหมือนกัน เช่นหากเมื่อพูดถึงกฎแห่งความสำเร็จของทางฝั่งตะวันตกหนังสือแต่ละเล่มก็จะเขียนแต่ละกฎกันเป็นส่วนๆและมีความหลากหลาย เช่นหนังสือกฎแห่งแรงดึงดูด กฎแห่งแรงกระทำ ศาสตร์แห่งความสำเร็จ เป็นต้นและยังมีอีกมากมายที่เขียนและตีพิมพิ์ออกมาทุกเล่มเป็นหนังสือที่ดีและอธิบายในภาษาที่เข้าใจง่าย
ในแบบที่คนธรรมดาอ่านแล้วเข้าใจเลยแต่ก็รู้สึกเหมือนกับว่าแต่ละเล่มก็ยังขาดอะไรไปซักอย่าง(ความคิดเห็นส่วนตัว) จนวันหนึ่งความคิดเรื่องหลักใจแห่งการศึกษาธรรมก็ผุดขึ้นมาในหัว อันประกอบไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ศรัทธา ความเพียร เพียง5คำนี้ นี่คือทั้งหมดที่จะนำพาพวกเราไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจไว้ที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วเป็นเวลา 2565 ปีโดยประมาณ เราลองมาประยุกต์ตีความในแบบทางโลกกันเล่นๆดู
ศีล คืออะไรศีลคือข้อวัตรปฏิบัติหากจะพูดง่ายๆก็คือกฎระเบียบและสิ่งที่ต้องทำนี้แหละการที่จะไปถึงซึ่งเป้าหมายเราต้องมีกฎระเบียบและข้อบังคับเป็นของตัวเองที่มันจะอำนวยให้เราไปถึงเป้าหมายที่ตั้งใจไว้และจะต้องกระทำทุกๆวันไม่มีข้อยกเว้นเช่นทุกๆวันต้องอ่านหนังสือวันละ1ชั่วโมง ต้องติดต่อลูกค้าวันละ5คนต้องทำตามแผนรายวันที่เตรียมไว้เป็นต้น สมาธิคือการจดจ่อกับสิ่งที่ทำและเป้าหมาย ไม่มีอะไรมาหลอกล่อให้ไขว้เขได้
ปัญญาคือตัวพิจารณาว่าเส้นทางไหนได้ผล ทางใหนใช้ไม่ได้ผลและต้องทำอะไรต่อไป ศรัทธาคือความเชื่อมั่นว่าเราสามารถทำได้และเราจะไปถึงนะที่เป้าหมายแห่งนั้นได้สำเร็จอย่างแน่นอน ความเพียรคือความอดทนอดกลั้นที่จะประคับประคองตัวเองให้เดินตามเส้นทางที่จะไปถึงเป้าหมาย
ต่อให้ต้องลำบากแค่ไหนก็จะต้องไปให้ถึงทั้งหมดนี้คือหลักหัวใจแห่งการศึกษาธรรมที่ลองมาประยุกต์ในทางโลกดู แต่กฎแห่งแรงดึงดูดก็ยังน่าสนใจกว่าสำหรับหลายๆคนอยู่ดีเพราะว่ามันดูเหมือนทำได้ง่ายๆเพียงแค่เชื่อว่าเราจะดึงดูดมันเข้ามาจากนั้นก็เพียงแค่ปล่อยให้จักรวาลได้ทำหน้าที่ของมัน…
โฆษณา