18 ก.ค. 2022 เวลา 13:54 • ปรัชญา
ในความเป็นจิตของชีวิต มนุษย์นั้นถูกปรุงแต่ง ไปด้วยกรรม เป็นกระแสอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดอยู่ตลอดเวลา ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใด ชำระสะสางกระแสอารมณ์นั้นได้เลย เพราะมันเกิดมาจากการสะสมกรรมที่ธาตุทั้งสิ่งเก็บบันทึกไว้ให้ แล้วมนุษย์ที่เกิดมา ก็มีอารมณ์ที่เค้าให้มาตั้งแต่เกิดติดตัวมา เนื่องด้วยกรรมของตน มีอารมณ์พอใจไม่พอ ผืดหวังเสียใจที่ไม่ได้อย่างใจตามที่อารมณ์นั้นปรุงแต่งให้ ให้เกิดมีความยึดถือ จมอยู่กับกรรม โดยไม่รู้ตัว
สติของคนเรา แล้วก็มีผู้พูดให้ฟัง ว่าสมองของมนุษย์ยุคนี้ เหมือนกับกรรมเต้าสร้างให้ยินดีอยู่กับกรรม เรื่องที่จะนำพากายไปสร้างบุญกุศลบารมี สมองของมนุษย์สมัยนี้มันถูกปิด ปิดด้วยอารมณ์นึกคิด ทะเยอทะยาน ไปจนแก่ ไม่เคยหยุดพัก จิตนั้นแหละที่ ไม่รู้จักกรรม จึงนำพากายสร้างกรรม สะสมกรรม สะสมมากเข้า กายก็หนัก ความเจ็บปวด โรคภัย ความแก่เฒ่าชราก็เข้ามาเบียดเบียนเกิดขึ้นที่กาย จิตก็ต้องทุกข์ไปกับกายที่มีแต่กรรม ไม่มีกุศลมาหนุนนำกาย
เพราะจิตนั่น มีแต่กรรม กรรมเค้าก็หล่อเลี้ยงชีวิต ขับเคลื่อนให้เป็นไปตามยถากรรม นั่นก็คือ จิตที่ไม่สามารถจะแก้ไข อะไรให้กายและจิต ให้มีสิ่งดีๆหนุนนำช่วยเหลือขึ้นมาได้ มันก็มีแต่กรรมที่ขับเคลื่อนไป เราก็ลองเปรียบเทียบชีวิตของคนเรา ที่สร้างกรรม .จนมีเรื่องราวที่ต้องไปอยู่ในคุก ไปอยู่ในสถานที่กักกัน เค้าก็มีอาหารที่อยู่ที่อาศัยให้ นั่นก็เป็นกรรม ที่หล่อเลี้ยงชีวิตเค้า
บุคคลที่ไม่มีอารมณ์อะไรรบกวน จิตก็เป็นสุข นั้น เป็นจิตของผู้ที่ใกล้เป็นพระอรหันต์ จิตท่านมีแต่ นิ่งเฉย เป็นจิตที่แท้จริง แต่ก็ยังต้องอาศัยอยู่กับกาย ดูแลสังขาร ไปจนกว่าจะหมดสัญญาที่ต้องมาเกิดชำระสะสางจิต หมดเหตุที่จะต้องเกิด
โฆษณา