8 ก.ค. 2022 เวลา 13:42 • หนังสือ
🔉"เสียงรบกวนเล็กน้อย" เพิ่มสมาธิ คลายเครียด ช่วยเรียนรู้
ถ้าผมถามเพื่อน ๆ ว่า "สภาพแวดล้อมแบบใดช่วยให้เรามีสมาธิในการทำงานมากกว่ากันระหว่าง เงียบสงบ กับ มีเสียง?"
หลายคนก็อาจจะตอบว่า "ต้องแบบเงียบ ๆ สิ จะได้โฟกัสได้เต็มที่ เสียงมันทำให้สมาธิ!" แต่อีกหลายคนก็อาจจะบอกว่า "ไม่จริงน่าา~ เงียบเกินไปก็เสียสมาธิได้เหมือนกัน" ซึ่งไม่ว่าเพื่อน ๆ จะตอบแบบไหนก็ไม่มีผิดไม่มีถูกเลยครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าแบบเราเหมาะกับแบบเงียบสงบหรือแบบมีเสียงมากกว่ากัน
ถ้าเพื่อน ๆ เป็นคนที่มีสมาธิดีอยู่แล้ว การทำงานในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบจะช่วยให้เพื่อน ๆ โฟกัสได้มากยิ่งขึ้น🔈
แต่ถ้าเพื่อน ๆ เป็นคนที่ปกติไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ การที่สภาพแวดล้อมมันเงียบเกินไปจะทำให้เราไวต่อเสียงหรือสิ่งรบกวนที่เกิดขึ้นใหม่ได้ง่าย แล้วการจะกลับมาโฟกัสกับสิ่งตรงหน้าได้ใหม่อีกครั้งก็ต้องใช้เวลารวบรวมสมาธิอีกพอสมควรเลย🔉
มีการทดลองนึงที่ให้หนูทดลองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไร้ซึ้งเสียงรบกวนโดยสิ้นเชิงแล้วรอดูว่าหนูจะมีประสิทธิภาพในการเรียนรู้เป็นอย่างไร ผลปรากฏว่า หนูทดลองจำอะไรไม่ได้เลย แต่เมื่อให้หนูทดลองฟังเสียง "White Noise" ประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของหนูกลับเพิ่มมากขึ้น🐀
ส่วนในมนุษย์เองก็มีการวิจัยของมหาวิทยาลัยสต็อกโฮล์ม (Stockholm University ประเทศสวีเดน) ที่ให้นักเรียนสองกลุ่มฟังเสียง White Noise กลุ่มหนึ่งเป็นกลุ่มที่ปกติไม่ค่อยมีสมาธิ กับอีกกลุ่มเป็นกลุ่มที่มีสมาธิดีอยู่แล้ว
พบว่านักเรียนที่ปกติไม่ค่อยมีสมาธิมีประสิทธิภาพในการเรียนเพิ่มมากขึ้นเมื่อฟังเสียง White Noise ไปด้วย แต่ในทางกลับกันเมื่อให้นักเรียนที่มีสมาธิอยู่แล้วฟังเสียง White Noise ประสิทธิภาพในการเรียนกลับลดน้อยลง🤓
แล้ว #WhiteNoise คืออะไร? ทำไมถึงส่งผลกับประสิทธิภาพในการเรียนรู้ได้?
อธิบายง่าย ๆ "White Noise" คือเสียงที่มีช่วงคลื่นความถี่แบนราบเรียบสม่ำเสมอ เช่นเสียงซ่าของจอทีวี เสียงน้ำตก เสียงลม เสียงคลื่น เสียงนกร้องหรือเสียงในร้านกาแฟที่ไม่ได้มีการขึ้นลงของความถี่มากนัก🌊
เสียงเหล่านี้จะช่วยเพิ่มคลื่นอัลฟ่าในสมอง ส่งผลให้เรารู้สึกผ่อนคลายและมีสมาธิมากขึ้น ช่วยให้เราไม่ต้องหันไปสนใจกับสิ่งรอบข้างเราจึงโฟกัสกับสิ่งตรงหน้าได้มากขึ้น มีสมาธิกับความคิดของตัวเองได้มากขึ้น ประสิทธิภาพในการเรียนรู้จึงเพิ่มมากขึ้น👍🏻
แต่เสียง White Noise ก็ไม่ได้เหมาะกับทุกคน!
เพราะอย่างในผลการทดลองที่บอกว่าคนที่มีสมาธิอยู่แล้วจะทำงานได้ดีกว่าในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ส่วนคนที่ปกติไม่ค่อยมีสมาธิ การทำงานในสถานที่ที่มีเสียงรบกวนอยู่บ้างก็จะช่วยให้มีสมาธิได้มากกว่า
ซึ่งตรงนี้เราก็ต้องลองสังเกตุตัวเองดูว่าเราชอบหรือเหมาะกับสภาพแวดล้อมแบบไหนมากกว่ากัน อย่างผมเองก็ชอบที่จะอ่านหนังสือตอนเงียบ ๆ มากกว่า แต่ถ้าเป็นการทำงานหรือการเขียนบทความผมจะชอบเปิดเสียงดนตรีบรรเลงหรือเสียง White Noise "คลอไปเบา ๆ"
และต้องเน้นย้ำว่า "คลอไปเบา ๆ"!
เพราะถ้าเราเปิดเสียงดังเกินไปผลที่ได้ก็จะตรงกันข้ามเลย
โดยเฉพาะเสียงที่มีจังหวะขึ้นลงไม่คงที่และมีความหมายเช่นเสียงพูดคุย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ใช้ถ้อยคำจึงทำให้เราเสียสมาธิได้ง่ายเพราะเราอาจจะเผลอไปจับใจความหรือแปลความภาษาเหล่านั้น
การมีหูฟังดีั ๆ ที่มีระบบตัดเสียงรบกวนหรือ Noise cancelling ก็จะช่วยให้เราลดเสียงรบกวนที่ดังมากเกินไป ช่วยลดโอกาสที่เราจะเผลอไปแปลความหมายของคำให้น้อยลง พูดง่าย ๆ ก็คือลดโอกาสที่เราจะฟังเรื่องของชาวบ้านเขารู้เรื่องนั่นเอง
แหม่ะ ย่อหน้าเมื่อกี๋เหมือนผมจะมาขายหูฟังตัดเสียงรบกวนเลยแฮะ แต่ไม่ใช่นะครับ แค่จะมาบอกว่าหูฟังตัดเสียงรบกวนมันเปลี่ยนโลกการทำงานและการพักผ่อนของเรามากจริง ๆ ยิ่งเปิดคู่ไปกับเสียง White Noise ยิ่งทำให้เรามีสมาธิมากยิ่งขึ้นถือเป็นสิ่งสำคัญที่ผมขาดไม่ได้เลยเวลาผมออกไปทำงานนอกบ้านหรือแม้แต้กระทั่งนั่งทำงานอยู่ที่บ้านแต่ข้างบ้านไม่เห็นใจเพราะเขาไม่ได้ทำงานไปด้วยกับเรา แต่เขาร้องเกะ... เสียงดัง... 5555
ขอบคุณที่เปิดใจอ่านบทความนี้จนจบ
"Just take a baby step." 👶🏻 By #มนุดปอ #manudpor
#psychology #จิตวิทยา #พัฒนาตนเอง #selfdevelopment #selfgrowth #Book #Input #Focus #Productivity | 063/2022 (มนุดปอ Ep.103)
👨🏻‍🏫อ้างอิงและศึกษาเพิ่มเติม
📙หนังสือ
- The Power of Input "ศิลปะของการเลือก รับ รู้" | Shion Kabasawa
- LIFE HACKS มูฟออนชีวิต เริ่มคิดแบบเล็ก ๆ | Masatake Hori
โฆษณา