4 ก.ค. 2022 เวลา 00:00 • ธุรกิจ
ผู้บริหาร และ HR ควรมองค่าจ้างเงินเดือนพนักงานว่าเป็น ค่าใช้จ่าย
หรือเงินลงทุน
เคยทราบหรือไม่ครับว่า ผู้บริหารขององค์กรเรานั้นมองค่าตอบแทนไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน โบนัส และเงินตอบแทนอื่นๆ ที่จ่ายให้กับพนักงานนั้น เขามองเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท หรือมองว่าเป็นการลงทุนที่จะช่วยให้บริษัทเติบโตต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง
วิธีหาคำตอบก็ไม่ยากครับ ถ้าผู้บริหารมองว่าค่าตอบแทนต่างๆ ที่บริษัทจ่ายให้กับพนักงานเป็น ค่าใช้จ่ายของบริษัทแล้วล่ะก็ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ
• ผู้บริหารท่านนั้นจะพยายามทำทุกวิถีทางที่จะลดค่าใช้จ่ายด้านนี้ลง เพราะการทำให้บริษัทได้กำไรทางหนึ่งก็คือ การลดค่าใช้จ่ายลงให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดผลต่างทางด้านกำไรมากขึ้น แต่เงินเดือนบ้านเรามันลดไม่ได้ซะด้วย ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริหารทำก็คือ พยายามขึ้นเงินเดือนให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถ้าขึ้นมากมันก็เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทที่จะต้องรับภาระมากขึ้นไปเรื่อยๆ
• ผู้บริหารท่านนั้น เวลารับพนักงานแต่ละคนจะเน้นเอาราคาถูกไว้ก่อนเข้าว่า แต่อยากได้พนักงานที่เก่งกาจสามารถทุกด้าน เพื่อทำงานให้ดี ต้องสร้างผลงานพัฒนาบริษัทให้ไปสู่ระดับสากลให้ได้ (มันสวนทางกันอย่างไรก็ไม่รู้นะครับ) ผลก็คือ ผู้บริหารก็ต้องมานั่งปวดหัว เพราะงานทุกอย่างพนักงานไม่สามารถทำได้เลย เพราะมัวแต่หาพนักงานราคาถูกที่ไม่เหมาะสมเข้ามาทำงาน
• เวลาบริษัทมีกำไร ก็พยายามตัดจ่ายโบนัสให้กับพนักงานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะถือว่านี่เป็นต้นทุนก้อนใหญ่เลย ให้มากไปกำไรก็หายหมดสิ
• HR นำเสนอหลักสูตรการฝึกอบรมให้ผู้บริหารอนุมัติงบประมาณ เพื่อที่จะได้มีการพัฒนาทักษะ และฝีมือของพนักงานให้ดีขึ้น เพื่อให้สามารถทำงานสร้างผลงานให้กับบริษัท แต่ผู้บริหารท่านนั้นก็จะถามว่า “อบรมไปทำไม ได้อะไรขึ้นมา เห็นอบรมทีไรก็ไม่เห็นจะเกิดผลอะไรเลย เอาเวลาไปทำงานจะดีกว่ามั้ง” ว่าแล้วก็ไม่อนุมัติงบประมาณให้ เพราะมองว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ
• สวัสดิการด้านต่างๆ ที่จะจัดให้กับพนักงานก็เอาเท่าที่กฎหมายกำหนดไว้ก็พอ ไม่ต้องให้อะไรมากมาย เพราะสิ้นเปลือง ให้ไปพนักงานก็ใช้หมด บริษัทไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรเลย นี่ถ้ากฎหมายไม่ได้กำหนดล่ะก็ จะไม่มีจัดสวัสดิการใดๆ ให้เลย
ในทางตรงกันข้าม ถ้าผู้บริหารท่านนั้นมองว่าค่าตอบแทนทุกอย่างที่จ่ายให้กับพนักงานนั้นคือการลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับการบริหารคน ก็จะเป็นไปในทางตรงกันข้ามกับที่เขียนมาทั้งหมด
• ผู้บริหารยินดีที่จะจ่ายมาก เพื่อเป็นรางวัลตอบแทนให้กับพนักงานที่สร้างผลงานที่ดีแก่องค์กร เพื่อเป็นเครื่องมือในการจูงใจให้เขาสร้างผลงานที่ดียิ่งขึ้นไปอีกเรื่อยๆ
• ผู้บริหารท่านนั้นจะรู้ว่า การที่เราได้คนเก่งมาทำงานนั้นผลงานขององค์กรจะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ในการหาคนเข้ามาทำงานจึงยินดีที่จะจ่ายเท่ากับ หรือสูงกว่าตลาด เพื่อดึงดูดคนเก่งๆ เข้ามาทำงานเพื่อสร้างผลงานให้องค์กร
• ผู้บริหารท่านนั้นจะเข้าใจว่า คนนั้นพัฒนาได้ และพัฒนาได้อย่างไม่หยุดยั้ง ไม่เหมือนเครื่องจักรที่เราซื้อมา นานวันเข้าก็มีแต่จะผุพัง และใช้งานได้ไม่เหมือนตอนซื้อมาใหม่ๆ แต่ทรัพยากรบุคคลนั้นไม่ใช่เลย เราจ้างคนเข้ามาทำงาน คนนั้นจะสามารถพัฒนาได้ตลอดเวลา แม้อายุจะมากขึ้นก็ตาม แต่ฝีมือในการทำงานไม่ได้ลดลงเลย แต่ก็ต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า องค์กรยินดีและเต็มใจที่จะพัฒนาคนของเขาให้มีฝีมือที่ดีขึ้น
เพราะการลงทุนเพื่อการพัฒนาคนนั้น เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากที่สุด เพราะพนักงานคนนั้นจะสร้างผลงานให้กับองค์กรอย่างเรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการลงทุนเลยทีเดียว อันนี้เห็นตัวอย่างมาเยอะมากในบริษัทที่ยินดีลงทุนในเรื่องของการพัฒนาคน
• ในเรื่องสวัสดิการก็พยายามจะหาวิธีการและแนวทางใหม่ๆ ในการจ่ายสวัสดิการให้กับพนักงาน เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกสบายให้กับพนักงาน จะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเวลาเจ็บป่วย หรือต้องประสบอุบัติเหตุต่างๆ เป้าหมายก็คือ เพื่อให้พนักงานเกิดความรู้สึกว่าองค์กรยินดีทุ่มเทและลงทุนให้กับเขา ทั้งนี้ก็เพื่อให้เขาสร้างผลงานที่ดีให้กับองค์กรนั่นเอง
ดังนั้นถ้าผู้บริหารมองว่าทรัพยากรบุคคลนั้นคือการลงทุนแล้วล่ะก็ สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ ผลงานขององค์กรจะดีขึ้นในระยะยาว ผลประกอบการจะยั่งยืนกว่า รวมทั้งพนักงานก็จะมีความรู้สึกผูกพันกับองค์กรมากขึ้น เนื่องจากการมองว่าเป็นการลงทุนนั้น โดยปกติ ก็ต้องพยายามที่จะดูแลรักษา เพื่อให้สิ่งที่เราลงทุนไปนั้นออกดอกออกผลคุ้มค่ากับการลงทุน
ในทางตรงกันข้ามถ้ามองว่าเป็นค่าใช้จ่าย เราก็จะพยายามตัด ลด ทอน ให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดความสิ้นเปลือง ผลก็คือ พนักงานไม่ได้รับการพัฒนา ไม่ได้รับค่าจ้างที่จูงใจ ไม่ได้รับการดูแลจากองค์กรในฐานะทรัพยากรบุคคลที่แท้จริง
ผลก็คือ อัตราการลาออกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ผลประกอบการที่ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ยั่งยืน พร้อมกับคำบอกเล่าปากต่อปากของบรรดาอดีตพนักงานว่า “อย่าไปทำงานกับองค์กรนี้เลย อยู่เฉยๆ ยังจะดีซะกว่า”
โฆษณา