1 ส.ค. 2022 เวลา 15:23
รถควบคุมสั่งการ !!
อันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ลองคิดออกแบบเล่น ๆ ว่ารถควบคุมสั่งการในสนามรบมันควรจะหน้าตาเป็นยังไง ... ย้ำนะ เราแค่คิดออกแบบไว้สำหรับสนามรบ และราคาต่อคันก็น่าจะหลายล้านค่ะ เพราะอุปกรณ์มันเยอะ
- เราเอารถหกล้อมาเป็นพื้นฐานค่ะ เพราะมันบรรทุกของได้เยอะดี
- พอพูดถึงรถควบคุมสั่งการทางทหารแล้ว เราก็คิดว่ามันน่าจะต้องเป็นห้องควบคุมการปฏิบัตการแบบเครื่อนที่ได้ ถ้าเป็นรถที่ตำรวจใช้งาน มันก็อาจจะต้องเป็นรถที่ดูธรรมดา อาจจะต้องเป็นรถที่หน้าตาเหมือนรถบ้านเหมือนรถประชาชนทั่วไป แล้วก็มีห้องควบคุมที่มีอุปกรณ์ครบอยู่ในนั้น
- แต่ถ้าเป็นรถที่อาจจะต้องเอาไปทำค่ายทหารชั่วคราวตามสนามรบ เราก็คิดว่ารถคันนี้มันก็ควรจะเป็นรถถังผสมกับรถบ้าน
- ตอนเรานั้งออกแบบเราก็ยังไม่ได้ติดตั้งอาวุธเข้าไปค่ะ เพราะยังคิดไม่ออกว่าจะติดตรงไหน และก็คิดอยู่ว่าควรจะติดอาวุธรึเปล่า เนือกจากว่ามันเป็นรถควบคุมสั่งการ มันก็จะไม่ใช่รถที่เอาไว้ทำการรบโดยตรง
- แต่ความที่มันจะต้องไปอยู่ใกล้สนามรถ มันก็ต้องเป็นรถที่ปกป้องตัวเองได้ในระดับหนึง และมันก็ต้องเป็นรถที่ถึกทนมาก ๆ และต้องมีความคร่องตัวด้วย เราก็เลยเลือกใช้รถหกล้อ
- รถหกล้อที่เอามาใช้ ต้องมีควากว้าที่ 2.5 เมตร หรือมากกว่านั้น แต่ไม่ควรเกิน 2.8 เมตร ด้านหน้าก็มีพลขับที่เป็นคนคุ้มกันรถด้วย 3 คน และในห้องควบคุมสั้งการก็จะมี ทหารไซเบอร์ 3 นาย มีผู้บังคับบัญชา 1 นาย
- อุปกรณ์ก็อาจจะเป็นคอมพิวเตอร์ของกองทัพที่คิดข้นระบบปฏิบัติการเองก็ได้ ที่เก็บแบตเตอรี่ ที่เก็บอุปกรณ์ก็อาจจะเอาไว้เก็บพวกอาวุธประจำรถ หรือไม่ก็สะเบียง
- แล้วก็ห้องน้ำด้วย เผื่อว่าผู้บัญชาการจะอายุเยอะแล้วเข่าไม่ดี หรืออาจจะท้องเสียกลางสถานการณ์จริง ก็สามารถไปสั่งการต่อในส้วมได้ ...
- แต่การออกแบบครั้งนี้ เรารู้สึกว่ามีอยู่เรื่องนึงที่เราคิดไม่ออก นั่นก็คือการติกเกราะใต้ท้องรถ
- บางคนอาจจะคิดสงสัยว่า มันติดยากเหรอ หรือบางคนอาจจะคิดว่า จะติดทำไม ...
- คือเราได้ยินเรื่องเล่ามาเยอะ ว่าคนร้ายชอบวางระเบิดที่ใต้ท้องรถ แล้วก็ที่ถนน หรือแม้แต่การยิงระเบิดใส่ใต้ท้องรถ
- แต่เราไม่รู้ว่าควรจะติดตั้งยังไงให้เวลาที่มันโดนระเบิด มันจะส่งผลเสียกับรถน้อยที่สุด เราก็คิดไปหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการยึดกับตัวกันชน หรือไม่ก็ติดกับโครงแล้วก็ตัวถังไปเลย
- ที่เราคิดไว้ตอนนี้ก็คือ การยึดติดกับโครงรถและตัวถังเนี่ย ถ้าเราเชื่อมต่อและหาจุดยึดติดได้เรียบเนียนพอ มันจะป้องกันความเสียหายได้ดีมาก แต่ช่วงล่างรถบรรทุกมันไม่เหมือนรถกะบะหรือรถเก๋ง เพราะงั้น เราเลยคิดว่าน่าจะต้องเป็นรถที่ประกอบเอง ถึงจะดีที่สุด
- แต่การที่เราจะต้องมาพัฒนาช่วงล่าใหม่ มันก็อาจจะทำให้ต้นทุนสูงมาก (ในกรณีที่พัฒนาจริง ๆ นะ) เพราะงั้น เราก็อาจจะใช้เป็นรถกระบะแทนก็ได้ แล้วผู้บังคับบัญชาก็ไม่ต้องมานั่งในรถก็ได้ ไปบัญชาการอยู่ที่ศูนย์ควบคุม
- หรือจะใช้รถหกล้อเดิม ๆ แล้วดัดแปลงกระด้านล่างเอา หรือจะทำออกมาสองรุ่นเลย คือรุ่นหกล้อ กับรุ่นรถกระบะ แล้วก็เอาส่วนหนึ่งไว้เป็นรถบ้านให้ทหารราดตระเวรใช้
- ... สมมตินะ ว่าเราสร้างรถขึ้นมาได้ชุดนึง ในอนาคตถ้ากองทัพมีผู้นำที่ฉลาดพอ เราก็จะมีรถรุ่นสอง รุ่นสาม แล้วก็รุ่นต่อ ๆ ไป แล้วไอ้รถรุ่นเก่า ๆ ก็จะถูกเอามารีไซเคิล แล้วก็เหลือส่วนหนึ่งไว้ทำสตอรี่ ทำพิพิธภัญฑ์ทหารหรืออะไรก็ว่ากันไป แล้วมันก็อาจจะทำให้เรามียานยนต์เป็นของประเทศตัว และเราก็เชื่อว่าน่าจะมีประชาชนให้การสนับสนุนด้วย
- เงินจากการขายรถก็เอามาพัฒนาประเทศ เอามาเป็นทุนการศึกษาของประชาชน เอามาใช้ทำระบบสาธรณูประโภคต่าง ๆ ถ้าผู้นำประเทศเราคำนึงถึงประชาชนจริง ๆ แล้วก็ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีตั้งแต่ช่วงต้น ๆ หลังสงครามโลก ป่านี้ประเทศไทยก็มีบริษัทยานยนต์ของตัวเอง แล้วก็บริษัทเทคโนโลยีของตัวเอง เราอาจไม่จะเป็นต้องซื้อเรือดำน้ำจากประเทศอื่นก็ได้
- เราคิดว่า ประเทศเราควรจะให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากกว่านี้ ความรู้ที่คนอื่นคิดให้มานี่ก็เยอะ และเราคงจะไม่มีวันที่จะตามเขาทันถ้าหากว่าคนไม่กี่คนจะต้องตามเขาทุกเรื่อง แต่ถ้าเกิดว่าแต่ละคนตามในเรื่องที่ตัวเองชอบเพียงไม่กี่เรื่อง อันนี้แป๊บเดียวก็ทัน
- แต่มันจะมีคนประเทศนึงที่ไม่จำเป็นต้องตามใคร นั่นคือคนที่คิดได้เอง
- ประเทศไทยห่างไกลเรื่องพวกนี้ เหตุผลอย่างหนึ่งก็มาจากการกักเก็บความรู้ทั้งหลาย ความรู้ที่คนอื่นคิดมาให้แล้วก็ถูกใส่ไว้ในแบบเรียน อันนี้ก็หวงมาก บางวิชาคือผู้หญิงห้ามเรียน (ผู้ชายที่ไม่เข้าพวกแม่งก็ไม่ให้เรียน) หวงฉิบหาย แล้วทุกวันนี้เป็นไง ไอ้หวงวิชาทั้งหลายพัฒนาประเทศไปถึงไหนละ ...
- คนที่เขาต้องเสียอนาคตไปในอดีตก็ว่าน่าเสียดายแล้วนะ แต่ที่น่าเสียดายกว่าคือไอ้พวกวิชาเยอะทั้งหลายก็พัฒนาอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน เพราะไอ้ความรู้พวกนี้ ส่วนมากก็เห็นเอามาใช้เก็งกำไรมากกว่า หรือก็คือ เอามาขายต่อในราคาที่สูงขึ้นนั่นเอง
- ไม่ได้อยากจะดูถูกเหยียดหยามอะไรหรอกนะ แต่อยากจะให้ตระหนักถึงความทุเรศทุรังที่มันเคยมีมาแต่อดีต และปัจจุบันนี้ก็ไม่ได้มีการแก้ไขอะไรอย่างที่ควรจะเป็น ตอนนี้มีเด็กหลุดจากการศึกษาไปเท่าไหร่ ในอดีตมีเท่าไหร่ แล้วปัจจุบันซ่อมคนเก่าได้รึยัง แล้วเด็กที่เสียโอกาสตอนนี้ มึงจะซ่อมเขายังไง คิดรึยัง หรือเคยคิดมั้ย?
- เราเข้าใจว่าบางคนไม่เคยมาสนใจเรื่องพวกนี้หรอก ตราบเท่าที่ชีวิตแม่งดี นอนกินเงินภาษี มีพ่อแม่หาทุนให้ไปเรียนที่ดี ๆ (ทุนแม่งก็มาจากภาษีที่เอาไปล้างแล้ว) เรียนจบกลับมาพ่อก็เอายศมาให้เลย แล้วก็หางานดี ๆ ทำได้ง่าย ๆ มีเงินเอาไว้ซื้อของเล่นล้ำ ๆ ที่คนขาวทำมาขายให้ แล้วก็มีชีวิตอย่างสุขสบาย
- มองในมุมนึงก็ดูเหมือนจะเป็นแค่ไอ้ภาระธรรดา แต่ถ้ามองดี ๆ ก็จะรู้ว่า จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ภาระธรรมดา แต่มันเป็นตัวถ่วงความเจริญ ... ความถ่วงความเจริญนี่ เราหาเหตุผลมาพิมพ์ได้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นภาระทางภาษี และการกีดกันโอกาสคนอื่นเพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง ... ซึ่งมันเยอะค่ะ ถ้าจะให้พิมพ์ทั้งหมด ก็คงจะต้องเป็นหนังสือแล้วแหละ ... นะ
- เอาล่ะ ท้ายที่สุดนี้ เราก็ของอภัยในคำผิดทั้งหลายด้วยค่ะ ... แล้วบทความเรื่องค่าครองชีพนี่ก็ แก้แล้วแก้อีก ไม่เสร็จไม่สินสักที แต่ก็จะพยายามลงให้ได้ในสัปดาห์นี้นะคะ ...
โฆษณา