25 ก.ค. 2022 เวลา 12:30 • ข่าวรอบโลก
ไก่แพงคือวิกฤตความั่นคงทางด้านอาหารกับวิกฤตข้าวมันไก่ในสิงคโปร์
เจ้าโปรดผมที่สิงคโปร์ มาแล้วต้องแวะทานที่มาของบทความวันนี้
สืบเนื่องจากข่าว2 ประเด็นกับผมที่นั่งชิมข้าวมันไก่อยู่ที่สิงคโปร์ว่าร้านไหนอร่อย ทำให้อยากออกความเห็นที่น่าสนใจจากข่าว 2 เรื่องถึงวิกฤตความั่นคงทางด้านอาหารที่เข้าบรรยากาศการกินข้าวมันไก่ในสิงคโปร์จริงๆ
1. ราคาไก่ในบ้านเราแพงขึ้นมาก หมูแพงเจอไก่แพงอีก นี้เรียกภาวะข้าวยากหมากแพงโดยราคาไก่เป็นปรับเพิ่มขึ้นถึง 32% นับตั้งแต่ต้นปี 2565 จนล่าสุดอยู่ที่ 50 บาทต่อกิโลกรัม จนมีข่าวว่ารัฐบาลจะเข้าควบคุมราคาหน้าฟาร์มทำให้ราคาหุ้นกลุ่มหมู และไก่ ปรับลดลงแรง ได้แก่ TFG ลดลง -10.9% ล่าสุดอยู่ในระดับ 5.80 บาท/หุ้น  GFPT ปรับลดลง -9.6% ล่าสุดอยู่ในระดับ 15.30 บาท/หุ้น  และ CPF ปรับลดลง -3.9%  ล่าสุดอยู่ในระดับ 25.25 บาท/หุ้น ในวันที่ 19 กค
ราคาไก่บ้านเราในวันที่ 23 กค 65
2. วาทะเด่นของคุณเกรซ ฝู ไห่ เยี่ยน รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมแห่งสิงคโปร์ที่ปราศรัยต่อรัฐสภา แนะนำประชาชนหันไปรับประทานไข่แทน หากไม่สามารถซื้อหาเนื้อไก่ได้ในภาวะวิกฤตขาดแคลนเนื้อไก่ในประเทศฟังดูแล้วทำให้คิดว่าวิกฤติไก่ในสิงคโปร์เป็นระดับอาเซียนกันเลยสำหรับคนที่ติดตามข่าวเศรษฐกิจอาเซียนตอนนี้โดยเฉพาะวิกฤติข้าวมันไก่ขาดไก่ที่สิงคโปร์
คุณเกรซ ฝู ไห่ เยี่ยน รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสิ่งแวดล้อมแห่งสิงคโปร์ เจ้าของวาทะ
ภาวะ ขาดแคลน ไก่ในประเทศสิงคโปร์ได้เกิดขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้วโดยปัญหาหลักมาจากการที่ประเทศมาเลเซียประกาศหยุดส่งออกไก่ ทั่วโลกรวมถึงประเทศสิงคโปร์ด้วยถ้าดูจากอัตราส่วนการนำเข้าประเทศสิงคโปร์นำเข้าไก่จากมาเลเซียเพียงแค่ 34% โดยมีบราซิลเป็นคู่ค้าหลักในการนำเข้าไก่ถึง 50% แต่สิ่งที่น่าสนใจคือในจำนวน 34% จากประเทศมาเลเซียเป็นไก่สด ไม่ใช่ไก่แช่แข็งเหมือนกับบราซิลและประเทศอื่นๆไก่สดในที่นี้หมายถึงการนำเข้าไก่ ที่ยังมีชีวิตและนำมาเชือดในประเทศเพื่อให้ได้ไก่สดอย่างแท้จริง
วิกฤตินี้ก็ส่งผลกระทบถึงร้านขายข้าวมันไก่ในสิงคโปร์เพราะพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่นิยมปรุงด้วยไก่สดที่นำเข้าจากประเทศมาเลเซียมากกว่าการใช้ไก่แช่แข็ง เพราะทุกเจ้าโดยเฉพาะเจ้าดังดังมีความเห็นว่าไก่ สดมีรสชาติที่อร่อยกว่า
เมื่อข้าวมันไก่เป็นอาหารประจำชาติที่ทำให้ความต้องการไก่สดในตลาดสูงทางรัฐบาลสิงคโปร์เลยต้องพยายามแก้ปัญหาตรงนี้ไม่ว่าจะเป็นการพยายามนำเข้าไก่สดให้เพียงพอต่อความต้องการโดยเน้นประเทศเพื่อนบ้านรวมถึงประเทศไทยด้วย
ทำให้ความต้องการไก่ในบ้านเรามีปริมาณที่สูงขึ้นความผันผวนทางราคาจึงเกิดขึ้นเมื่อความต้องการตลาดต่างประเทศมีมากก็สามารถขายได้ในราคาที่ดีกว่าราคาไก่ในประเทศไทย โดยเฉพาะหลังจากที่มาเลเซียประกาศหยุดส่งออกไก่ผู้ประกอบการก็มุ่งไปที่ตลาดสิงคโปร์ ทำให้เกิดผลกระทบราคาไก่ที่บ้านเรา สูงขึ้นเหมือนกับประเทศมาเลเซีย ก่อนประกาศยุติส่งออกไก่
แล้วทำไมมาเลเซียถึงหยุดส่ง?
ต้นทุนสูงขึ้น ความต้องการส่งออกมากขึ้น ราคาส่งออกดีกว่าราคาภายในประเทศขนรัฐต้องระงับส่งออกเพื่อลดปัญหา
เพราะว่าราคาไก่ภายในประเทศของเค้ามีอัตราเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูงโดยปัจจุบันโดยราคาไก่จากต้นทุนควรอยู่ที่ 17 ริงกิตต่อหนึ่งกิโล แต่รัฐบาลพยายามพยุงราคาไก่โดนกดราคาไว้ให้ราคาตลาดขายอยู่ที่ 8.9 ริงกิตหมายความว่าราคาไก่ในมาเลเซียไม่ได้สะท้อนราคาที่แท้จริง สาเหตุที่ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเพราะการอาหารสัตว์ขาดแคลนอันเนื่องมาจากสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและประเทศยูเครนที่ยืดเยื้อมากกว่าห้าเดือนทุกคนคงทราบว่ายูเครนเป็นหนึ่งในประเทศผู้ส่งออกอาหารสัตว์ลำดับต้นต้นของโลกไม่ใช่แค่ไก่แต่ส่งผลถึงเนื้อหมูด้วย
ดังนั้นไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมประเทศไทยก็กำลังประสบปัญหาเช่นเดียวกับมาเลเซียในเรื่องของราคาตลาดที่พุ่งขึ้นถึง 35% และมีข่าวว่ารัฐบาลไทยอาจจะต้องแทรกแซงราคาจนทำให้หุ้นตกเลยทีเดียวเราคง ที่สำคัญความต้องการจากตลาดต่างประเทศพุ่งสูงมาก
10 เท่าที่เพิ่มขึ้นกำลังผลิตเราไปถึงทันไหม และนี้คือผลกระทบจากช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
นี่แหละครับวิกฤติที่มาจากสงครามฟังดูแล้วเหมือนไกลตัวแต่สุดท้ายก็วนมาใกล้ตัว และกระทบเป็นลูกโซ่เดือดร้อนเงินในกระเป๋าเราอีกเพราะนอกจากอาหารสัตว์แล้วยูเครนยังส่งออกวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยด้วยต่อไปผักก็จะมีราคาสูงขึ้นอีกให้จับตาดูช่วงเทศกาลกินเจในเดือนตุลานี้วาผักจะแพงขนาดไหน
เรื่องราคาไก่เราก็คงต้องดูกันว่าจะต้องถึงขั้นงดส่งออกไก่แบบประเทศมาเลเซียหรือไม่และในความคิดของผม เราคงไม่ไปถึงจุดนั้นเพียงแต่ต้องเตรียมรับมือกับราคาไก่ที่มีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นและส่งผลกระทบต่อราคาอาหาร
ผลกระทบนี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกว่าวิกฤตความมั่นคงด้านอาหารเป็นเรื่องใกล้ตัวและส่งผลต่อค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้น
หลายประเทศประกาศระงับการส่งออกมาสักระยะและเริ่มเห็นผลในวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ
โชคดีของคนไทยคือเราเป็นประเทศผู้ผลิตอัตราการนำเข้าอาหารมีไม่สูงมากมีกำลังการผลิตภายในค่อนข้างเยอะวิกฤตเหล่านี้เลยยังไกลตัวเพียงกระทบแค่ราคาต้นทุนอาหารและวัตถุดิบเพิ่มขึ้นแต่สำหรับสิงคโปร์ที่มีอัตราการนำเข้าอาหารถึง 90% ของจำนวนวัตถุดิบทั้งหมดในประเทศทำให้กระทบกับชีวิตประจำวันโดยเฉพาะรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดมากกว่าประเทศอย่างเรา ก็ขอให้ประเทศไทยใช้โอกาสวิกฤตนี้ให้เป็นประโยชน์ในการเพิ่มศักยภาพในการส่งออกครัวไทยไปสู่ครัวโลกพลิกฟื้นเศรษฐกิจเราจากโควิดที่ผ่านมาให้เร็วยิ่งขึ้น
ไม่รู้ว่าเคเอฟซีจะขึ้นราคาไหม
โฆษณา