บางคนอาจจะเจอหัวหน้าที่น่าจะรุ่งแล้วทุ่มสุดตัวไปที่คนๆเดียว นักลงทุน VI ก็ใช้คำนี้กันบ่อยๆเวลาเจอหุ้นที่ใช่ ใส่แทบหมดหน้าตัก จังหวะที่ถูกต้องกับ bet ที่สุดตัว ก็ทำให้ชีวิตก้าวกระโดดไกลกว่าคนอื่นที่มีจังหวะถูกต้องแต่ไม่กล้าอย่างมาก
แน่นอนว่าถ้า all in ผิดก็หมดอนาคตไปก็มี พี่เล้งบอกว่าการ all in ตลอดเวลาก็หมดตัวเอาง่ายๆ ไพ่ขึ้นไม่ดีก็ต้องหมอบ คนที่โชคร้ายคือคนที่เจอคนไม่ดีมาชวนแล้วไม่ยอมหมอบแต่ all in ชีวิตพังทลายเอาง่ายๆเหมือนกัน แต่ถ้ามั่นใจและ “เห็น” ในโอกาสที่ถูกต้อง แล้วรู้ว่าช่วงไหนต้องใส่เท่าไหร่ ก็ทำให้หลายคนรวย หรือประสบความสำเร็จในสายงานของตัวเองได้มากกว่าคนอื่นเช่นกัน
1
พี่เล้งบอกว่า การ all in นั้นนอกจากจะทำให้เวลาบวกก็บวกแรงแล้ว ยังเปิดโสตประสาท ทำให้เราละเอียดถี่ถ้วน มีโฟกัสกับงานหรือสิ่งที่ใส่ไปหมดตัวอย่างมาก เดิมพันที่สูงก็ยิ่งทำให้ยิ่งตั้งใจ พี่เล้งยกตัวอย่างเวลาตีกอล์ฟ เล่นพนันหลุมละพันกับหลุมละยี่สิบความตั้งใจจะต่างกันมาก
ผมก็เคย “all in” อยู่หลายครั้งในชีวิต ทั้งเรื่องการออกจากสายการเงินไปการตลาดทำให้ไม่มีทางถอยนอกจาเดินหน้าต่อในสายอาชีพใหม่ การได้งานสำคัญตอนปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ของดีแทคแล้วใส่สุดตัวจนผ่านมาได้จนเป็นเรซูเม่สำคัญในชีวิต หรือการใส่เงินเกือบทั้งหมดไปที่หุ้นตัวเดียว พอมองย้อนกลับไปผมน่าจะโชคดีที่ all in ถูกในจังหวะที่สำคัญทำให้มีอาชีพการงานก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับเพื่อนๆที่เริ่มใกล้ๆกันเหมือนที่พี่เล้งบอก
นักปรัชญาโรมัน Seneca เคยบอกว่า โชคเท่ากับโอกาสบวกกับการเตรียมพร้อม (luck is what happens when preparation meets opportunity) พอมาคิดตามที่พี่เล้ง ผมก็อยากจะเติมจากคุณ seneca ว่า โชคนั้นน่าจะเท่ากับ โอกาสเจอกับการเตรียมพร้อมและการใส่แบบ all in จึงจะได้มาซึ่งความโชคดีสุดๆแบบทวีคูณ…