20 ก.ค. 2022 เวลา 02:06 • การศึกษา
ไม่ว่าสาเหตุมาจากอะไร สงครามมันโหดร้ายเสมอ
คุณแม่ที่ให้กำเนิด 9 วีรชน ชาวรัสเซีย
หลายคนคงเคยดูหนังเรื่อง Saving Private Ryan แต่สำหรับคนที่ไม่ได้ดู ก็ขอเล่าเนื้อเรื่องของหนังให้ฟังกันคร่าวๆ ก็แล้วกันครับ
หนังเรื่องนี้เป็นเรื่องคุณแม่ของครอบครัวสกุลไรอัน ซึ่งส่งลูกชาย 4 คนไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรากฏว่า ลูกชาย 3 คนต้องเสียชีวิตในสงคราม ส่วนลูกชายคนที่เหลือ ก็กำลังอยู่ในสมรภูมิการสู้รบ กองทัพจึงต้องพยายามอย่างที่สุดในการนำพลทหารไรอันนายนี้กลับออกมาจากสนามรบ เพื่อให้เขาไปทำหน้าที่ดูแลแม่ เพราะไม่มีใครอื่นเหลืออีกแล้ว ทหารกลุ่มหนึ่งจึงถูกส่งไปทำหน้าที่นำเขาออกจากสนามรบ
คุณแม่ของครอบครัวไรอัน เสียลูกชายไปในสงคราม 3 คน แต่คุณแม่ที่สหภาพโซเวียตรายหนึ่ง เสียลูกชายไปในสงครามถึง 9 คน และท่านก็ได้รับการยกย่องจากทั้งชาติจากการเสียสละสายเลือด เลือดเนื้อเชื้อไขของท่านเองให้กับประเทศชาติ คุณแม่ท่านนี้มีตัวตนจริงๆครับ
สำหรับอมตะวาจาของแม่ผู้ยิ่งใหญ่ที่ กินใจคนโซเวียตหลายคนรายนี้ก็คือคำพูดที่ว่า " ถ้าคุณรู้สึกว่ามีปัญหาหนักอก จงนึกถึงโชคชะตาของฉัน แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้น "
เพราะคงไม่มีปัญหาอะไรหนักอกมากไปกว่าการที่แม่คนหนึ่งต้องเสียลูกไปในสงครามถึง 9 คนเป็นแน่
คุณแม่รายนี้มีชื่อว่า เอปิสติเนีย สเตปาโนว่า ท่านเป็นผู้หญิงรัสเซียธรรมดาสามัญ ครอบครัวมีฐานะยากจน ซึ่งก็เป็นฐานะของคนส่วนใหญ่ของชาวรัสเซียยุคก่อนการปฏิวัติ ปี 1917 โดยท่านเกิดเมื่อปี 1874
1
เมื่อถึงวัยมีครอบครัว ท่านก็แต่งงานกับหนุ่มมิคาอิล และทำมาหากินด้วยการเป็นชาวนา อยู่ในเขตทางใต้ของรัสเซีย และมีลูกมากมายตามสไตล์ของชาวไร่ชาวนายุคเก่า โดยท่านมีลูกมากถึง 15 คน แต่เหลือรอดจนโตแค่ 10 คน เป็นผู้ชาย 9 คน และหญิง
1 คน ส่วนสามีนั้นเสียชีวิตตั้งแต่ปี 1933
ลูกชายของท่านที่เสียชีวิตในสงคราม ประกอบไปด้วย
1 .อเล็กซานเดอร์ มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1901-1918) โดยในช่วงสงครามกลางเมืองหลังการปฏิวัติปี 1917 พลพรรคใต้ดินรายนี้ ถูกประหารชีวิตโดยพวก " ขาว " จากการช่วยเหลือพวกกองทัพแดง
2. นิคาลัย มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1903-1963) รายนี้เป็นคนเดียวที่รอดชีวิตกลับมาจากสงคราม แต่ก็กลับมาในฐานะของคนพิพาร และในที่สุดก็เสียชีวิตจากผลพวงของการบาดเจ็บที่ได้รับจากสงครามโลกครั้งที่ 2
3. วาซิลี่ มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1908-1943) เสียชีวิตระหว่างการสู้รบในแนวหน้า ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
4. ฟิลิปป์ มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1910-1945) เสียชีวิตในค่ายเชลยศึกที่เมือง Paderborn ในเยอรมนี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
5.ฟีโอดอร์ มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1912-1939) เสียชีวิตในการสู้รบกับทหารญี่ปุ่นที่มองโกเลีย
6. อีวาน มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1915-1943) เสียชีวิตในแนวหน้า ระหว่างการสู้รบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ศพถูกฝังอยู่ที่เบลารุส
7. อิลเลีย มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1917-1943) เสียชีวิตในการสู้รบช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
8. ปาเวล มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1919-1941) เสียชีวิตในแนวหน้าในการสู้รบระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
และ คนสุดท้าย
9. อเล็กซานเดอร์ มิไคโลวิช สเตปานอฟ (1923-1943) เสียชีวิตในแนวหน้าในการสู้รบระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ในภายหลัง เขาได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษแห่งสหภาพโซเวียต ซึ่งถือเป็นการเชิดชูในระดับสูงสุดของทหารในยุคนั้น
ลูกของแม่ 7 คน เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 มากกว่าแม่จากครอบครัวไรอันในหนังถึงกว่า 2 เท่า และที่สำคัญ นี่ไม่ใช่เรื่องอิงนิยาย
ชัยชนะในสงครามของสหภาพโซเวียต คุณแม่ท่านนี้ต้องแลกมาด้วยชีวิตของลูกถึง 9 คน มันเป็นชัยชนะที่สุดแสนแพงที่สุดสำหรับผู้หญิงที่สุดแสนจะธรรมดารายนี้ต้อง เป็นคนจ่าย
หลังสงครามท่านเหลือลูกสาวอยู่เพียงคนเดียว
ว่ากันว่าเมื่อลูกชายของท่านถูกทางการเรียกตัวเข้าสู่สนามรบ ท่านเดินทางไกลเพื่อไปส่งลูกชายทุกคน แม้ว่าการเดินทางในสมัยนั้นจะยากลำบาก ต้องเดินข้ามทุ่งข้ามภูเขา แต่ท่านก็ไป และจากทั้งหมดที่ไปส่ง มีเหลือกลับมาแค่คนเดียวในสภาพที่พิการ
1
เมื่อลูกๆจากไปสู่สนามรบ ตอนแรกๆ ก็มีจดหมายจากแนวหน้าส่งมาถึงแม่ เพื่อบอกเล่าสารทุกข์สุกดิบ อย่างในจดหมายถึงแม่ฉบับหนึ่ง อเล็กซานเดอร์ หรือที่แม่ชอบเรียกว่า ซาช่า ส่วนพวกพี่ๆมักเรียกว่า " มิซินชิก " ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่แม่พาไปส่งเข้าสู่สนามรบ เขียนว่า " อีกไม่ช้าจะกลับมาสู่บ้านเกิด ผมสัญญาว่าจะสู้กับไอ้พวกบ้าเพื่อ ( เมือง ) คูบาน บ้านเกิด เพื่อชาวโซเวียตทั้งผองจนถึงลมหายใจสุดท้าย ถ้าหัวใจของผมยังเต้นอยู่ "
1
แต่ไปๆมาๆ จดหมายก็ค่อยๆหายไป ตอนแรกแม่ก็ไม่รู้ แม่รู้สึกกังวลใจ และรอคอย จนมาถึงปี 1943 ปีที่หนักหนาแสนสาหัสสำหรับคนเป็นแม่ในโซเวียต เพราะปีนั้น สง ครามกับนาซีเยอรมันถือว่าหนักหนาสาหัสมาก
ในปีนั้น ซาช่าของแม่ก็ตาย ร้อยตรีอเล็กซานเดอร์ วัย 20 ลูกชายคนเล็กของแม่ ที่เพิ่งจบโรงเรียนนายร้อยหมาดๆ ถูกส่งไปรบที่ยูเครน หน่วยของเขาถูกข้าศึกสังหารเรียบ เหลือร้อยตรีหนุ่ม หัวหน้าหน่วยอยู่คนเดียว และเขาก็ตัดสินใจกำระเบิดที่แกะสลักแล้ว วิ่งไปหาศัตรู เพื่อแลกชีวิตของตนเองกับข้าศึกเป็นครั้งสุดท้าย
1
วีรกรรมนี้ ทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษของประเทศชาติในเวลาต่อมา
แต่แม่ไม่รู้ แม่รอจดหมายจากลูก รอการมาแจ้งข่าวของกองทัพ แต่เมื่อไม่มีใครมาบอกว่าลูกของแม่ตาย แม่ก็ยังเชื่อว่าพวกเขายังมีชีวิต อาจจะบาดเจ็บอยู่ที่ไหนสักแห่ง วันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ และแล้วกองทัพก็ทะยอยมาแจ้งเรื่องความตายของลูกของแม่ หัวใจของแม่ จึงเหมือนถูกมีดกรีดครั้งแล้วครั้งเล่า
จอมพลเกรชโก และพลเอกเอปิเชฟ เคยเขียนจดหมายถึงแม่ของ 9 นักรบผู้กล้าในปี 1966 ระบุว่า
" คุณแม่ได้เลี้ยงดูอบรมสั่งสอนลูกชายทั้ง 9 คน ,คนที่คุณแม่รักมากที่สุด 9 คนที่ได้แสดงความกล้าหาญในนามของมาตุภูมิแห่งสหภาพโซเวียต ด้วยการสู้รบของพวกเขา พวกเขาได้เข้าไปใกล้วันแห่งชัยชนะที่ยิ่งใหญ่เหนือฝ่ายศัตรูของเรา พวกเขาทำให้ชื่อของตัวเองเป็นที่สรรเสริญ ส่วนคุณแม่ ซึ่งเป็นคุณแม่ของทหาร คนที่ทหารเรียกว่าแม่ คุณแม่ได้ถักทอความอบอุ่นให้กับหัวใจลูกๆของท่าน พวกกระผมขอคุกเข่าคารวะต่อหน้าท่าน สตรีชาวรัสเซียที่แสนจะธรรมดาคนนี้ "
ปัจจุบัน ที่เมืองคูบาน มีพิพิธภัณฑ์ที่จัดตั้งเพื่อเป็นเกียรติกับ 9 พี่น้องสกุลสเตปานอฟ ที่เสียชีวิตในสงคราม พิพิธภัณฑ์นี้มีชื่อว่า พิพิธภัณฑ์พี่น้องสเตปานอฟ แต่คนที่นี่มักเรียกกันว่า พิพิธภัณฑ์แม่รัสเซีย หลังสงคราม คุณแม่ท่านนี้ นำข้าวของของลูกชายมาจัดแสดงที่นี่ ทุกชิ้นได้สื่อออกมาถึงความรักความห่วงใยของแม่ที่มีต่อลูก ทุกอย่างถูกเก็บไว้ที่นี่ เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของผู้เป็นแม่ ไม่ให้ต้องคิดถึงลูกชายทั้ง 9 ของท่านมากนัก ไม่ว่าจะเป็นไวโอลินของวาสิลี สมุดเขียนกลอนของอีวาน หรือดินจากหลุมศพของซาช่า
หลังสงคราม ทั่วประเทศรู้จักครอบครัวนี้ รู้จักสุดยอดคุณแม่รายนี้ มีการเขียนหนังสือ ทำหนัง สร้างพิพิธภัณฑ์ ทำสารคดีเกี่ยวกับคุณแม่รายนี้มากมาย
ในหนังสารคดีที่ยังมีเก็บไว้ ยอดคุณแม่ในวัย 90 ปี ที่แต่งตัวแบบหญิงชราบ้านนอกชาวรัสเซีย ท่านผูกผ้าโพกศรีษะสีขาว ท่านพูดด้วยเสียงเบาๆ แบบที่ใครได้ยินเสียงท่าน ก็ต้องมักจะรู้สึกว่าท่านพูดกับเขาเพียงคนเดียว ท่านเล่าถึงช่วงปีที่ลูกทั้ง 10 ของท่านเติบโตอยู่ใกล้ๆตัว ซึ่งก็คือความสุขที่จากไปไกลแสนไกลของท่าน
และแล้วคุณแม่ก็น้ำตาไหล เสียงหายไปในลำคอ เมื่อเล่าถึงการจากไปของลูกๆทั้ง 9 " ลูกๆของฉันไปสงครามทุกคน แล้วฉันก็ไม่มีลูกชาย " มาถึงฉากนี้ คนที่ได้ดูทุกคนต้องร้องไห้
จนถึงปัจจุบัน ไม่มีใครตอบได้ว่า หลุมศพลูกของแม่ 3 คน คือปาเวล ฟิลิปป์ และวาซิลี อยู่ที่ไหน ไม่มีที่ไหนให้แม่ไปยังหลุมศพของลูกทั้ง 3 เพื่อที่จะร้องไห้ ปลดปล่อยความเจ็บปวด
แม่ขึ้นไปสู่สวรรค์เพื่อพบกับลูกๆทั้ง 9 ของท่านเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 1969 ศพของแม่ถูกนำมาฝังอย่างสมเกียตริของผู้ให้กำเนิด 9 ทหารกล้า ทุกหน่วยทหารในพื้นที่ ส่งทหารมาร่วมในพิธี และตั้งแต่วันนั้น ผู้คนมากมาย ต่างก็แวะเวียนมาเคารพหลุมฝังศพของแม่ที่แบกรับความเจ็บปวดของการสูญเสียลูก ทั้ง 9
By รุสสกี้
#..เจาะเวลาหาอดีต
โฆษณา