7 ก.ค. 2022 เวลา 03:03 • ความคิดเห็น
เป็นคำถามที่ดีและน่าสนใจมาก
ผมอยากจะบอกว่ามันไม่สามารถวัดได้
ว่าคนรวยจะเป็นคนที่เก่งกว่า
ถ้าหากอยากจะเปรียบเทียบและวัดค่า
เราก็ต้องทำให้คนสองจำพวกนี้
มีทรัพยากรทุกอย่างเหมือนกัน
มันจะต้องอยู่ที่จุดเริ่มต้นว่าทุกคนนั้น
จะต้องเริ่มต้นจากจุดเดียวกันเท่านั้น
เราถึงจะเปรียบเทียบได้ว่าใครเก่งกว่ากัน
คนที่มีพร้อมทุกอย่างนั้น
เกิดมามีโอกาส มีconnection
ที่เอื้อประโยชน์ให้กันไปมา
แม้ว่าจะล้ม ก็เป็นการล้มบนฟูก
2
ในขณะที่คนจนชีวิตเต็มไปด้วยภาระ
เรียนบ้างไม่เรียนบ้าง
ต้องออกมาทำงานช่วยพ่อแม่
ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ
รวมถึงพื้นฐานการศึกษาที่ไม่ดีพอเท่ากับคนรวย
นี่คือห่วงโซ่ที่ไม่อนุญาตให้คนจนลืมตาอ้าปากได้
เราอาจจะเห็นว่าคนจนประสบความสำเร็จได้
แต่ก็มีน้อยรายเหลือเกิน
ซึ่งแตกต่างจากคนรวย
แม้ว่าจะเรียนไม่เก่ง หรือธุรกิจล้มเหลว
แต่ว่าด้วยการมี connection
กับพื้นฐานทางการเงินที่ดีกว่า
โอกาสพร้อมกว่า จึงทำให้คนรวยล้มบนฟูก
แล้วไปเกาะผู้มีอำนาจ
แล้วสามารถประสบความสำเร็จได้
ด้วย connection ที่เอื้อประโยชน์ให้กันไปมา
ส่งผลให้เป็นคนที่มีอันจะกิน
แม้ว่าคนรวยจะไร้ความสามารถ
หรือไม่มีความเก่งเท่าคนจนก็ตาม
แต่ชีวิตเขาก็สามารถอยู่ได้
และประสบความสำเร็จ
และมีโอกาสมากกว่าคนจนแน่นอน
คนรวยบางคนเกิดมา แม้อาจจะไม่เก่ง
แต่มีความใฝ่รู้และได้รับการผลักดัน
เพราะมีพื้นฐานการเงินที่ดี
ได้มีโอกาสไปเรียนต่อเมืองนอก
ได้มี connection
ทำให้มีพื้นฐานในด้านภาษาที่ดีกว่าคนที่ยากจน
ในขณะที่คนจน อดมื้อกินมื้อ
ไม่มีโอกาสได้เรียนโรงเรียนดีๆ
ไม่มีโอกาสไปเมืองนอก
ทักษะด้านภาษา 0%
ส่งผลให้คนจนยิ่งไม่เก่งไปเรื่อยๆ
และไม่มีconnection ไม่มีเส้นสาย
หากวันใดล้มหมอนนอนเสื่อ
ก็ถือเป็นวันโลกาวินาศได้เลย
ซึ่งความเป็นจริงแล้ว
มันไม่สามารถเปรียบเทียบได้
ว่าคนรวยนั้นเก่งกว่าจริงหรือเปล่า
หากอยากจะเปรียบเทียบว่าใครเก่งหรือไม่
ก็จะต้องทำให้คนรวยและคนจนนั้น
เริ่มต้นจากจุดเดียวกัน
คือมีทุกอย่างเหมือนกัน ได้รับโอกาสเหมือนกัน
นั่นแหละถึงจะสามารถเปรียบเทียบได้
ว่าใครเก่งจริงหรือไม่จริง
ทุกวันนี้ไม่สามารถเปรียบเทียบได้และวัดค่าได้
ดังนั้นคนรวยไม่สามารถพูดได้เต็มปากได้
ว่าเป็นคนที่เก่งจริงไหม
สิ่งที่คนรวยพึงจะสำนึกและเป็นสิ่งที่ควรจะทำ
นั่นก็คือ EQUITY =ความเสมอภาค
นั่นก็คือ การเคารพในความเป็นมนุษย์
โดยมีศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์
มีร่างกายจิตวิญญาณ
ไม่เว้นแม้แต่คนพิการ คนยากจน
คนสติไม่ดี คนด้อยโอกาส
โดยทั้งหมดจะต้องมีความเสมอภาค
มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ภายใต้กฎหมาย
EQUITY
คือความเสมอภาค แต่ไม่ใช่ความเท่าเทียม
หมายความว่าทุกคนจะได้เข้าถึงโอกาส
แม้ว่าสภาพสังคมจะไม่เหมือนกันก็ตาม
คำว่าความเสมอภาคจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
เพราะสภาพสังคมของคนไม่เหมือนกัน
โอกาสย่อมไม่เท่าเทียมกัน
ก็จะทำให้เกิดอุปสรรคในการเข้าถือโอกาส
เกิดความไม่เสมอภาคกัน
ดังนั้นถ้าอยากให้เกิดความเท่าเทียมนั้น
ก็จะต้องเริ่มที่คำว่าเสมอภาค
ต้องทำให้มีความเสมอภาคกันก่อน
คำว่าเท่าเทียม คือการได้อะไรเหมือนๆกัน
ส่วนคำว่าเสมอภาค คือความยุติธรรม
ในทางปฏิบัติให้เกิดความเสมอภาค
และนำไปสู่ความเท่าเทียม
ก็คือคนที่มีโอกาสน้อยที่สุด
จะต้องได้รับการส่งเสริมช่วยเหลือมากที่สุด
ส่วนคนที่มีความได้เปรียบอยู่แล้ว
ก็ไม่ต้องได้รับอะไรมาเสริมหรือมาเอื้อ
แต่ตรงกันข้าม อาจจะต้องเสียสละให้คนอื่น
ที่ไม่มีโอกาสได้มากเท่าตัวเอง
ถ้าเราทำแบบนี้ได้
โดยได้รับการร่วมมือทางกฎหมาย
ได้รับการส่งเสริมจากนักการเมือง
เพื่อสภาพสังคมที่จะได้เจริญขึ้น
และความเป็นอยู่อันผาสุขของมนุษย์
ความเสมอภาคก็จะมุ่งไปสู่ความเท่าเทียม
และสุดท้ายเราก็จะได้สิ่งที่เราเรียกร้อง
นั่นก็คือ ความยุติธรรม
ข้อสรุปของคำถามนี้ สำหรับผมก็คือ
คนรวยไม่สามารถพูดได้เต็มปาก
ว่าเป็นคนที่เก่งจริงกว่าคนที่ยากจนขัดสน
เพราะเปรียบเทียบกันไม่ได้
คนรวยจึงควรทำได้แค่
เคารพศักดิ์ศรีในความเป็นมนุษย์
มากกว่าการโอ้อวดตนเอง
หรือกดขี่ดูถูกคนจน
แม้ว่าตนเองจะเก่งกว่าคนจน
ด้วยสภาพจุดเริ่มต้นของสังคมที่ได้เปรียบ
แต่คนรวยก็จะต้องพึงสังวรไว้ว่า
ไม่ได้เก่งอย่างแท้จริง
1
คนรวยที่เป็นคนดีจะเข้าใจ
และเห็นใจและพยายามให้ความรู้
หยิบยื่นโอกาสและมีความเสมอภาคในหัวใจ
เพราะเขาเข้าใจว่าทรัพยากรเราต่างกัน
จึงไม่สามารถกดข่มคนจนได้
นี่คือคนรวยที่นิสัยดีและเป็นคนที่ดีจริงๆ
โฆษณา