30 มิ.ย. 2022 เวลา 05:44 • ความคิดเห็น
⦿ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ รับ 5 ข้อเสนอจากสภาองค์กรของผู้บริโภค มุ่งพิจารณากำหนดราคาสายสีเขียวให้สมดุล ทั้งคนใช้บริการและไม่ใช้
• นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ประชุมร่วมกับนางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค เพื่อหารือการกำหนดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว ในการนี้ สภาองค์กรของผู้บริโภคได้ยื่นข้อเสนอให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพิจารณา 5 ข้อ ประกอบด้วย
1. ขอให้ยกเลิกกำหนดราคาตลอดสาย 59 บาท ที่จะทำให้เกิดเพดานราคาสูงสุด ที่จะทำให้ราคารถไฟฟ้าไม่สามารถให้ทุกคนขึ้นได้ทุกวัน ซึ่งอาจส่งผลการเข้าถึงการรับบริการของผู้บริโภค แต่เห็นด้วยกับการเก็บค่าโดยสารจากคูคตเข้ามาในราคา 15 บาท
2. ขอให้ กทม. ใช้ราคา 44 บาทตลอดสาย เพื่อคุ้มครองบริษัทบีทีเอสด้วย โดยราคารวมตลอดสายรวมส่วนขยายทั้ง 2 ฝั่งไม่ควรเกิน 44 บาท เพื่อเป็นต้นแบบให้สายอื่น ๆ ให้รถไฟฟ้าเป็นมิตรทุกคนสามารถขึ้นได้
3. เสนอให้ดำเนินการเอาตั๋วเดือนกลับคืนมา
4. ขอให้เปิดเผยและแก้ไขสัญญาที่เกินเลยปี 2585 จากสัญญาสัปทานเดิมจะหมดในปี 2572 แต่มีการจ้างเดินรถเกินเลยสัญญาสัมปทานหลักไปถึงปี 2585 ขอให้ผู้ว่าฯ หาทางแก้ปัญหาส่วนนี้ หากยกเลิกสัญญาเดินรถส่วนที่เกินเลยจากสัญญาสัมปทานได้ ก็จะมีโอกาสให้การดำเนินการหลังหมดสัญญาสัมปทาน จะทำให้ผู้บริโภคได้ราคาที่เป็นมิตรมากขึ้น
โดยสภาองค์กรของผู้บริโภคสนับสนุนกรุงเทพมหานครไม่ต่อสัญญาสัมปทาน และใช้วิธีการประมูลจ้างการเดินรถ หรือทำสัญญาร่วมทุน (PPP) กับเอกชน โดยแยกเป็น 2 สัญญา คือ (1) สัญญาเดินรถ และ (2) สัญญาหาประโยชน์ พร้อมเสนอว่า หลังหมดสัญญาสัมปทาน ให้ใช้ราคา 25 บาท ซึ่งสภาองค์กรของผู้บริโภคมั่นใจว่าทำได้จริง โดยราคาที่ใช้ก่อนหมดสัญญาก็ขอให้คุ้มครองบริษัทบีทีเอสโดยใช้ราคา 44 บาท
5. เปิดเผยร่างสัญญาสัมปทานของ กทม. ที่กำหนดราคา 65 บาท
• นายชัชชาติกล่าวว่า ขณะนี้ได้รับข้อเสนอทั้งหมดสภาองค์กรของผู้บริโภคไว้พิจารณาแล้ว โดยในประเด็นที่สภาองค์กรของผู้บริโภคกังวลเรื่องราคา 59 กับ 44 บาท เป็นช่วงที่อยู่ในระยะสั้นก่อนหมดสัญญาสัมปทาน แต่ยังมีส่วนต่อขยายอีก 2 ส่วนที่ยังไม่ได้เก็บค่าโดยสาร ส่วนราคาตรงกลางคือ 44 บาท สูงสุดอยู่แล้ว ซึ่งต้องคำนวนตัวเลขดูว่ากรอบ 44 บาท หรือ 59 บาท
ทาง กทม. ต้องชดเชยเงินเท่าไร เพราะหากกำหนดให้ 44 บาทสูงสุด ก็คือวงเงินส่วนตรงกลางที่เอกชนได้สัมปทานอยู่ ถ้าวิ่งออกมาที่ส่วนต่อขยายทั้ง 2 สาย กทม. ก็จะไม่ได้เงินเลย เพราะกำหนดสูงสุดไว้ที่ 44 บาท จึงต้องคำนวนตัวเลขมาให้เปรียบเทียบกับสายอื่น ซึ่งต้องอธิบายได้ว่าทำไมเราเสนอเก็บส่วนต่อขยายที่ยังไม่มีการเก็บเงินอยู่นี้เป็นราคาเท่าไร ส่วนเรื่องที่เสนอให้นำตั๋วเดือนกลับคืนมา รวมถึงตั๋วนักเรียน ต้องไปเจรจากับทางบีทีเอสต่อไป
• สำหรับการเปิดเผยสัญญาการจ้างเดินรถปี 2572 - 2585 มีข้อหนึ่งในสัญญาห้ามเปิดเผยสัญญานี้ ซึ่งต้องไปดูว่า กทม. มีสิทธิจะเปิดเผยหรือไม่ ขณะนี้ได้สัญญามาแล้ว ต้องมาดูให้เกิดความโปร่งใส และจะแก้ไขสัญญาให้กำหนดสิ้นสุดพร้อมกับสัญญาสัมปทานในปี 2572 ส่วนการเปิดเผยสัญญาสัมปทานของ กทม. ที่กำหนดราคา 65 บาท ต้องไปดูรายละเอียดเช่นกัน โดยปัญหาหลักที่ค้ำอยู่คือการจ้างเดินรถปี 2572 - 2585 ซึ่งเป็นการเซ็นสัญญาล่วงหน้ามานานแล้ว มีค่าใช้จ่ายที่สูงประมาณหมื่นกว่าล้านบาทต่อปี ซึ่งกำลังหาทางดำเนินการอยู่
“ต้องขอบคุณสภาองค์กรของผู้บริโภคที่ทำให้เรามีจุดได้คุยกับตัวแทนผู้บริโภค ซึ่งผู้บริโภคมีทั้งผู้ที่ใช้และไม่ใช้บีทีเอส ก็ต้องดูให้สมดุล เราไม่สามารถนำเงินของผู้บริโภคที่ไม่ได้ใช้บีทีเอส มาจ่ายให้กับคนที่ใช้บีทีเอสได้ ซึ่งจะต้องไปเรียนให้ สภากทม. ทราบด้วยว่า สุดท้ายแล้วถ้าเราใช้ราคา 44 บาท กทม. ต้องเอาเงินไปช่วยเท่าไร เงินส่วนนี้ผู้บริโภคกลุ่มอื่นจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ เราคุยกันด้วยหลักการน่าจะอธิบายกันได้ และภายในสัปดาห์หน้า ทางกรุงเทพธนาคม (เคที) น่าจะมีข้อสรุป” นายชัชชาติกล่าว
‣ อ้างอิงและภาพประกอบ https://bit.ly/3u8LUBi
‣ อ่านข่าวอื่น ๆ คลิก https://bit.ly/beartaiBRIEFWEB
#ชัชชาติ #ผู้ว่ากทม #quoteoftheday #beartaiBRIEF
โฆษณา