6 ก.ค. 2022 เวลา 05:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จับตาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ครึ่งปีหลัง เห็นสัญญาณใกล้ผ่านจุดต่ำสุด
มาจนถึงวันนี้ เชื่อว่า นักลงทุนได้ผ่านครึ่งปีแรกอย่างเข้มแข็ง ซึ่งเข้มแข็งในที่นี้ หมายถึง จิตใจของนักลงทุนทุกท่าน ที่ต้องเข้มแข็งในการเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนพอสมควร ราคาสินทรัพย์หลายประเภทมีการย่อตัวลง ซึ่งหากใครมีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย อาจช่วยลดผลกระทบต่อพอร์ตการลงทุนไปได้บ้าง
1
ครึ่งแรกของปี 2565 ประเทศส่วนใหญ่ยังประสบภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัญหาโรคระบาด Covid-19 ที่ยังต้องการแรงสนับสนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอยู่ ทว่า ถูกปั่นป่วนด้วยภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงจากราคาสินค้าอาหารและโภคภัณฑ์
3
จนทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต้องกุมขมับที่ต้องตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเพื่อชะลอความร้อนแรงของเงินเฟ้อ ในช่วงเศรษฐกิจยังเปราะบาง นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญของนักเศรษฐศาสตร์ในการหาทางออกให้กับปัญหาเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงชะงักงัน (Stagnation) และมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession)
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มในครึ่งปีหลังเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ โดย ดร. มิ่งขวัญ ทองพฤกษา Chief Economist จาก BBLAM ได้ให้มุมมองเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ว่า
1
“ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดนั้น มักจะมีแสงสว่างเล็ก ๆ เสมอ เพราะเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงกลางปี เราได้พบสัญญาณเชิงเศรษฐกิจบางอย่างที่อาจจะพอทำให้นักลงทุนใจชื้นได้บ้าง นั่นคือ
1
1) อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ น่าจะพีคพร้อมไต่ลง
2) สถานการณ์ที่แย่ที่สุดในจีนน่าจะจบแล้ว และ
3) ระดับราคาพลังงานและอาหารไม่น่าจะสูงมากไปกว่านี้
แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เล็ก ๆ นี้น่าจะแจ่มชัดขึ้นเมื่อเข้าสู่ปลายปี
เราจึงมองว่าจังหวะนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการเข้าลงทุนเน้นคุณภาพ เพื่อสะสมต้นทุนต่ำ เนื่องด้วยตลาดซึมซับข่าวร้ายสะท้อนผ่านการปรับลดลงของราคาไปมากแล้ว
ในเชิงของวัฏจักรเศรษฐกิจที่เข้าสู่โหมดกังวลต่อสภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจนั้น การเลือกลงทุนในประเทศที่รองรับด้วย ปัจจัยหนุนภายใน และมีค่าสหสัมพันธ์ต่อดอกเบี้ยสหรัฐฯ ต่ำ เช่น จีน เวียดนาม ดูจะเป็นทางเลือกที่ดี ขณะที่นักลงทุนที่ยังนิยมลงทุนในกลุ่มประเทศ DM ในปีนี้อาจจะสามารถลงทุนเพื่อสะสมต้นทุนต่ำ (เพื่อรอรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว) ในช่วงที่เกิดข่าวร้ายหากสามารถยอมรับกับความผันผวนทางเศรษฐกิจมหภาคได้”
ภายใต้แนวโน้มตลาดที่ยังคงผันผวน BBLAM ยังแนะนำให้กระจายความเสี่ยงที่หลากหลาย ซึ่งผู้ลงทุนที่สนใจตลาดจีนและเวียดนามที่มีปัจจัยบวกภายในหนุนการเติบโตในระยะยาว สามารถลงทุนผ่านกองทุนรวมที่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลปรับพอร์ตการลงทุนให้สอดรับกับสถานการณ์ แนะนำกองทุน B-CHINE-EQ และ B-VIETNAM นอกจากนี้ ยังมีทางเลือกสำหรับผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาว ที่ต้องการได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีกับกองทุน RMF และ SSF อีกด้วย โดยกองทุน RMF ขอแนะนำกองทุน B-CHINAARMF และ B-VIETNAMRMF สำหรับ SSF แนะนำกองทุน B-CHINESSF
1
สนใจข้อมูลเพิ่มเติม
B-CHINE-EQ คลิก https://bit.ly/3L3B3is
B-CHINAARMF คลิก https://bit.ly/3GwTjzg
B-CHINESSF คลิก https://bit.ly/3z4Hj6n
B-VIETNAM คลิก https://bit.ly/3aLKG8c
B-VIETNAMRMF คลิก https://bit.ly/3Pj4rUw
คำเตือน: การลงทุนมิใช่การฝากเงินและมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจไม่ได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อไถ่ถอน (ไม่คุ้มครองเงินต้น) / ผู้ลงทุนต้องศึกษาและทำความเข้าใจลักษณะสินค้า ข้อมูลสำคัญ นโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุในคู่มือการลงทุนในกองทุนรวม RMF/SSF ก่อนการตัดสินใจลงทุน
กองทุนที่มีการลงทุนในต่างประเทศมิได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมด ทั้งนี้ อยู่ในดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจากการลงทุนในกองทุนดังกล่าว หรืออาจได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
#BBLAM #BCHINEEQ #BCHINAARMF #BCHINESSF #BVIETNAM #BVIETNAMRMF #กองทุนรวม #ลงทุน #ลงทุนในกองทุนรวม
โฆษณา