29 ก.ค. 2022 เวลา 14:15 • หุ้น & เศรษฐกิจ
เตรียมรับมือผลกระทบเฟส 3
เฟดขึ้นดอกเบี้ยแรง
Recession - เศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ!!!
ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก “ท่องเศรษฐกิจกับดร.กอบ” หลัง GDP ไตรมาส 2 ของสหรัฐ ออกมา -0.9% ต่ำเกินความคาดหมายของตลาด ซึ่งเคยอยู่ที่ 2-3% เมื่อกลางเดือน พ.ค. และล่าสุดลดมาอยู่ที่ 0.4-0.5% ก่อนประกาศตัวเลขดังกล่าว
ทั้งนี้ ในขณะนี้ที่สหรัฐกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด โดยข้างหนึ่ง บอกว่าเป็น Technical Recession แล้ว เนื่องจากติดลบต่อกัน 2 ไตรมาส ส่วนอีกข้าง นำด้วยคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของท่านประธานาธิบดีไบเดน และท่านประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บอกว่า "ยังไม่ถดถอย" เพราะคำจำกัดความจริงๆ ของเศรษฐกิจถดถอย ก็คือ ต้องแย่ไปหมดเกือบทุกอย่าง อย่างต่อเนื่อง แต่ขณะนี้ ตลาดแรงงานสหรัฐยังทำงานได้ดี มีการสร้างงานใหม่ ซึ่งถ้าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่งขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่า ไม่น่าจะเป็น Recession
ส่วนตลาดหุ้นเมื่อวานนี้ (28 ก.ค.) Dow Jones +332 จุด หรือ 1% Nasdaq +130 จุด หรือ 1% Bitcoin +1000 จุด หรือ 4.6% ตีความว่า "ข่าวร้ายของเศรษฐกิจ คือ ข่าวดีของเรา" เพราะถ้ามี Recession เฟดก็คงไม่ขึ้นดอกเบี้ย
ในประเด็นนี้ ต้องบอกว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะไปเถียงเรื่องคำจำกัดความ จุดสำคัญอยู่ที่ (1) เศรษฐกิจสหรัฐแผ่วลงมากจากที่เคยขยายตัวได้ 5.7% เมื่อปีที่แล้ว โดยเฉพาะในไตรมาสสุดท้ายขยายตัวได้ 6.9% แข็งแกร่งสุดๆ ตอนนี้ ติดลบมา 2 ไตรมาสแล้ว เรียกได้ว่า เป็นหนังคนละม้วน กับเมื่อปีที่แล้ว เรื่องนี้ต้องบอกว่าเป็น ระฆังเตือนภัย เพราะเศรษฐกิจที่ดี ไม่มีปัญหา จะไม่ทำตัวแบบนี้ เสียเวลาที่จะไปเลี่ยงบาลีไปมา บอกว่ายังไม่เข้าคำจำกัดความ เพราะต้องยอมรับความจริงว่า ตอนนี้ ความเชื่อมั่นหาย ความกังวลใจเต็มไปหมด
(2) เศรษฐกิจสหรัฐจะอ่อนแออย่างนี้ต่อไป ในไตรมาสข้างหน้า เพราะคนไม่ใช้จ่าย ธุรกิจไม่ลงทุน !!! หากไปดูไส้ในของข้อมูล GDP ที่ออกมา -0.9% จะพบว่า การบริโภคสินค้าต่างๆ -4.4% (ส่งผลให้ GDP -1.08%) หมวดสินค้าคงทน -2.6% จากความกังวลใจว่าเศรษฐกิจจะไม่ดี Recession อยู่ข้างหน้า คนจึงชะลอการใช้จ่ายในหมวดใหญ่ๆ เช่น รถ เครื่องใช้ในบ้าน อุปกรณ์ไฟฟ้า ออกไป หมวดสินค้าไม่คงทน -5.5% จากกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มนอกบ้าน การลงทุนภาคเอกชน -13.5% (ส่งผลให้ GDP -2.73%)
นอกจากนี้ หมวดก่อสร้างในโรงงานอาคารต่างๆ -11.7% จากการชะลอการลงทุนของเอกชนเพื่อรับกับเศรษฐกิจที่กำลังชะลอลง หมวดอุปกรณ์เครื่องจักรต่างๆ -2.7% ที่เริ่มสั่งซื้อลดลง เพราะช่วงต่อไปไม่ต้องขยายกำลังผลิตและกิจการ หมวดการสร้างบ้าน -14.0% สอดรับกับการปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์สหรัฐ ที่กำลังเข้าสู่ช่วงขาลง และหมวดสินค้าคงคลัง ที่เป็นผลมาจากการลดลงของยอดการขายสินค้าต่างๆ รวมถึงยานยนต์ ทั้งหมดนี้ ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐติดลบในไตรมาส 2 ทั้งๆ ที่ ภาคส่งออกสหรัฐขยายตัวดีเป็นพิเศษ +18.0% (ส่งผลให้ GDP +1.92%)
1
“หากลองคิดดู ที่น่ากังวลใจจริงๆ คือ ตัวเลขหมวดเหล่านี้จะยังอ่อนแอต่อไป เพราะคนจะยังไม่ใช้จ่าย ธุรกิจจะยังไม่ลงทุน ไปอีกระยะ ในช่วงขาลง ซึ่งเมื่อ Global Recessions ส่งผลต่อภาคส่งออกสหรัฐ ความอ่อนแอของสหรัฐก็จะยิ่งเด่นชัดขึ้น”
(3) สหรัฐคงจะเข้าสู่ภาวะ Recession ในที่สุด ไม่วันนี้ก็วันหน้า เป็นเพียงแค่เวลาเท่านั้น ที่กล่าวเช่นนี้ เพราะเฟดกำลังขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสู้สงครามกับเงินเฟ้อ โดยดอกเบี้ยยังจะขึ้นไปอีกมาก เพื่อสยบเงินเฟ้อที่สูงลิ่วที่ 9.1% เมื่อดอกเบี้ยขึ้นสูง การซื้อบ้าน ซื้อรถ ซื้อของใช้ การลงทุนเอกชนต่างๆ ก็จะลดลงเป็นเงาตามตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนตัวลงมากกว่านี้ คนตกงาน บริษัทปิดกิจการ เป็นเรื่องที่เฟดบอกว่า "จำเป็น" เพื่อจัดการเงินเฟ้อ
สุดท้าย เศรษฐกิจก็จะเข้าสู่ภาวะถดถอย แบบที่ไม่ต้องมาถกเถียงกันว่า ตรงกับคำจำกัดความแล้วหรือยัง พูดได้ว่า ป่วยการที่จะมาเถียงกันแบบเด็กๆ เรื่องคำจำกัดความ มารับความจริงกันว่า "ขาลงกำลังมา" เร่งเตรียมการรองรับในเวลาที่เหลืออยู่ น่าจะเป็นประโยชน์กว่าเพราะถ้าเราใช้เวลาที่เหลือ เตรียมการให้ดี เราก็จะผ่านไปได้
1
ดร.กอบศักดิ์ กล่าวผ่าน Money Chat หลังเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งที่ 2 ในช่วงการประชุมวันที่ 26-27 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า อีก 6 เดือน จะเริ่มเห็นสัญญาณผลกระทบเฟสที่ 3 เริ่มมีบางบริษัทปิดกิจการ ล้มละลาย และมีคนตกงานในสหรัฐอเมริกา
“เราเห็นบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐเริ่มมีการปรับตัวลดการจ้างงาน ไม่รับพนักงานเพิ่มเพื่อรองรับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในวันข้างหน้า”
สำหรับความรุนแรงของภาวะเศรษฐกิจถดถอยในครั้งนี้ ดร.กอบศักดิ์ มองว่าจะอยู่ในระดับกลางๆ ไม่ลุกลามเหมือนที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ปี 2008 และไม่เกิดขึ้นเร็ว เพราะเฟดยังต้องสู้ศึกกับเงินเฟ้อที่ค้างอยู่ในระดับ 3-4% อีกสักพัก
ส่วนที่ประธานเฟด บอกว่า จะชะลอเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงให้ปรับตัวลงมาสู่ระดับเป้าหมายระยะยาวของธนาคารกลาง 2%โดยภาวะเศรษฐกิจเติบโตชะลอตัว แต่ไม่เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนั้นเป็นเรื่อง “เฟ้อฝัน”
โฆษณา