28 ก.ค. 2022 เวลา 02:06
Phase 2 ของสงครามระหว่างเฟดกับเงินเฟ้อ
2
เมื่อคืน ระหว่างฟังท่านประธานเฟดแถลง และถามตอบ เป็นเวลา 1 ชม
ตลาดต่างๆ ปรับตัวขึ้น
Dow Jones +500 จุด +1.6%
Nasdaq +480 จุด +4.1%
Bitcoin บวกเกือบ 2,000 ดอลลาร์
ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะ
เฟดกำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ของสงคราม
1
ที่นักลงทุนเริ่มเห็นว่า
(1) สูตรยาของเฟดเริ่ม "แรงพอ"
ไม่มี surprise ในสิ่งที่ท่านประธานเฟดพูด
ถ้าจะว่าไปแล้ว คงนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มสงครามกับเงินเฟ้อมา
ที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าตลาด "เคยกลัว"
จาก 2 สัปดาห์ที่แล้ว ที่ตลาดเคยคาดว่า เฟดคงจะต้องขึ้น 1%
แต่หลังฟังคำพูดของกรรมการบางส่วน
ตลาดก็ค่อยๆ ปรับการคาดการณ์ว่า ครั้งนี้คงจะขึ้นประมาณ 0.75%
พร้อมแอบกลัวนิดๆ อยู่ลึกๆ ว่าจะมีอะไรมาเกินที่คิด
1
แต่สุดท้าย เฟดก็มาตามนัด
เรื่องนี้มีนัยยะ
เพราะจากที่ เฟดเคยมือหนัก ใส่ยาแรง กว่าที่เคยบอกไว้เสมอ
2
บอก 0.25% ก็ขึ้น 0.5%
1
บอก 0.5% ก็ขึ้น 0.75%
1
ครั้งนี้ บอก 0.5-0.75% ก็ทำตามที่พูด 0.75%
2
หมายความว่า สูตรยาที่เฟดจ่าย เริ่ม "แรงพอ"
ไม่มีแถม
นอกจากนั้น ท่านประธานเฟดยังบอกระหว่างแถลงว่า
0.75% เป็นการขึ้นที่มาก และเป็นขนาดที่ไม่ปกติ
ถ้าข้อมูลชี้ว่ายังจำเป็นอยู่ ครั้งหน้าคงขึ้น 0.75% อีกครั้ง
แต่ 1.0% ไม่ค่อยได้พูดถึงกัน
ทำให้ตลาดโล่งใจ "ว่าที่แย่ๆ เฟดต้องมือหนัก ได้ผ่านไปแล้ว" !!!!
1
(2) "ยาเริ่มออกฤทธิ์" และความกังวลใจเริ่มเปลี่ยน
1
ภาษาที่เฟดใช้เริ่มเปลี่ยน
โดยในแถลงการณ์ล่าสุด เริ่มบอกว่า
Spending and production has softened
การใช้จ่ายและการผลิตเริ่มอ่อนตัวลง !!!
Growth in consumer spending has slowed significantly.
การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอลงอย่างมีนัยยะสำคัญ
Activities in housing sector has weakened
ความคึกคักของภาคอสังหาเริ่มลดลง
Business fixed investment also looks to have declined in Q2
การลงทุนของภาคธุรกิจก็หดตัวลง
คำพูดเหล่านี้ softened, slowed, weakened, declined ถ้าจะว่าไปแล้ว คงเป็นครั้งแรกรอบนี้ ที่เฟดเริ่มใช้ จากเดิมจะบอกว่า แข็งแรง ดีเกินคาด ดีที่สุดในรอบหลายสิบปี
1
สะท้อนว่ายาเริ่มออกฤทธิ์ตามที่เฟดตั้งใจ ให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง
และหมายความต่อไปว่าสูตรยา "น่าจะแรงพอ" อย่างที่บอกไปข้างต้น
นอกจากนี้ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ระหว่างที่ฟังคำถามจากผู้สื่อข่าวมากกว่า 20 คนระดมถามกัน ก็คือ
"ความกังวลใจของทุกคนเริ่มเปลี่ยน" จากช่วงก่อนหน้า
1
เดิมกังวลใจว่า จะเอาเงินเฟ้อไม่อยู่
เงินเฟ้อกำลังพุ่ง และไม่รู้ว่าจะพุ่งไปถึงที่ไหน
Fed is behind the curve
1
ตอนนี้ นักข่าวเริ่มคิดว่า เงินเฟ้อน่าจะเริ่ม Peak และดีขึ้นในช่วงถัดไป
เลยไม่เน้นถามเรื่องเงินเฟ้ออย่างเคย แต่กลับมากังวลใจเรื่องใหม่แทน ก็คึอ Recession
โดยเริ่มมีคนถามว่า
- เราอยู่ใน Recession หรือยัง
- จะวัดอย่างไร
- ถ้าวันพรุ่งนี้ ตัวเลข GDP Q2 ออกมาติดลบ จะถือว่า Recession หรือยัง
 
- เฟดจะลดดอกเบี้ยเมื่อไหร่
- เงื่อนไขอะไรที่จะทำให้เฟดลดดอกเบี้ย
เรียกได้ว่าเป็น "หนังคนละม้วน" กับช่วงที่ก่อนหน้า
จากที่มักจะถามว่า "จะใส่ยาแรงกว่าเดิมอีกไหม" ตอนนี้เริ่มกลายเป็น "จะลดยาเมื่อไหร่"
ยอมรับกับความจริงว่า
การต่อสู้ของเฟดกับเงินเฟ้อกำลังเข้าสู่ช่วง 2
และ Recession รออยู่
Soft landing คงเกิดยาก เพราะแม้แต่คนขายไอเดีย (ท่านประธานเฟด) ก็ยังบอกว่า หนทางไปสู่จุดนั้น ดูยากขึ้นเรื่อยๆ
2
โดยท่านประธานเฟดบอกว่า
We are highly attentive to inflation risks and determined to take the measures necessary to return inflation to our 2 percent longer-run goal. This process is likely to involve a period of below trend economic growth and some softening in labor market conditions, but such outcomes are likely necessary to restore price stability and to set the stage for achieving maximum employment and stable prices over the longer-run
แปลง่ายๆ ว่า ขอให้ทุกคนทำใจ เศรษฐกิจจะต้องตก ต้องแผ่วไปช่วงหนึ่ง (below trend) แต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งหมายความต่อไปว่า คนจะต้องตกงาน บริษัทต้องปิด แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในระยะยาว
ทั้งหมดนี้รวมแล้วหมายความว่า เราได้เข้าสู่ Phase 2 ของสงครามของเฟดกับเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังตายใจไม่ได้
เพราะสิ่งที่ท่านประธานเฟดยังไม่ยอมบอก ยังตอบเลี่ยงไปมา ก็คือ
ดอกเบี้ยสุดท้ายแล้ว จะต้องขึ้นไปสูงสุดแค่ไหน
ต้องจ่ายยาอีกเท่าไร อีกกี่รอบจึงจะเอาอยู่
เรื่องนี้จะสำคัญต่อไป เพราะตลาดยังคิดว่า 3.5-3.8% น่าจะพอ
แต่ท้ายที่สุดแล้ว อาจต้อง surprise เป็นระยะๆ ทุกๆ 6-8 สัปดาห์ว่า
เฟดยังไม่จบ" ต้องขึ้นไปต่อ อีกพอสมควรครับ !!!!
1
#ท่องเศรษฐกิจกับดรกอบ #เฟด
โฆษณา