28 มิ.ย. 2022 เวลา 23:10 • ธุรกิจ
เทคนิคการสร้างวัตถุประสงค์ใน OKRs ตอนที่ 2
ท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านตอนที่ 1 ย้อนกลับไปอ่านใน Blog ก่อนได้นะครับ
4. วัตถุประสงค์ควรมีลักษณะในเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ
แปลความหมายว่าวัตถุประสงค์ใน OKRs จะไม่มีตัวเลขอยู่ในวัตถุประสงค์ ข้อนี้อาจจะมีความหลากหลายพอสมควร บางองค์กรทั้งในและต่างประเทศก็มีวัตถุประสงค์ที่มีตัวเลขอยู่ หรือแม้กระทั่งในหนังสือ Measure What Matters ที่เขียนโดย John Doerr ที่เป็นคนเอา OKRs ไปใช้ใน Google ก็มีบางตัวอย่างที่มีการเขียนตัวเลขในวัตถุประสงค์ แต่ก็มีองค์กรและหนังสือจำนวนไม่น้อยที่แนะนำว่าวัตถุประสงค์ไม่จำเป็นต้องมีตัวเลขอยู่
ถามว่าแล้วทำไมผมถึงยึดแนวทางส่วนใหญ่ที่แนะนำว่าวัตถุประสงค์ไม่ควรมีตัวเลขอยู่ เหตุผลคือ ตัวเลขมันจะปรากฏอยู่ในผลลัพธ์หลักอยู่แล้วครับ ดังนั้นหากเอาตัวเลขมาใส่ในวัตถุประสงค์ ความแตกต่างของวัตถุประสงค์กับผลลัพธ์หลักก็แทบจะไม่มีเลย มันจะกลายเป็นว่าวัตถุประสงค์กับผลลัพธ์หลักมันก็คืออันเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือบางเล่มเช่น Measure What Matters (เล่มที่ John Doerr เขียนนั่นแหละ) อาจจะมีตัวอย่างที่มีการนำเอาผลลัพธ์หลักของหัวหน้าเรามาเป็นวัตถุประสงค์ของเรา แต่ก็ต้องบอกว่ามีหนังสือหรือผู้เชี่ยวชาญจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้สนับสนุนแนวทางนี้ รวมถึงผมด้วย เหตุผลก็คือถ้าเรานำเอาผลลัพธ์หลักของหัวหน้า มาเป็นวัตถุประสงค์ของเรา ก็แปลว่าผลลัพธ์หลักคือวัตถุประสงค์เลย แล้วเราจะแยกไปทำไม
อีกประการหนึ่งคือการกำหนดให้เอาผลลัพธ์หลักของระดับบน มาเป็นวัตถุประสงค์ในระดับล่าง ถึงแม้ว่าความเชื่อมโยงมันจะชัดมาก แต่การทำแบบนี้ เท่ากับเป็นการจำกัดอิสระในการเลือกวัตถุประสงค์ของของพนักงาน เพราะทำได้แค่เลือกเอาผลลัพธ์หลักของหัวหน้ามาเป็นวัตถุประสงค์เท่านั้น ซึ่งจะทำให้แรงจูงใจภายในในการทำ OKRs ลดต่ำลง
นอกจากนั้น โดยปกติแล้วจำนวนผลลัพธ์หลักมักจะมีมากกว่าวัตถุประสงค์ ดังนั้น การที่จะต้องนำเอาผลลัพธ์หลักระดับบนมาเป็นวัตถุประสงค์ระดับล่าง จะทำให้เรามีวัตถุประสงค์ระดับล่างจำนวนค่อนข้างมากตามไปด้วย ไม่เช่นนั้นจะมีผลลัพธ์หลักบางข้อที่จะไม่ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุประสงค์ก็ได้
แต่ถ้าใครอยากทำในลักษณะดังกล่าว ก็ไม่ได้มีความขัดข้องหรอกนะครับ เพราะเท่าที่ผมเห็นก็มีบางองค์กรใช้แบบนี้จริง ๆ จะถือว่าเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการตั้งวัตถุประสงค์ก็ได้ เพียงแต่ถ้าถามผม ผมอาจจะไม่เห็นด้วยเท่านั้น และก็นำเสนอเหตุผลไปว่าเพราะอะไรเท่านั้นครับ องค์กรสามารถเลือกสิ่งที่เหมาะที่สุดสำหรับองค์กรได้เลย
5. วัตถุประสงค์ของเราต้องช่วยสนับสนุนวัตถุประสงค์ในระดับบน
ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเลือกวัตถุประสงค์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้เราได้ แต่เรายังคงต้องบอกให้ได้ด้วยว่าวัตถุประสงค์ของเราไปสนับสนุนวัตถุประสงค์ในระดับบนได้อย่างไร ไม่เช่นนั้น OKRs ที่เราทำนั้นมันจะไม่ตอบโจทย์ Priorities ขององค์กร
การตรวจสอบนี้อาจจะทำได้ง่ายกว่า ถ้าเราพิจารณาในส่วนของผลลัพธ์หลักทีละข้อที่อยู่ภายใต้วัตถุประสงค์ในเรื่องนั้น ๆ และเชื่อมโยงว่าผลลัพธ์หลักข้อนั้น ๆ ไปตอบผลลัพธ์หลักในระดับบนข้อใดบ้าง ถ้าเชื่อมโยงได้แบบนี้จะทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น
การตั้งวัตถุประสงค์กับผลลัพธ์หลักนี้ ยังมีข้อแตกต่างในรายละเอียดในแต่ละแนวทางอยู่บ้าง เช่น บางคนบอกให้หัวหน้าเขียนแค่วัตถุประสงค์ ส่วนลูกน้องเขียนผลลัพธ์หลัก สำหรับผมถ้าทำแบบนี้ สำหรับการตั้ง OKRs ในระดับทีมงานอย่างเดียว ก็สามารถทำได้ พูดง่าย ๆ คือก็ช่วยกันคิด OKRs ของทีมนั่นแหละ
แต่ถ้าเราอยากจะมีทั้ง OKRs ของทีม และ OKRs รายบุคคลด้วย ผมแนะนำว่าหัวหน้าต้องทำ OKRs ของทีมก่อน ที่มีทั้งวัตถุประสงค์กับผลลัพธ์หลัก (จะปรึกษาร่วมกับลูกน้องก็ได้) และต้องปล่อยให้ลูกน้องคิดวัตถุประสงค์และผลลัพธ์หลักของตัวเองแยกออกจากกัน
อีกประการหนึ่งคือเราไม่ควรยกเอา OKRs ของหัวหน้าเรามาเป็นของเราเลย เพราะถ้าทำเช่นนั้น ก็แปลว่าเรามีความรับผิดชอบเทียบเท่ากับหัวหน้าเรา เช่น OKRs ระดับทีมเป็น OKRs ของหัวหน้าเรา ถ้าเราเอา OKRs ของทีมมาเป็นของเรา ก็แสดงว่าเราคนเดียวก็สามารถทำงานนี้แทนทีมได้ทั้งทีมเลย ซึ่งคงจะไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมหรือเป็นไปได้ ไม่เช่นนั้นเราจะมีทีมไปทำไม
อีกเรื่องคือบางคนแนะนำว่า OKRs ของหัวหน้าทีม กับ OKRs ของทีมควรเป็นคนละตัวกัน จริง ๆ ก็มีคนทำแบบนี้ถึงแม้ว่าเท่าที่เห็นจะไม่มากนัก ส่วนตัวไม่ได้สนับสนุนการทำในลักษณะนี้ เพราะจะเกิดความสับสนได้ง่ายว่า OKRs ของหัวหน้าทีม ต่างจาก OKRs ของทีมตรงไหน ต้องอธิบายกันอีกยาว เพื่อความไม่ซับซ้อน หัวหน้าทีมทำหน้าที่รับผิดชอบ OKRs ของทีมก็น่าจะเพียงพอแล้ว
อีกครั้งว่าทั้งหมดทั้งปวงที่ผมแนะนำมา ไม่ได้บอกว่าเป็นทางที่ดีที่สุดทางเดียวที่องค์กรต้องทำตาม ผมแค่เล่าเหตุผลต่าง ๆ ว่าทำไมผมจึงใช้ทางนี้ และไม่เคยบอกว่าคนอื่นที่ใช้ต่างจากนี้ผิด ไม่ได้ผล องค์กรสามารถเลือกได้ครับว่าทางไหนที่เหมาะกับองค์กรตัวเอง นั่นแหละครับจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด และคงไม่ต้องเถียงกันว่าใครถูกหรือผิดนะครับ
โฆษณา