5 ก.ค. 2022 เวลา 01:47 • ความคิดเห็น
เคยครับ เป็นมาตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ เขาเรียกว่าไปปลีกวิเวกเช่นไปอยู่ป่า ไปติดเกาะ เข้าวัดถือศีลบวชชีพราหมณ์ นั่งสมาธิ แล้วแต่จริตคนก็ว่ากันไป นัยว่าเป็นการหลบหลีกผู้คนหลีกหนีสิ่งมารบกวนจิตใจ ทําให้จิตสงบ สบายใจ ยิ่งห่างไกลผู้คนยิ่งชอบ
แต่พอได้กลับมาทํางานเป็นปรกติ ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม หงุดหงิด ฟุ้งซ่าน เกลียดขี้หน้าคน ไม่ชอบหัวหน้า เบื่อเพื่อนร่วมงาน เบื่อลูกน้อง กลับไปบ้านเจอครอบครัว ก็สะสมอารมณ์ไม่ดีมาระบายต่อที่ครอบครัว
แต่พอเราประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ผู้คนนิยมชมชอบ มีแต่คนรักใคร่ เรายักไม่ไปปลีกวิเวก ความคิดที่จะไปอยู่เกาะหรืออยู่คนเดียวไม่มีในหัว นั่นเป็นเพราะจิตของเราวิ่งเกาะอารมณ์ที่ชอบและปฏิเสธอารมณ์ที่ไม่ชอบ เมื่อเราไม่ชอบสภาพแวดล้อมและสิ่งรบกวน จิตจึงหาที่เกาะใหม่ ความสงบคือสิ่งที่จิตต้องการเกาะและยึดเหนี่ยวเป็นอย่างยิ่งในเวลานั้น คําว่าปลีกวิเวกจึงมีเข้ามาในหัวและพบกับความสงบดังที่หลายๆคนชอบ แต่พอกลับมาทํางานก็พบความไม่สงบ พบสิ่งที่ไม่ชอบเหมือนเดิม
พูดง่ายๆว่าถ้าเจอสิ่งที่ชอบก็จะสงบ ถ้าไม่ชอบก็ไม่สงบ โดยไม่รู้ว่าสงบที่แท้จริงเป็นอย่างไร? ชีวิตก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้
เป็นไปได้ไหมที่การอยู่คนเดียวจะไม่เสียปล่าวและการอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของผู้คนก็สงบได้ สงบที่แท้จริงต้องสงบท่ามกลางสิ่งเร้า ไม่ใช่สงบแบบไม่มีสิ่งเร้าแบบไปอยู่ตามป่าตามเขา การที่พระพุทธเจ้าทรงเสวยชาติมาเป็นมนุษย์ก่อนที่จะดับขันธปรินิพพาน ทําไม่ท่านไปไม่เกิดในภพภูมิชั้นสูงพวกเทวดาหรือพรหมโลกจะไม่ดีกว่าเหรอ? จะมาเจอความทุกข์ ความลําบากลําบนบนโลกมนุษย์ทําไมกัน? เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เหมือนกับคําว่าสงบท่ามกลางความไม่สงบ ความสงบท่ามกลางความวุ่นวายนําไปสู่หนทางแห่งการหลุดพ้นโดยแท้จริง
ซึ่งในโลกของเทวดาและพรหมโลกมันมีแต่ความสงบ ว่างปล่าวและเป็นสุขอย่างยิ่ง ซึ่งไม่ใช่ภพภูมิแห่งการหลุดพ้น โลกมนุษย์คือสถานที่ที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง มีทุกข์ มีสุข มีไตรลักษณ์อย่างหยาบปรากฏอยู่ทั่ว มีสิ่งที่ให้เรียนรู้อยู่มากมาย มีปลีกวิเวกให้เรียนรู้ว่าสงบชั่วคราว
1
สงบแท้จริง ต้องสงบท่ามกลางสิ่งเร้า ไม่ว่าจะเป็นเสียงบ่นด่า นินทา ว่ากล่าว ให้ร้าย ชื่นชม ยินดี ยกยอปอปั้น ความชอบไม่ชอบ ความโกรธ ตัวที่ทำให้เราไม่สงบ ตัวนั้นก็คือจิตของเราไม่สงบ เพราะจิตมันจะเหมือนลิงหรือเด็กที่วิ่งวุ่นไปทั่ว หาอะไรจับเล่นตามอารมณ์ จิตก็จะวิ่งหาอารมณ์ที่ชอบและปฏิเสธอารมณ์ที่ไม่ชอบอยู่เสมอ วิธีที่ทําให้เด็กหรือลิงหยุดวิ่งก็คือหาของเล่นหรือกล้วยมาล่อ จิตก็เช่นเดียวกัน การหาอะไรมาล่อจิต ทําได้ง่ายมาก พระท่านใช่วิธีภาวนา พุทโธกับตามลมหายใจ เข้าออก
เราสามารถทําได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องไปนั่งหลับตาทําสมาธิ เมื่อจิตมีตัวล่อเป็นอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งดังกล่าว จิตก็จะเข้าสู่ความสงบเองโดยอัตโนมัติท่ามกลางความวุ่นวายภายนอก เมื่อเราฝึกทำบ่อยๆ เรากําลังเข้าสู่โหมดภาวนาหรือที่เรียกว่าการเจริญสติ ซึ่งมีรายละเอียดปลีกย่อยมากมายลองหาศึกษาเอาเอง การเจริญสติสามารถทําได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งที่ทํางาน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าให้ท่านไปนั่งหลับตาทําสมาธิในที่ประชุมหรือใน office
โฆษณา