24 ก.ค. 2022 เวลา 02:27 • หนังสือ
เจริญสติแบบเคลื่อนไหว ตามดูกายเคลื่อนไหว ตาม ลมหายใจ จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยากแต่สะดวกตรงที่ทําเวลาไหนก็ได้ ทําได้ตั้งแต่ตื่นนอน อาบน้ำ ล้างหน้า ขับรถ รองลงมาก็คือตามดูจิตหรือความคิด
ผสมผสานกับการตามดูการเคลื่อนไหวของร่างกาย เช่นเมื่อโดนเจ้านายด่า ก็จะรู้ทันว่าความโกรธกําลังก่อตัวขึ้น รู้สึกถึงมือไม้ที่กําลังสั่นเพราะความโกรธ
เป็นแนวทางหนึ่งใน สติปัฏฐานสูตรที่ใช้ฐานกายและจิต เป็นหลักให้จิตยึดเกาะ
แต่วิธีนี้มักใช้ไม่ได้ผลสําหรับคนที่พึ่งเริ่มเพราะสติอ่อนไล่ไม่ทันความเคลื่อนไหว ซึ่งแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว จําเป็นต้องไปนั่งหลับตาสมาธิเพื่อเพิ่มกําลังสติแบบสมถะเสียก่อน โดยใช้วิตก วิจารณ์และเดินจิตใช้ลมหายใจเข้าออกหรือคําบริกรรมพุทธโธเป็นอารมณ์ เพื่อให้เกิดสมาธิในฌาน (วิตก วิจารณ์ ปิติ สุข เอคกัคคัตตา) สมาธิจะตั้งมั่นเกิดความสงบ สติจะเพิ่มพูน แต่สมาธิแบบสมถะเป็นไปในทางสงบและจะหลงเข้าไปยึดติดโดยง่าย เพราะจะเข้าใจว่าตนบรรลุแล้ว
เนื่องจากฌานและอภิญญามักจะเกิด เช่นเห็นแสงสี เห็นพระพุทธเจ้า เห็นดวงแก้ว เป็นสมาธิในแนวทางของศาสนาอื่นๆ แต่ศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าค้นพบแนวทางวิปัสสนาซึ่งเป็นหนทางในการหลุดพ้นโดยแท้จริง โดยมุ่งเข้าสู่ญาณวิปัสสนาละสังโยชน์ 10 ประการ ไล่ไปตั้งแต่กิเลสอย่างหยาบไปจนถึงขั้นละเอียดและทําลายอวิชชาเป็นตัวสุดท้าย มองเห็นสภาวะในสติปัฏฐานครบทุกองค์อย่างต่อเนื่อง ( กาย จิต เวทนา ธรรม )
ผมจึงตั้งหลักฝึกทั้งในสองรูปแบบ คือแบบเคลื่อนไหวและแบบนั่งหลับตา ( สมถะและวิปัสสนา) ตามโอกาสที่เหมาะสม แต่ด้วยกําลังของสติยังอ่อน สมาธิยังไม่ตั้งมั่นที่ควร และวิริยะไม่เพียงพอเนื่องจากภาระหน้าที่การงาน แต่คิดว่าจะกลับไปฝึกแบบนั่งหลับตาแบบ อานาปานสติอีกครั้ง ในแนวทางของครูบาอาจารย์สายวัดป่าแต่ตอนนี้ สะดวกในการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวแนวหลวงพ่อเทียน และหลวงปู่ ติช นัทฮันห์ ซึ่งเข้ากันได้กับการดำเนินชีวิตประจำวัน ระหว่างนี้ก็ศึกษาในเชิงปริยัติธรรมเพื่อเพิ่ม สุตตะและจินตะปัญญา ไปพลางๆก่อน
หากหลวงพี่ มีข้อชี้แนะประการใดจะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง เพราะตัวกระผมยังมีความยืดมั่นถือมั่นสูงปรี๊ด กิเลสเกาะอย่างหนาและสติอ่อนไล่ไม่ทัน แต่หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆให้ทันก่อนตาย
โฆษณา